รถจีน “Chery” ผุดลานพักรถติดฐานทัพอากาศออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญเตือน! อยู่ให้ห่างหน่อย

รถจีน “Chery” ผุดลานพักรถติดฐานทัพอากาศออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญเตือน! อยู่ให้ห่างหน่อย
Spread the love
Advertisement Advertisement

สรุปประเด็นใหญ่ รถจีนจำนวนมากจอดข้างฐานทัพออสเตรเลีย จุดชนวนความกังวลด้านความมั่นคง

  • พบรถจีนจำนวนมากจอดติดฐานทัพอากาศ RAAF Amberley รถใหม่แบรนด์ Jaecoo (ในเครือ Chery) ถูกจอดเรียงหลายพันคันโดยไม่มีป้ายทะเบียนและยังมีเทปกันรอยจากโรงงานอยู่ครบ สื่อออสเตรเลียเผยว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากฐานทัพเพียงไม่กี่เมตร

  • กลาโหมออสเตรเลียรับทราบและติดตามใกล้ชิด กระทรวงกลาโหมยืนยันว่า “รับทราบและประเมินพื้นที่แล้ว” พร้อมระบุว่ามีการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวรอบฐานทัพเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

  • ผู้เชี่ยวชาญเตือน รถจีนอาจไม่ใช่แค่ยานพาหนะ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงทางไซเบอร์ อลาสแตร์ แมคกิบบอน ชี้ว่า รถยุคใหม่คือ “เครื่องดักฟังและสอดแนมเคลื่อนที่” เพราะมีทั้งกล้อง LIDAR และไมโครโฟนที่สามารถส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ทั้งหมด

  • ความเสี่ยง “สงครามแบบผสมผสาน” (Hybrid Warfare) ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ารถที่ผลิตในจีนอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในสงครามไซเบอร์ หากรัฐบาลปักกิ่งต้องการควบคุมหรือปิดระบบจากระยะไกล — รถไฟฟ้าอาจกลายเป็น “ระเบิดเวลา” ได้ในอนาคต

  • หน่วยข่าวกรองอาจเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้โดยตรง นักวิเคราะห์ ไมเคิล ชูบริดจ์ เตือนว่า รถ EV คือ “สมาร์ตโฟนติดล้อ” ที่สามารถส่งข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่ ตำแหน่ง และเส้นทางของผู้ใช้กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศได้ ซึ่งทุกบริษัทจีนมีพันธะทางกฎหมายต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองจีน

  • ชาติตะวันตกเริ่มจำกัดรถจีนรอบพื้นที่อ่อนไหว

    • อังกฤษออกกฎห้ามจอดรถจีนใกล้พื้นที่สำคัญภายในรัศมี 3.2 กม.

    • สหรัฐเตรียมแบนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จากจีนในรถยนต์เชื่อมต่อ ตั้งแต่ปี 2027

    • จีนเองก็ห้าม Tesla เข้าพื้นที่ทหาร

  • ตลาดรถจีนในออสเตรเลียโตสวนทางกับความกังวล BYD, MG, Chery และ Great Wall Motors ต่างติดอันดับ 10 ผู้ขายรถสูงสุดของออสเตรเลีย แต่รัฐบาลยังไม่มีนโยบายชัดเจนรับมือด้านความปลอดภัยข้อมูล

“รถจีนจำนวนมากจอดข้างฐานทัพออสเตรเลีย” – สัญญาณเตือนจากสงครามข้อมูลยุคใหม่

ในพื้นที่โล่งกว้างไม่ไกลจาก ฐานทัพอากาศ RAAF Amberley ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย กลับมีภาพที่ไม่น่าคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ รถยนต์ใหม่เอี่ยมหลายพันคันจากค่ายจีน อย่าง Jaecoo (แบรนด์ย่อยของ Chery) ถูกจอดเรียงเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ไม่มีป้ายทะเบียน บางคันยังมีเทปกันรอยจากโรงงานติดอยู่

แม้ดูเหมือนเป็นเพียง “ลานพักรถ” สำหรับรอจำหน่าย แต่สำหรับหน่วยงานความมั่นคง มันอาจเป็น “ความมั่นคงของชาติ”

จุดเริ่มต้นของความกังวล: จาก BYD ถึง Jaecoo

เพียงไม่กี่วันก่อนหน้า สื่อ News Corp Australia เพิ่งเปิดโปงว่า มีรถยนต์ไฟฟ้า BYD จำนวนมหาศาลถูกนำไปเก็บไว้ใน Jamberoo Action Park สวนน้ำชื่อดังทางใต้ของซิดนีย์ โดยไม่ได้รับอนุญาตด้านความปลอดภัยหรือสิ่งแวดล้อม

Advertisement Advertisement

หลังจากนั้น ก็มีเบาะแสจากทั่วประเทศว่ารถยนต์ที่ผลิตในจีนจำนวนมากถูกเก็บไว้ในพื้นที่ว่าง ท่าเรือ สนามบิน และแม้แต่รอบฐานทัพ ซึ่งตรงกับช่วงที่ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับ กระแสรถนำเข้าจากจีนที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์

รถยนต์ยุคใหม่ = อุปกรณ์สอดแนม?

ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์อย่าง อลาสแตร์ แมคกิบบอน (Alastair MacGibbon) อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของรัฐบาลออสเตรเลียกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“รถยนต์สมัยนี้ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่มันคือ เครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่

เขาอธิบายว่า รถยนต์ยุคใหม่มีทั้งกล้อง, LIDAR, ไมโครโฟน และระบบเชื่อมต่อคลาวด์แบบเรียลไทม์ ซึ่งผู้ผลิตสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเมื่อ หากรถเหล่านี้ถูกควบคุมจากระยะไกล — “มันอาจกลายเป็นระเบิดเวลาได้”

นอกจากนี้ ระบบ “ความปลอดภัยไฟฟ้า” ของรถยังสามารถถูกปิดได้ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง เช่น การระเบิดขณะชาร์จไฟ

⚠️ “สงครามแบบผสมผสาน” — อาวุธในรูปแบบใหม่

แนวคิด Hybrid Warfare (สงครามแบบผสมผสาน) คือการต่อสู้ที่ไม่ต้องใช้ปืนหรือระเบิด แต่ใช้ เทคโนโลยี ข้อมูล และเครือข่ายเชื่อมต่อ เป็นเครื่องมือโจมตี

นายแมคกิบบอนเตือนว่า หากจีนต้องการ “กดสวิตช์” เมื่อใด รถยนต์จีนหลายหมื่นคันบนถนนออสเตรเลียสามารถกลายเป็น “จุดก่อกวนระบบเมืองทั้งประเทศ” ได้ทันที — ตั้งแต่การหยุดชะงักของระบบขนส่งจนถึงภัยคุกคามระดับชาติ

เขายกตัวอย่างว่ารัฐบาลเทิร์นบูลในอดีตยังกล้าห้ามบริษัทจีนเข้าร่วมโครงข่าย 5G ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แล้วเหตุใดถึงไม่ใช้มาตรการเดียวกันกับ “รถที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกคัน” บนท้องถนน

 ข้อมูลคือทองคำใหม่ของสงคราม

ไมเคิล ชูบริดจ์ (Michael Shoebridge) อดีตเจ้าหน้าที่กลาโหมและผู้ก่อตั้ง Strategic Analysis Australia กล่าวว่า รถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่คือ “สมาร์ตโฟนติดล้อ” ที่ส่งข้อมูลกลับไปยังผู้ผลิตตลอดเวลา

“หน่วยข่าวกรองจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ เช่น ขับไปที่ไหนบ่อย เวลาไหน และใครนั่งในรถ”

ข้อมูลเหล่านี้สามารถใช้วิเคราะห์ “พฤติกรรมและเส้นทางชีวิต” ของบุคคลได้ — โดยเฉพาะเมื่อเจ้าของรถคือเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง หรือบุคลากรทางทหาร และที่สำคัญ ทุกบริษัทจีนมีหน้าที่ทางกฎหมายต้องให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของจีนเมื่อถูกขอข้อมูล

โลกตะวันตกเริ่มขยับ

ไม่ใช่แค่ออสเตรเลียที่กังวล

  • สหราชอาณาจักร (UK) เพิ่งออกคำสั่งให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนต้องจอด “ห่างจากพื้นที่สำคัญของรัฐอย่างน้อย 3.2 กิโลเมตร”
  • สหรัฐอเมริกา กำลังออกกฎหมาย ห้ามใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จากจีนในรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ตั้งแต่รุ่นปี 2027
  • ที่น่าสนใจคือ จีนเองยังห้ามรถ Tesla เข้าใกล้พื้นที่ทางทหารของตน ด้วยเหตุผลเดียวกัน

นั่นแปลว่า “ผู้ที่รู้ดีที่สุดว่ารถเหล่านี้สามารถทำอะไรได้” คือจีนเอง

ตลาดจีนโตสวนทาง – แต่ความเสี่ยงก็โตตาม

แบรนด์จีนอย่าง BYD, MG, Chery, Great Wall Motors (GWM) ต่างติดอันดับผู้ขายรถสูงสุดในออสเตรเลียในปี 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณว่า รถจีนได้กลายเป็น “กำลังหลัก” ในตลาดออสเตรเลียไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีมาตรการใดจากรัฐบาลออสเตรเลียที่จำกัดหรือคัดกรองความเสี่ยงจากเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้ทางกระทรวงกลาโหมจะยืนยันว่าใช้ “มาตรการรักษาความปลอดภัยหลายชั้น” แต่ก็ยอมรับว่า ยังไม่มีข้อจำกัดเฉพาะต่อรถยนต์ที่มีระบบเชื่อมต่อจากจีน

 มุมมองท้ายบท

ประเด็นนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของ “รถยนต์” แต่มันคือการตั้งคำถามว่า ในโลกที่ทุกอย่างเชื่อมต่อผ่านคลาวด์ — ใครคือผู้ถือกุญแจข้อมูลของเรา?

รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอาจมีคุณภาพดี ราคาคุ้มค่า แต่หากวันหนึ่งมันสามารถ “รายงานตำแหน่งเรา” หรือ “ปิดระบบได้จากระยะไกล” — นั่นไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือภัยความมั่นคงในชีวิตประจำวันเทคโนโลยีคือของขวัญจากอนาคต  แต่ถ้าเราไม่ตั้งคำถาม มันอาจกลายเป็นกับดักจากอนาคตแทน

news au

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้