จีนเปิดศึกปราบ “แบล็คพีอาร์–ข่าวปลอม” วงการยานยนต์ : ศึกที่เดิมพันด้วยอนาคตทั้งอุตสาหกรรม

จีนเปิดศึกปราบ “แบล็คพีอาร์–ข่าวปลอม” วงการยานยนต์ : ศึกที่เดิมพันด้วยอนาคตทั้งอุตสาหกรรม
Spread the love
Advertisement Advertisement

จีนเปิดศึกปราบ “แบล็คพีอาร์–ข่าวปลอม” วงการยานยนต์ : ศึกที่เดิมพันด้วยอนาคตทั้งอุตสาหกรรม

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถพลังงานใหม่ (NEV) ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ยอดขายพุ่งทะลุหลายล้านคัน กลายเป็นหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ในขณะเดียวกัน ด้านมืดของโลกออนไลน์ ก็เริ่มทำลายความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและชื่อเสียงของบริษัทรถยนต์

เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา หน่วยงานรัฐใหญ่ 6 แห่งของจีน ได้ออกมาเปิดตัว “ปฏิบัติการพิเศษ” เพื่อจัดการกับปัญหาการใส่ร้ายโจมตี (แบล็กพีอาร์), ข่าวปลอม, การโฆษณาเกินจริง และการปั่นกระแสเชิงลบในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโต

“แบล็กพีอาร์” คืออะไร?

คำว่า “แบล็กพีอาร์” (Black PR) หมายถึงการจ้างหรือจัดตั้งกลุ่มเพื่อสร้างข้อมูลลบใส่คู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น

  • บทความบิดเบือนข้อเท็จจริง
  • ข่าวปลอมที่ใช้ AI สร้างขึ้น
  • คลิปวิดีโอที่ตัดต่อหรือสร้างขึ้นใหม่ทั้งชิ้น
  • คอมเมนต์เชิงลบถล่มในโซเชียล

วิธีการเหล่านี้มีเป้าหมายชัดเจนคือ ทำลายความน่าเชื่อถือของแบรนด์คู่แข่ง และดึงกระแสสังคมให้หันไปตั้งคำถามกับคุณภาพ ความปลอดภัย หรือเทคโนโลยีของรถรุ่นนั้น ๆ

กรณีศึกษา NIO และ Xiaomi

NIO

  • ข่าวลือ: รถ ไฟไหม้เองหลังอุบัติเหตุชน

  • ความจริง: คลิปที่เผยแพร่ถูกยืมมาจากอุบัติเหตุในต่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับ NIO เลย

    Advertisement Advertisement
  • ผลกระทบ: มียอดเข้าชมเป็นสิบล้านครั้ง ทำให้ผู้บริโภคเริ่มไม่มั่นใจในความปลอดภัยของแบรนด์

Xiaomi

  • ข่าวลือ: รถชนแล้ว ไฟดับ ประตูเปิดไม่ได้ ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉินไม่ทำงาน

  • ความจริง: พบว่าผู้ทดสอบ จงใจตัดระบบไฟเองก่อนการทดสอบ เพื่อสร้างสถานการณ์หลอกตา

  • ผลลัพธ์: บล็อกเกอร์และทีมงานถูกตำรวจจับกุม

ความเสียหายไม่ใช่เรื่องเล็ก

NIO ออกมาเผยว่า การโจมตีเหล่านี้สร้างผลกระทบมหาศาล

  • เพียงครึ่งปีแรก มีการโจมตีมากกว่า 10,000 โพสต์

  • มูลค่าความเสียหายจากการบิดเบือนสูงถึง หลายหมื่นล้านบาท

  • คิดเป็นยอดขายที่สูญเสียไปไม่ต่ำกว่า 10% หรือราว 28,000 ล้านบาท

นี่แสดงให้เห็นว่า “ข่าวปลอม” ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่สามารถ กัดกร่อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และส่งผลโดยตรงต่อยอดขายและภาพลักษณ์ของบริษัท

ต้นทุนต่ำของ “ข่าวลือ” vs ต้นทุนสูงของ “การแก้ไข”

  • ฝ่ายปล่อยข่าวปลอม : ลงทุนน้อย ใช้ AI เขียนข่าวหรือทำวิดีโอได้เป็นร้อย ๆ ชิ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

  • ฝ่ายถูกโจมตี : ต้องใช้ทีมงานพิสูจน์ข้อมูล, ใช้เวลาอธิบายกับสังคม, ออกแถลงการณ์ และยังต้องแบกรับความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างที่ข่าวลือแพร่กระจาย

พูดง่าย ๆ ก็คือ การสร้างข่าวปลอม = ยิงลูกศรต้นทุนบาทเดียว แต่เป้าหมายที่ถูกยิงต้องใช้โล่ป้องกันราคาเป็นล้าน

ทำไมรัฐบาลจีนต้องเข้ามาจัดการจริงจัง

ปัจจุบัน จีนผลิตและขายรถพลังงานใหม่ได้เกือบ 7 ล้านคันภายในครึ่งปีแรกของ 2025 ถือว่าเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน หากปล่อยให้ “แบล็กพีอาร์” และ “กองทัพมืด” สร้างความเสียหายต่อเนื่อง อาจทำให้ผู้บริโภคสูญเสียความเชื่อมั่นต่อทั้งอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่บริษัทเดียว

ดังนั้น รัฐบาลจึงมองว่า นี่ไม่ใช่การปกป้องแบรนด์รถยนต์เพียงไม่กี่ราย แต่เป็นการ ปกป้องอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของทั้งประเทศ

Autohome

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้