MAZDA ประกาศยอดขายทั่วโลก 1.3 ล้านคันโต 5% ส่วนไทย 9,000 คัน -41% ในงบปี 2025

สรุปผลประกอบการ Mazda (แปลงเป็นเงินบาท)
- รายได้รวม: ¥5,018.9 พันล้าน × 0.23 ≈ 1,154,347 ล้านล้านบาท
- กำไรจากการดำเนินงาน: ¥186.1 พันล้าน × 0.23 ≈ 42,803 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ: ¥114.1 พันล้าน × 0.23 ≈ 26,243 ล้านบาท
- กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow): ¥105.7 พันล้าน × 0.23 ≈ 24,311 ล้านบาท
- เงินสดสุทธิ (Net Cash): ¥400.3 พันล้าน × 0.23 ≈ 92,069 ล้านบาท
ยอดขายทั่วโลก:
- รวม 1,303,000 คัน (+5%)
-
อเมริกาเหนือ: 617,000 คัน (+20%)
- ในสหรัฐฯ 435,000 คัน (+16%) - ญี่ปุ่น: 152,000 คัน
- จีน: 74,000 คัน (รอการเติบโตจาก EZ-6 และ EZ-60)
- ยุโรป: 174,000 คัน (อังกฤษ +9% / เยอรมนี 44,000 คัน)
กลยุทธ์และอนาคต:
- เดินหน้าลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า
- ใช้ Lean Asset Strategy เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
- ดัน Monozukuri Innovation 2.0 ยกระดับการพัฒนาและผลิต
- ยังไม่ประกาศเป้าหมายปีหน้า รอติดตาม Q1
Mazda ประกาศผลประกอบการประจำปีสิ้นสุด 31 มีนาคม 2025 รายงานยอดขายทั่วโลก 1,303,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน
Mazda Motor Corporation ประกาศผลประกอบการและยอดขายประจำปี โดยในช่วง 12 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2025 บริษัทมียอดขายรถยนต์ทั่วโลกรวม 1,303,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
จากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการฟื้นฟูยอดขาย ควบคุมต้นทุน และเพิ่มกำไรขั้นต้น ส่งผลให้ Mazda มีรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 5,018.9 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 186.1 พันล้านเยน และกำไรสุทธิ 114.1 พันล้านเยน
แม้ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มเติมในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า แต่ กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ยังคงเป็นบวกที่ 105.7 พันล้านเยน ( จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่ดีขึ้น ส่งผลให้มียอดเงินสดสุทธิอยู่ที่ 400.3 พันล้านเยน
ตลาดสำคัญและยอดขายทั่วโลก
อเมริกาเหนือ ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Mazda โดยมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 617,000 คัน เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะใน สหรัฐฯ มียอดขาย 435,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% ซึ่งได้รับแรงหนุนหลักจากความสำเร็จของ Mazda CX-50 และรถยนต์ขนาดใหญ่รุ่นอื่น ๆ
ตลาดญี่ปุ่น บ้านเกิดของ Mazda มียอดขายรวม 152,000 คัน ตลอดปีงบประมาณ
จีน มียอดขาย 74,000 คัน ซึ่งแม้จะยังไม่สูง แต่ Mazda คาดว่าจะเติบโตจากการเปิดตัว Mazda EZ-6 และการมาของ Mazda EZ-60 รถครอสโอเวอร์ SUV ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายในสิ้นปี 2025
ยุโรป มียอดขายคงที่ที่ 174,000 คัน โดยมีแรงหนุนจากการเตรียมเปิดตัว Mazda6e รุ่นใหม่ ในสหราชอาณาจักร มียอดขาย 32,000 คัน เพิ่มขึ้น 9% และในเยอรมนีขายได้ 44,000 คัน
กลยุทธ์อนาคตและทิศทางธุรกิจ
Mazda ยังไม่ได้ประกาศเป้าหมายทางการเงินสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดมีนาคม 2026 โดยระบุว่าจะจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนโยบายภาษีและอุปสงค์ในตลาด ก่อนที่จะประกาศแผนในรายงานไตรมาสแรก
Mazda ยืนยันการเร่งเดินหน้าเข้าสู่ยุคไฟฟ้า ด้วยนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์และการผลิตที่ทันสมัย ผ่านโครงการ Lean Asset Strategy ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ และเสริมความยืดหยุ่นทางธุรกิจด้วยการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Mazda ยังผลักดัน Monozukuri Innovation 2.0 ซึ่งเป็นแนวทางในการเสริมจุดแข็งด้านการพัฒนาและการผลิตที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริง มีสมดุลระหว่างความเป็นกลางทางคาร์บอน และการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
ภาพรวมยอดขายทั่วโลก
- ยอดขายรวมทั่วโลก: 1,303,000 คัน (+5%)
- ยอดผลิตรวม: 1,207,000 คัน (-1%)
รายภูมิภาค:
-
อเมริกาเหนือ:
617,000 คัน (+20%)
- สหรัฐฯ: 435,000 คัน (+16%)
- เม็กซิโก: 106,000 คัน (+37%)
- แคนาดา: 75,000 คัน (+23%) -
ญี่ปุ่น: 152,000 คัน (-5%)
- ส่วนแบ่งตลาด: 3.3%
- ยอด Q4 โตขึ้น +25% จาก CX-80 และ CX-60 -
ยุโรป: 174,000 คัน (-3%)
- เยอรมนี: 44,000 คัน (-4%)
- อังกฤษ: 32,000 คัน (+9%) -
จีน: 74,000 คัน (-23%)
- เปิดตัว Mazda EZ-6 (BEV/PHEV) และ EZ-60 (BEV SUV เปิดตัวปลายปี 2025) -
ตลาดอื่น ๆ (ASEAN, ออสเตรเลีย ฯลฯ): 285,000 คัน (-1%)
- ไทย: 9,000 คัน (-41%)
- เวียดนาม: 33,000 คัน (+16%)
- มาเลเซีย: 12,000 คัน (-35%)
- ออสเตรเลีย: 97,000 คัน (-1%)
ผลประกอบการทางการเงิน (ปีงบประมาณ 2025)
รายการ | มูลค่า (พันล้านเยน) | คิดเป็นเงินบาท (โดยประมาณ) | เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน |
---|---|---|---|
รายได้รวม (Net Sales) | ¥5,018.9 | ฿1,154,347 ล้านล้านบาท | +4% |
กำไรจากการดำเนินงาน (Operating Income) | ¥186.1 | ฿42,803 ล้านบาท | -26% |
กำไรสุทธิ (Net Income) | ¥114.1 | ฿26,243 ล้านบาท | -45% |
รายได้จากการดำเนินงานต่อยอดขาย (Operating Margin) | 3.7% | -1.5 จุด | |
กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) | ¥105.7 | ฿24,311 ล้านบาท | บวก |
เงินสดสุทธิ (Net Cash) | ¥400.3 | ฿92,069 ล้านบาท | +48.8 |
ปัจจัยที่กระทบผลกำไร
- ค่าเงินเยนอ่อนค่าช่วยบวก +43.9 พันล้านเยน
- ค่าวัตถุดิบ + โลจิสติกส์เพิ่มต้นทุน -46.2 พันล้านเยน
- ต้นทุนคงที่และอื่น ๆ -25.0 พันล้านเยน
- การปรับผสมรุ่นและราคา (Model Mix) ช่วยบวก +62.8 พันล้านเยน
กลยุทธ์และทิศทางปี 2025–2030 Phase 2: Lean Asset Strategy
- ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดต้นทุนคงที่
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและ ROI
- ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในด้าน BEV และซอฟต์แวร์
- ส่งเสริมพนักงานผ่านการปรับโครงสร้างองค์กร (โปรแกรม BLUEPRINT)
- เปิดโรงงานผลิต BEV/Compact SUV ในไทย (AAT) ปี 2027
รับมือกับนโยบายภาษีสหรัฐฯ
- รถผลิตในญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีรวม 27.5%
- รถจากเม็กซิโกยังเข้าเกณฑ์ USMCA
- รถผลิตในสหรัฐฯ ยังต้องเสียภาษีนำเข้าชิ้นส่วน
- Mazda ตั้งทีมรับมือ พร้อมเร่งลดต้นทุนทั่วทั้งบริษัท
เงินปันผล
- เงินปันผลประจำปี: 55 เยน/หุ้น (≈ 12.65 บาท/หุ้น)
– ปันผลปลายปี: 30 เยน/หุ้น - อัตราการจ่ายปันผล: 30%
- ปี 2026 ยังไม่กำหนด ต้องรอดูผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ