Mitsubishi Lancer Evolution เตรียมคืนชีพ? “บิดาแห่ง S-AWC” ยืนยันความฝันยังไม่ตาย
Mitsubishi Lancer Evolution เตรียมคืนชีพ? “บิดาแห่ง S-AWC” ยืนยันความฝันยังไม่ตาย — แต่ครั้งนี้อาจกลับมาในร่าง Hybrid หรือ EV!
ตำนานแรลลี่ในความทรงจำ… ที่ยังไม่จบ
กว่า 15 ปีที่ชื่อ Lancer Evolution X หายไปจากตลาดรถยนต์ แต่สำหรับแฟนมิตซูบิชิทั่วโลก “Evo” ไม่เคยตาย — มันยังคงเป็นสัญลักษณ์ของยุคทองแห่งสนามแรลลี่ WRC ที่รวมเทคโนโลยี AWD และเครื่องเทอร์โบเข้าไว้ในซีดานขับสนุกที่สุดคันหนึ่งในโลก
ล่าสุดในงาน Tokyo Motor Show 2025 เสียงกระซิบจากทีมวิศวกรระดับตำนานของมิตซูบิชิกลับมาจุดประกายความหวังอีกครั้ง โดย Kaoru Sawase หรือที่ถูกขนานนามว่า “บิดาแห่งระบบ Super All-Wheel Control (S-AWC)” ได้เปิดใจว่า
“เรายังมีความฝันครับ สำหรับ Lancer Evolution… และผมเองก็ฝันอยากเห็นมันกลับมาอีกครั้ง”
ถ้าจะกลับมา… มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
Sawase-san ยืนยันว่า Mitsubishi “มีเทคโนโลยีในมือพร้อมอยู่แล้ว” หากได้รับไฟเขียวให้พัฒนา Evo รุ่นใหม่ และแนวทางที่ชัดเจนคือ การใช้พลังงานไฟฟ้า
เทคโนโลยีที่ว่านั้นคือระบบ Plug-in Hybrid (PHEV) ที่มิตซูบิชิพัฒนามาอย่างยาวนานใน Outlander และ Eclipse Cross — ขุมพลังที่ผสานเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ซึ่งสามารถส่งแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วกว่าระบบเครื่องยนต์ล้วน
“เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมของโลกในตอนนี้ การใช้พลังงานไฟฟ้าคือทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เขากล่าว
เขายังเสริมว่า การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการควบคุมแรงบิด จะช่วยให้ Evo ใหม่ “ขับดีกว่ารุ่นเดิม” ในด้านไดนามิกและการทรงตัว โดยเฉพาะระบบ S-AWC เวอร์ชันใหม่ที่อาจใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแยกขับล้อหน้า-หลัง หรือแม้แต่ควบคุมแรงบิดรายล้อแบบ Torque Vectoring เต็มรูปแบบ
เมื่อความแรงพบเทคโนโลยีไฟฟ้า
จุดเด่นของ Evo ทุกยุคคือ “สมดุลระหว่างพลังและการควบคุม” และในยุคใหม่ เทคโนโลยีไฟฟ้าสามารถยกระดับความเร็วของการตอบสนองได้เหนือกว่าเดิม
มอเตอร์ไฟฟ้าไม่มีอาการรอรอบ Turbo Lag ไม่มีความล่าช้าของแรงบิด — ทุกอย่างมาแบบ “ทันที” สิ่งนี้อาจทำให้ Evo ใหม่กลายเป็น รถแรลลี่ไฟฟ้าที่เร็วที่สุดของยุค Hybrid Performance
ขณะที่ขุมพลังอาจถูกดัดแปลงจากระบบ PHEV ของ Outlander แต่ปรับจูนให้แรงกว่า 400 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน S-AWC เจเนอเรชันใหม่ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ขับได้แบบ AI-adaptive
ย้อนตำนาน Evolution X จุดสิ้นสุดของสายพันธุ์
ย้อนกลับไปในปี 2008 คือการเปิดตัวของ Lancer Evolution X ขุมพลังเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส 4B11 217 กิโลวัตต์ (296 แรงม้า) แรงบิด 366 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์คลัตช์คู่ 6 สปีด และระบบ S-AWC ที่ชาญฉลาดที่สุดในยุคนั้น
แม้จะเป็นเครื่องที่พัฒนาโดย Mitsubishi เองทั้งหมด แต่โครงสร้างของมันต่อยอดไปถึงเครื่องใน Hyundai i30 N ในปัจจุบัน — สะท้อนให้เห็นถึงความล้ำสมัยของพื้นฐานเครื่องยนต์ที่ Mitsubishi สร้างไว้ตั้งแต่เกือบ 20 ปีก่อน
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ แฟน Evo ทั่วโลกยังคงเฝ้ารอการกลับมาของรถแรลลี่ขับสี่ในตำนานคันนี้
ข่าวลือ–ความจริง พันธมิตร Renault-Nissan อาจเป็นกุญแจสำคัญ
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานหลายครั้งว่า Mitsubishi เตรียมร่วมมือกับ Renault และ Nissan เพื่อปลุก Evo ให้กลับมาอีกครั้ง แนวคิดหนึ่งคือการใช้แพลตฟอร์มจาก Renault Megane RS และเครื่องเทอร์โบ 1.8 ลิตร — แต่โครงการนี้ยังไม่เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม การที่ Mitsubishi เพิ่งจดทะเบียนชื่อ Lancer Sportback ในสหรัฐฯ ทำให้สื่อหลายสำนักคาดการณ์ว่า ค่ายสามเพชรกำลังเตรียม ซีดานไฟฟ้า ที่ใช้พื้นฐาน Nissan Leaf มาปรับโฉมใหม่
นั่นอาจเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการคืนชีพ Lancer และเปิดทางสู่ Evolution รุ่นใหม่ในอนาคต
Ralliart ยังไม่จบ — แต่ยังไม่พร้อมบู๊เต็มตัว
แม้ชื่อ Ralliart จะถูกปลุกขึ้นมาแล้วในหลายตลาดทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นเพียง “ชุดตกแต่งภายนอก” ไม่ได้เพิ่มสมรรถนะจริงจังแบบยุค Evo หรือ Pajero Evolution
อดีตซีอีโอของ Mitsubishi Australia อย่าง Shaun Westcott เคยระบุว่า เขาจะยอมให้ชื่อ Ralliart กลับมาในออสเตรเลีย ก็ต่อเมื่อเป็นรถที่แรงจริงเท่านั้น และยังพยายามผลักดันให้มี Triton รุ่นแรง เพื่อชนกับ Ford Ranger Raptor
เมื่อถามถึงอนาคตของ Ralliart Sawase-san ตอบอย่างระมัดระวังว่า
“ตอนนี้เรายังไม่สามารถพูดอะไรได้… แต่กำลังพิจารณาแนวทางการใช้ชื่อ Ralliart ในหลายรูปแบบ”


