Mitsubishi Pajero Evolution ตำนานแชมป์ Dakar 1985 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังถูกจอดทิ้ง 40 ปี

Mitsubishi Pajero Evolution ตำนานแชมป์ Dakar 1985 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังถูกจอดทิ้ง 40 ปี
Spread the love
Advertisement Advertisement

Mitsubishi Pajero Evolution ตำนานแชมป์ Dakar 1985 กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังถูกจอดทิ้ง 40 ปี

ตำนานของ Mitsubishi ในสนามฝุ่น ที่ “ไปสุด” กว่าแรลลี่ทั่วไป

Mitsubishi มีประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตยาวนาน เริ่มตั้งแต่การแข่งขันบนทางเรียบ แต่ช่วงเวลาที่แบรนด์สร้าง “ชื่อเสียงระดับตำนาน” จริง ๆ คือเมื่อพวกเขาก้าวสู่สนามทางฝุ่นและเส้นทางวิบาก โดยเฉพาะในรายการที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดรายการหนึ่งของโลกอย่าง Dakar Rally ซึ่งต้องเผชิญระยะทางยาวนานหลายวัน ทดสอบทั้งรถ ทีม และมนุษย์แบบครบทุกมิติ

ในโลกของ Dakar รถที่ถูกยกให้เป็น “ไอคอน” ของยุคหนึ่งคือ Mitsubishi Pajero Evolution (หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า Pajero Evo) เพราะเป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ ด้วยสถิติชนะรวม 12 ครั้ง และทั้งหมดเริ่มต้นจากชัยชนะครั้งแรกในปี 1985

รถแชมป์ปี 1985 ที่เคยถูกจอดทิ้ง… จนแทบสูญหายไปตามกาลเวลา

เรื่องที่ทำให้แฟน ๆ มอเตอร์สปอร์ตสะเทือนใจคือ หลังคว้าชัยชนะ Dakar ในปี 1985 รถคันดังกล่าวที่มากับ ลายสปอนเซอร์ Nikon อันเป็นเอกลักษณ์ กลับถูกนำไปจอดเก็บไว้ในพื้นที่ของ Mitsubishi และปล่อยทิ้งไว้นานถึง 40 ปี

รถแข่งระดับตำนานไม่ควรถูกปล่อยให้กลายเป็นเพียง “วัตถุจัดเก็บ” เพราะรถแบบนี้ถูกสร้างมาเพื่อวิ่ง เพื่อฝ่าเส้นทาง เพื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ภายใต้ภารกิจที่หนักหน่วง และเมื่อเวลาผ่านไปยาวนาน ความเสื่อมโทรมก็กลายเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

ข่าวดี Mitsubishi บูรณะ “แบบรักษาต้นฉบับ” และพากลับไปสัมผัสดิน-กรวดอีกครั้ง

ไฮไลต์ของเรื่องนี้คือ Mitsubishi ตัดสินใจ ฟื้นคืนชีพ รถแชมป์ Dakar 1985 คันดังกล่าว และไม่ได้หยุดแค่บูรณะเพื่อจัดแสดง แต่ยังพามันกลับไป สัมผัสฝุ่นและกรวดบนล้ออีกครั้ง ซึ่งเป็นภาพที่แฟน ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ควรเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว”

แนวคิดการบูรณะรถแข่งเก่าระดับตำนานโดยทั่วไปคือ รักษาความดั้งเดิมให้มากที่สุด รอยบุบ รอยถลอก และรอยขีดข่วนที่เกิดจากการแข่งขันจริง ถือเป็น “บาดแผลแห่งเกียรติยศ” ที่ไม่ควรถูกลบให้หายไป

ตัวถังยังคงเดิม เน้นเก็บร่องรอยการต่อสู้

Mitsubishi เลือกวิธีที่ตรงใจสายอนุรักษ์ คือ ไม่แตะต้องตัวถังมาก ทำเพียงการ “เก็บรายละเอียดลวดลายสี/สติ๊กเกอร์บางส่วน” ให้ดูสะอาดและสมบูรณ์ขึ้น แต่ยังคงคาแรกเตอร์เดิมของรถไว้

งานหลักอยู่ที่ “กลไก” เพื่อให้กลับมาวิ่งได้จริง

จุดที่ทีมวิศวกรทุ่มเทคือการฟื้นฟูด้านสมรรถนะและความพร้อมใช้งาน โดยมีงานสำคัญ ได้แก่

  • ถอดและตรวจสอบเครื่องยนต์แบบละเอียด (disassemble & inspect)
  • ทบทวนระบบไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง
  • โอเวอร์ฮอลระบบช่วงล่างเพื่อความปลอดภัยและความพร้อมในการขับจริง

โปรเจกต์ “ส่งต่อคบเพลิง” จากวิศวกรรุ่นเก๋าสู่คนรุ่นใหม่

อีกหนึ่งมิติที่ทำให้การบูรณะครั้งนี้พิเศษ คือทีมงานเลือกให้ วิศวกรรุ่นเก๋า ทำงานร่วมกับ วิศวกรรุ่นใหม่ ราวกับเป็นการส่งต่อ DNA ของแบรนด์และมอเตอร์สปอร์ตไปพร้อมกัน

นี่ไม่ใช่แค่การซ่อมรถ แต่เป็นการ “เล่าเรื่อง” ให้คนรุ่นใหม่ในองค์กรเห็นว่า Mitsubishi เคยยืนอยู่ตรงไหนในโลกการแข่งขัน และชัยชนะเหล่านี้เกิดจากรายละเอียด ความพิถีพิถัน และความเป็นทีมอย่างไร

สตาร์ทครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ เสียงเครื่องยังปลุกความทรงจำปี 1985 ได้เหมือนเดิม

หลังประกอบทุกอย่างกลับเข้าที่ รถคันนี้ถูกสตาร์ทขึ้นอีกครั้ง และออกวิ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือ Pajero Evo ยังคง “ดูดี” และ “ให้ฟีล” สมกับความเป็นรถแชมป์—ทั้งภาพลักษณ์และอารมณ์ของเสียงเครื่องยนต์ที่ปลุกบรรยากาศยุค 80s ได้แบบเต็ม ๆ

Advertisement Advertisement

Dakar 1985: ยุค Paris-Dakar ระยะทางกว่า 6,300 ไมล์ แข่ง 22 วัน

ชัยชนะครั้งแรกของ Mitsubishi เกิดขึ้นในยุคที่รายการยังใช้รูปแบบ Paris–Dakar เริ่มจากปารีสและไปจบที่ดาการ์ โดยปี 1985 มีระยะทางรวมกว่า 6,300 ไมล์ และใช้เวลาการแข่งขันยาวถึง 22 วัน

ทีมผู้ชนะประกอบด้วยนักขับ Patrick Zaniroli และผู้นำทาง Jean Da Silva ซึ่งสร้างผลงานระดับ “ข่มคู่แข่ง” เพราะรถ Pajero อีกคันเข้ามาเป็นอันดับสองตามหลังเพียง 26 นาที ขณะที่อันดับสามตามหลังไปไกลกว่า 5 ชั่วโมงครึ่ง สะท้อนความเหนือชั้นของรถและทีมในปีนั้นอย่างชัดเจน

ไทม์ไลน์ความยิ่งใหญ่ จากชัยชนะ 1985 สู่ยุคครองแชมป์ต่อเนื่อง

หลังเปิดฉากด้วยแชมป์ปี 1985 Pajero Evo เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อ ด้วยการกลับมาชนะในปี 1992, 1993, 1997, 1998 และในปี 2001 Mitsubishi ยังสร้างช่วงเวลาที่แฟน ๆ จดจำ ด้วยการคว้าชัยชนะต่อเนื่องอีกหลายปี

ปี เหตุการณ์สำคัญ
1985 คว้าแชมป์ Dakar ครั้งแรก (ยุค Paris–Dakar) และเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน
1992 / 1993 กลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง ตอกย้ำความแข็งแกร่งของโปรแกรมแรลลี่เรด
1997 / 1998 ยุคปลาย 90s ยังคงเป็นชื่อที่คู่แข่งต้องหวั่น
2001 เป็นต้นไป เริ่มช่วงชนะต่อเนื่องหลายปี สร้างหนึ่งในสถิติที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของ Dakar

ทำไมการ “ปลุกตำนานให้วิ่งได้จริง” ถึงสำคัญกว่าแค่การโชว์ในพิพิธภัณฑ์

การบูรณะรถแข่งให้ “ขับได้จริง” มีความหมายมากกว่าการทำให้สวย เพราะมันคือการรักษาทั้ง ประวัติศาสตร์เชิงวิศวกรรม และ อารมณ์ของยุคสมัย รถที่เคยชนะในสนามระดับโหดที่สุด เมื่อกลับมาสตาร์ทได้อีกครั้ง ก็เหมือนการยืนยันว่าเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์นั้น “ยังมีลมหายใจ”

และสำหรับแบรนด์อย่าง Mitsubishi การคืนชีพ Pajero Evo แชมป์ Dakar 1985 คือการประกาศชัดว่า มอเตอร์สปอร์ตไม่ใช่แค่อดีต แต่เป็นต้นทุนทางภาพลักษณ์และตัวตนที่ยังนำมาเล่าต่อได้—อย่างสง่างามและจริงใจ

สรุป

Mitsubishi Pajero Evolution ผู้ชนะ Dakar Rally ปี 1985 ไม่ได้เป็นเพียงรถแชมป์ที่มีสถิติอยู่ในหนังสือ แต่เป็น “ต้นทางของความยิ่งใหญ่” ที่ทำให้ชื่อ Pajero กลายเป็นตำนานในโลกแรลลี่เรด การบูรณะครั้งนี้ยึดหลักอนุรักษ์ความดั้งเดิมของตัวรถไว้ให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็ฟื้นฟูกลไกสำคัญเพื่อให้กลับมาวิ่งได้จริง และยังทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมมรดกระหว่างวิศวกรรุ่นเก๋าและรุ่นใหม่

ตำนานบางอย่างไม่ควรถูกจอดทิ้งไว้ในมุมมืดของโรงงาน และครั้งนี้ Mitsubishi เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง—พามันกลับไปสัมผัสฝุ่นอีกครั้ง


Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้