Advertisement

Advertisement

ขายไทยราคา 2.04 – 2.26 ล้านบาท TANK 500 HEV ไฮบริด 2.0T 248 แรงม้า

ขายไทยราคา 2.04 – 2.26 ล้านบาท TANK 500 HEV ไฮบริด  2.0T 248 แรงม้า

Advertisement

Advertisement

 

 

 

วันที่ 28 กันยายน 2023 All New GWM TANK 500 HEV ไฮบริด รถยนต์เอสยูวีพรีเมียมออฟโรดจากแบรนด์ TANK ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งใจออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กิจกรรมการผจญภัยของคนยุคใหม่ ประกาศราคาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 

ราคาจำหน่าย All New TANK 500 HEV ทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 

  • PRO : ราคา 2,049,000 บาท
  • ULTRA : ราคา  2,269,000 บาท 
ข้อเสนอพิเศษ Premiere Deal*
– ดอกเบี้ยพิเศษ 1.88% นาน 48 เดือน
– ฟรี ประกันภัยชั้น 1
– ฟรี GPSI บริการบำรุงรักษา นาน 5 ปี
– ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน นาน 5 ปี
– ฟรี ประกันแบตเตอรี่ไฮบริด นาน 8 ปี

 

สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ Value Pack ของ All New GWM TANK 500 HEV ไว้ในช่วง Pre-sale จะได้รับส่วนลดเงินสดมูลค่า 50,000 บาท และแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกค้าจะต้องวางเงินจองภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2566 เวลา 17.59 น. หรือภายใน 1 เดือนหลังจากการประกาศราคา มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ Value Pack ดังกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าที่จองสิทธิ Pre-sale จะได้สิทธิพิเศษรับรถก่อนลูกค้าที่จะเริ่มจองเข้ามาตามปกติ โดยลูกค้าที่จองสิทธิ์ Pre-sale จะต้องชำระเงินมัดจำภายใน 24 ชั่วโมงนับจากการเริ่มเปิดจอง หรือถึงเวลา 17.59 น. ของวันที่ 29 กันยายน 2566 เท่านั้น หลังจากนั้นลำดับการส่งมอบรถจะเป็นไปตามปกติ ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาการจ่ายเงินจองสำเร็จของลูกค้า

สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)

สีรถภายใน : สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะสีเทาคริสตัลในรุ่น ULTRA)

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร

  • พ่วงระบบอัดอากาศ VGT Turbocharged
  • พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT)
  • ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 244 แรงม้า
  • พร้อมแรงบิดเครื่องยนต์สูงสุด 380 นิวตัน–เมตร
  • กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า
  • พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตัน-เมตร 
  • พ่วงด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 1.7 kWh
  • กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 348 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุด 616 นิวตันเมตร
  • จับคู่กับเกัยร์อัตโนมัติ DHT 9 สปีต
  • ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด4L โหมด4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ สะท้อนสุนทรียภาพแห่งการผจญภัยด้วยแนวคิด “Nothing is Unreachable ไม่มีความสำเร็จไหนที่ไปไม่ถึง” ที่จะสร้างความตื่นเต้น ความแตกต่าง และประสบการณ์ที่เหนือชั้นให้กับทุกเส้นทาง

การออกแบบภายนอก

  • ดีไซน์ด้านหน้า ออกแบบภายใต้ปรัชญาของ “ความหรูหราที่แข็งแกร่ง” ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง
  • ไฟหน้า Intelligent LED 
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ
  • ฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light
  • ไฟตัดหมอก LED
  • ดีไซน์ด้านหลัง ออกแบบภายใต้แนวคิด offroad ด้วยประตูท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ที่ช่วยผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย
  • ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย
  • กล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่ที่ฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว
  • ไฟท้าย vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED ตอบโจทย์ทั้งแฟชั่นและฟังก์ชัน ให้ความสว่างชัดเจนเพิ่มความปลอดภัย
  • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน
  • เสาอากาศแบบ shark fin
  • สปอยเลอร์ท้าย ช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค
  • บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู
  • ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 
  • ระดับความลึกในการลุยน้ำ อยู่ที่ 800 มม.

ขนาดตัวถัง TANK 500 Hybrid SUV

  • ยาว 5,070 มม.
  • กว้าง 1,934 มม.
  • สูง 1,905 มม.
  • ฐานล้อ 2,850 มม.

ขนาดตัวถัง Ford Everest

  • ยาว 4,914 มม.
  • กว้าง 1,923 มม.
  • สูง 1,842 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,900 มม.

ขนาดตัวถัง TOYOTA FORTUNER LEGENDER

  • ความยาว :  4,795 มม.
  • ความกว้าง :  1,855 มม.
  • ความสูง :  1,835 มม.
  • ความยาวฐานล้อ : 2,750 มม.

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ออกแบบภายในสไตล์ luxury ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย และการใส่ใจในทุกรายละเอียด ด้วยคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย ambient light, วัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome ให้ความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาการขับขี่

  • การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย
  • หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ
  • หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว
  • หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
  • ระบบความบันเทิง พร้อมลำโพง Infinity จำนวน 12 ตัว ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
  • พวงมาลัยปรับแบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตซ์ควบคมจอแสดงข้อมูลการขับขี่
  • ไฟตกแต่งห้องโดยสาร พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
  • นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว
  • เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ memory seat และระบบ welcome seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้นและลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
  • เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ อีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
  • เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย
  • พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ มากประโยชน์ใช้สอยด้วยห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
  • แผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบ Off-Road ช่วยให้การปรับเปลี่ยนการขับขี่ในสถานะการต่างๆ เป็นเรื่องง่าย
  • เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู สีเดียวกับแผงคอนโซล
  • ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว

ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด

Advertisement

Advertisement
  • ระบบล็อคเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อคของกล่องถ่ายโอน สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
  • ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน
  • ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ระบบจะทำการประเมิณความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง
  • ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัย

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB)
  • ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB)
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
  • ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
  • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)

PRO

ULTRA

  

    

 

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้