ล้มอีก! Qoros Automotive ในจีน “พิจารณาล้มละลาย” โดนอายัดหุ้นกว่า 1.55 แสนล้านบาท


Qoros (观致汽车) เข้าสู่ขั้นตอนพิจารณาล้มละลาย อายัดหุ้นกว่า 3.5 หมื่นล้านหยวน (หรือ 1.551 แสนล้านบาท) เกิดอะไรขึ้น และสะท้อนอะไรกับตลาดรถจีน
อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในบทความ: 1 หยวน = 4.432 บาท
สรุปเร็ว: มีรายงานว่า Qoros Automobile Co., Ltd. (观致汽车有限公司) ถูกบันทึกเป็นคดี “พิจารณาล้มละลาย” (Bankruptcy review) เพิ่มอีกหนึ่งคดี จากกรณีค้างชำระค่าสินค้าเป็นเวลานานและไม่สามารถชำระหนี้ได้ เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาล ขณะที่ข้อมูลความเสี่ยงสะสม/การบังคับคดี/การอายัดหุ้นสะท้อนสถานะการเงินที่ตึงตัวอย่างหนักในปลายปี 2025
1) เกิดอะไรขึ้น “คดีพิจารณาล้มละลาย” คืออะไร
รายงานระบุว่า Qoros มีคดีในชั้น “พิจารณาล้มละลาย” เพิ่มเข้ามา โดยผู้ยื่นคำร้องเป็นบริษัทในห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) จากเหตุผลหลักคือ ค้างชำระค่าสินค้า/เงินค่าวัสดุ/เงินค่าบริการ เป็นเวลานาน และ ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ จนเจ้าหนี้ต้องใช้กระบวนการศาลเพื่อขอให้เกิดการคุ้มครองสิทธิ
ความหมายเชิงระบบ “พิจารณาล้มละลาย” ไม่ได้เท่ากับ “ปิดกิจการทันที” แต่เป็นช่วงที่ศาลตรวจสอบว่าเข้าหลักเกณฑ์ล้มละลายหรือไม่ และจะเข้าสู่กระบวนการใดต่อ เช่น การฟื้นฟูกิจการ (ถ้ามีเงื่อนไขและผู้สนับสนุน) หรือการชำระบัญชี (liquidation) ตามกฎหมายและคำสั่งศาล
ในกรณีของผู้ผลิตรถยนต์ เมื่อเข้าสู่จุดนี้ มักหมายถึง “ความเชื่อมั่นและสภาพคล่อง” อยู่ในระดับวิกฤต เพราะการผลิตรถต้องใช้เงินหมุนจำนวนมาก ตั้งแต่ซัพพลายเออร์ ชิ้นส่วน โลจิสติกส์ ไปจนถึงเครือข่ายจำหน่าย หากวงจรเงินสดสะดุด มักลามเป็นโดมิโนในเวลาไม่นาน
2) ตัวเลขสำคัญ + แปลงเป็นเงินบาท (1 หยวน = 4.432 บาท)
รายงานในจีนระบุชุดข้อมูลสำคัญ 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) ข้อมูลถูกบังคับคดีจำนวนมาก (2) มูลค่า “อายัดหุ้น” ในระดับสูง และ (3) จำนวน “ข้อมูลความเสี่ยง/ความเสี่ยงเชื่อมโยง” จำนวนมาก ซึ่งสะท้อนว่าบริษัทมีภาระคดี/ภาระหนี้และความเสี่ยงทางกฎหมายสะสมสูงมาก
2.1 ตารางแปลงค่าเงิน: หยวน → บาท
| รายการ | ตัวเลข (หยวน) | แปลงเป็นบาท (1 หยวน = 4.432 บาท) | คำอธิบายเชิงนัย |
|---|---|---|---|
| มูลค่าอายัดหุ้นสะสม | 35,000 ล้านหยวน | ≈ 155,120,000,000 บาท | ระดับ “แสนล้านบาท” สะท้อนแรงกดดันด้านนิติกรรม/โครงสร้างผู้ถือหุ้นและการบังคับคดีสูงมาก |
| Baoneng ซื้อหุ้น 51% (ปี 2017) | 6.63 พันล้านหยวน | ≈ 29,384,160,000 บาท | ดีลใหญ่มาก แต่ต้องดูว่าเงินลงทุนหลังซื้อ (capex/opex) เพียงพอหรือไม่ |
| จำนวนรถขายสูงสุด (ปี 2018) | 63,000 คัน | — | ยอดพุ่งจากช่องทางคาร์แชร์/ฟลีตเป็นหลัก ไม่ใช่ยอดผู้บริโภครายย่อยทั้งหมด |
| จำนวนข้อมูลถูกบังคับคดี | มากกว่า 1,000 รายการ | — | สัญญาณ “คดีสะสม” และการบังคับชำระหนี้จำนวนมาก |
| ข้อมูลความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง | มากกว่า 3,000 รายการ | — | ชี้ความเสี่ยงเชื่อมโยงหลายมิติ เช่น คู่สัญญา หนี้สิน คดีความ และโครงสร้างธุรกิจ |
2.2 ทำไม “อายัดหุ้น 3.5 หมื่นล้านหยวน” จึงน่ากังวล
การอายัดหุ้นในระดับมหาศาล (≈ 155,120 ล้านบาท) มักสะท้อนความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง เช่น ข้อพิพาทเจ้าหนี้-ลูกหนี้ การบังคับคดีต่อผู้ถือหุ้น/นิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือการดำเนินคดีเชิงทรัพย์สินที่กระทบความสามารถในการระดมทุน การปรับโครงสร้างหนี้ และการหาผู้ร่วมทุนรายใหม่
3) ไทม์ไลน์ Qoros: จากความหวังแบรนด์พรีเมียมจีน สู่ทางตัน
3.1 ปี 2007 กำเนิด “แบรนด์พรีเมียมจีนยุคแรก”
Qoros ถูกตั้งขึ้นในปี 2007 โดยความร่วมมือระหว่าง Chery และทุนจากต่างประเทศ (อิสราเอล) เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง “แบรนด์จีนภาพลักษณ์พรีเมียม” ที่มาตรฐานใกล้เคียงยุโรป ทั้งด้านงานออกแบบ วิศวกรรม และความปลอดภัย
3.2 Qoros 3 จุดขายดีไซน์ + ความปลอดภัยระดับสูง
รถรุ่นแรกอย่าง Qoros 3 ได้รับแรงสนใจจากกลุ่มคนรักรถ เพราะถูกสื่อสารว่ามีงานออกแบบทันสมัย และผลการทดสอบความปลอดภัยระดับสูงในเวทีมาตรฐานยุโรป (เช่น Euro NCAP) ทำให้ Qoros ถูกมองว่าเป็นหนึ่งใน “ความหวัง” ของรถจีนที่อยากพิสูจน์ตัวเองในมาตรฐานโลก
3.3 ปัญหาคลาสสิกของแบรนด์พรีเมียมใหม่ “ราคา” ชนกำแพงตลาด
อย่างไรก็ตาม รายงานสะท้อนว่า “ราคาที่สูง” ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากลังเล ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในแบรนด์ใหม่ที่พยายามขายภาพลักษณ์พรีเมียม แต่ยังขาดทุนทางแบรนด์ (brand equity) และเครือข่ายบริการหลังการขายที่แข็งแรงพอจะทำให้ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่ม
3.4 ปี 2017–2018 เปลี่ยนมือ + ยอดขายพุ่ง (แต่พึ่งพาฟลีต/คาร์แชร์)
ปี 2017 กลุ่ม Baoneng ซื้อหุ้น 51% ด้วยมูลค่า 6.63 พันล้านหยวน (≈ 29,384 ล้านบาท) และในปี 2018 ยอดขายแตะ 63,000 คัน เติบโต 320% แต่โมเดลการโตส่วนหนึ่งผูกกับช่องทางรถฟลีต/คาร์แชร์ มากกว่าการเติบโตจากกำลังซื้อผู้บริโภคปลายทางที่ยั่งยืน
3.5 หลังฟองสบู่คาร์แชร์: ยอดตก ปัญหาปะทุ และเข้าสู่โหมด “เอาตัวรอด”
เมื่อช่องทางคาร์แชร์เริ่มถดถอย ยอดขาย Qoros ก็หดลงอีกครั้ง และตามมาด้วยปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ค้างจ่ายเงินเดือน โรงงานหยุดเดินสายการผลิต ดีลเลอร์รวมตัวเรียกร้องสิทธิ ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดในองค์กรที่เงินสดตึงมือและการขายไม่พอเลี้ยงระบบ
4) วิเคราะห์สาเหตุ ทำไม Qoros ไปไม่รอด
4.1 พรีเมียม “ต้องใช้เวลา” แต่เงินทุนและความอดทนมีขีดจำกัด
การสร้างแบรนด์พรีเมียมไม่ใช่แค่ทำรถดี แต่ต้องลงทุนยาวในภาพลักษณ์ เครือข่ายบริการ คุณภาพประสบการณ์ลูกค้า และการรักษามูลค่าในตลาดมือสอง ซึ่งต้องใช้เวลาและเงินทุนจำนวนมาก หากยอดขายไม่มาตามแผน ความกดดันเงินสดจะสูงมาก
4.2 ราคาสูง แต่ยังไม่ชนะ “ความเชื่อใจ” ของตลาด
ในตลาดที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมาก ราคาเป็นตัวตัดสินสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ยังใหม่ หากจุดแข็งเรื่องความปลอดภัยและดีไซน์ไม่ถูกแปลให้เป็น “เหตุผลที่ลูกค้ายอมจ่ายเพิ่ม” อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสสูงที่จะชนกำแพงยอดขาย
4.3 การพึ่งพายอดฟลีต/คาร์แชร์มากเกินไป
ยอดขายจากฟลีตช่วยดันตัวเลขเร็ว แต่มีความเสี่ยง เช่น ส่วนลดสูง กดกำไร กระทบภาพลักษณ์พรีเมียม และเมื่อคู่ค้าฟลีตถดถอย ยอดขายจะหายแบบฉับพลัน ส่งผลต่อเงินสดทันที
4.4 โครงสร้างการเงินและคดีความสะสม
ข้อมูล “ถูกบังคับคดีจำนวนมาก” และ “อายัดหุ้นมูลค่าสูง” สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่ยอดขาย แต่มีความซับซ้อนด้านการเงินและกฎหมายสะสม ซึ่งทำให้การกู้วิกฤตยากขึ้น เพราะการระดมทุนใหม่หรือการปรับโครงสร้างหนี้จะติดข้อจำกัด
4.5 อาการปลายทางของวิกฤต: ค้างจ่ายเงินเดือน โรงงานหยุด และดีลเลอร์ลุกฮือ
เมื่อเงินสดตึง ระบบจะเริ่ม “หยุดเป็นชั้น ๆ” ตั้งแต่ค้างจ่ายซัพพลายเออร์ → ชิ้นส่วนไม่เข้า → โรงงานหยุด → รถส่งไม่ทัน → ดีลเลอร์ขาดรายได้ → เกิดข้อพิพาทและการเรียกร้องสิทธิ ซึ่งยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นตก และวนกลับไปทำให้การขายยากกว่าเดิม
5) บทบาท Baoneng และ “คาร์แชร์” ที่เคยดันยอดขาย
ดีล Baoneng ในปี 2017 (29,384 ล้านบาท) ทำให้ Qoros มีโอกาส “รีสตาร์ท” ผ่านการดันยอดขายในปี 2018 อย่างรวดเร็ว แต่บทเรียนสำคัญคือ:
- ยอดขายที่โตเร็วจากฟลีต/คาร์แชร์ อาจไม่เท่ากับฐานลูกค้าปลายทางที่ภักดี
- เมื่อคาร์แชร์เข้าสู่ช่วงขาลง ยอดหายทันที และกระทบเงินสดอย่างรุนแรง
- การสร้างพรีเมียมต้องชนะใจลูกค้ารายย่อย ไม่ใช่ชนะตัวเลขรายปีเพียงอย่างเดียว
6) ผลกระทบ: เจ้าหนี้ ดีลเลอร์ พนักงาน และผู้ใช้รถ
6.1 เจ้าหนี้/ซัพพลายเออร์
กรณีค้างชำระค่าสินค้าเป็นตัวจุดชนวนหลัก เมื่อเข้าสู่กระบวนการศาล เจ้าหนี้จะหวังให้เกิดการจัดระเบียบการชำระหนี้ตามลำดับสิทธิ ซึ่งอาจใช้เวลานานและได้คืนไม่เต็มจำนวน ขึ้นอยู่กับทรัพย์สินคงเหลือและคำสั่งศาล
6.2 ดีลเลอร์
ดีลเลอร์ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการส่งมอบรถ การเคลม การรับประกัน และการไหลของอะไหล่ หากระบบบริษัทแม่สะดุด ดีลเลอร์มักต้องแบกรับความไม่พอใจของลูกค้า และกระแสเงินสดจะตึงมือ
6.3 พนักงานและโรงงาน
ปัญหาค้างจ่ายเงินเดือนและโรงงานหยุด เป็นสัญญาณ “โหมดวิกฤต” ที่กระทบคุณภาพชีวิตพนักงานและเสถียรภาพของการผลิต เมื่อแรงงานและซัพพลายเชนไม่เสถียร โอกาสกลับมาผลิตอย่างต่อเนื่องจะยากขึ้น
6.4 ผู้ใช้รถ Qoros
ผู้ใช้รถมักกังวลเรื่องอะไหล่ การรับประกัน และมูลค่าขายต่อ ในภาพรวม หากบริษัทเข้าสู่กระบวนการศาลจริง สิ่งที่ต้องติดตามคือ “หน่วยงาน/บริษัทใด” จะรับช่วงบริการหลังการขาย และการจัดหาอะไหล่จะต่อเนื่องเพียงใด
7) บทเรียนสำหรับอุตสาหกรรมรถจีน และมุมมองสำหรับไทย
7.1 ตลาดจีนเข้าสู่ “ยุคคัดกรองหนัก”
การแข่งขันสูงและสงครามราคา ทำให้แบรนด์ที่ไม่มีความได้เปรียบเชิงต้นทุน เทคโนโลยี หรือช่องทางการขายที่มั่นคง ถูกกดดันอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแบรนด์ที่ต้องใช้เงินลงทุนต่อเนื่องเพื่อรักษาการผลิตและการตลาด
7.2 พรีเมียมไม่ใช่แค่ทำรถดี แต่ต้องชนะ “ระบบนิเวศ”
การเป็นแบรนด์พรีเมียมต้องมีองค์ประกอบครบ ทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ ประสบการณ์ลูกค้า ความน่าเชื่อถือ และต้นทุนความเสี่ยงต่ำในสายตาผู้บริโภค หากขาดข้อใดข้อหนึ่ง การตั้งราคาสูงจะกลายเป็นอุปสรรคแทนจุดแข็ง
7.3 มุมมองสำหรับไทย: เช็ก 3 เรื่องก่อนเชื่อคำว่า “พรีเมียม”
- ความแข็งแรงทางการเงิน และการลงทุนต่อเนื่องของแบรนด์
- เครือข่ายบริการและอะไหล่ รวมถึงสัญญารับประกันที่ชัดเจน
- ฐานลูกค้าจริง ไม่ใช่ยอดฟลีตระยะสั้นที่ทำให้ตัวเลขสวย
8) FAQ คำถามยอดฮิต
ถาม: “พิจารณาล้มละลาย” แปลว่าบริษัทปิดแน่นอนแล้วหรือยัง?
ตอบ: ยังไม่จำเป็นต้องปิดทันที แต่เป็นขั้นตอนที่ศาลตรวจสอบและตัดสินแนวทางต่อไป เช่น ฟื้นฟูหรือชำระบัญชี ขึ้นอยู่กับคำสั่งศาลและสถานะทรัพย์สิน/หนี้
ถาม: 35,00 หยวน เท่ากับกี่บาท?
ตอบ: หากใช้อัตรา 1 หยวน = 4.432 บาท จะเท่ากับ ประมาณ 155,120 ล้านบาท
ถาม: ดีลซื้อหุ้น 51% มูลค่า 6.63 พันล้านหยวน เท่ากับกี่บาท?
ตอบ: ≈ 29,384 ล้านบาท (คำนวณจาก 6.63 พันล้านหยวน × 4.432)
ถาม: ทำไมปี 2018 ยอดขายพุ่ง แต่สุดท้ายยังพัง?
ตอบ: เพราะยอดขายส่วนหนึ่งผูกกับช่องทางฟลีต/คาร์แชร์ เมื่อช่องทางนั้นถดถอย ยอดขายหายเร็ว ขณะที่ต้นทุนการดำเนินงานของผู้ผลิตรถยังสูงและต้องใช้เงินหมุนต่อเนื่อง
