Advertisement
Advertisement
เครดิตภาพชาย แท้
HONDA ACCORD GEN11 ทดสอบวิ่งในประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้ทะเบียน TC การทดสอบวิ่งได้พรางตัวทั้งคัน ซึ่งมีการออกแบบไม่ได้แตกต่างจากเวอร์ชั่นสหรัฐอเมริกาที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยปลายเดือนกันยายน 2023
All NEW Honda Accord เจนที่ 11 เปิดตัวย่างเป็นทางการ พร้อมการออกแบบใหม่ บนขุมพลังเบนซิน 1.5T 192 แรงม้า และ เบนซิน 2.0HEV 204 แรงม้า ในสหรัฐฯ
All NEW Honda Accord G11 เน้นการออกแบบเรียบหรูมากขึี้น กระจังหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้าใหม่ “Sleek Styling” โฉบเฉี่ยวมากขึ้น ไฟท้ายแบบ LED ลากเชื่อมกันคล้ายๆของ NEW Crown CROSSOVER กระจกหน้าต่างแบบ Six-wondow ที่ถูกลดทอนความโค้งงอลงไป ล้ออัลลอย 17 นิ้วยาง 225/50R17 ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ยางขนาด 235/40R19
Accord จะวางจำหน่ายในสีภายนอกทั้งหมด 8 สี โดยมี 3 สีใหม่ ได้แก่ Meteorite Grey Metallic, Urban Grey Pearl และ Canyon River Blue Metallic
ขนาดตัวถัง
ความยาว : 4,970 มม.
ความกว้าง : 1,862 มม.
ความสูง : 1,450 มม.
ฐานล้อ : 2,830 มม.
ภายในห้องโดยสารของ Accord ใหม่ มาพร้อมหน้าปัดดิจิตอล 10.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย มาพร้อม Google built-in พร้อมแอพ google Assistant, Google Maps, Google Play capability ฯลฯ ลำโพง Bose Premium Audio 12 ตำแหน่ง
รองรับการอัพเดทผ่าน Over-the-Air
จอแสดงผลแบบ Head-Up ขนาด 6 นิ้ว
ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สายขนาด 15 วัตต์
มีพอร์ต USB Type-C ขนาด 3 แอมป์สองพอร์ตในแถวแรก รุ่น EX-L และ Touring เพิ่มพอร์ต USB-C 3 แอมป์คู่ที่สองสำหรับเบาะหลัง
เบาะคนขับไฟฟ้า 8 ทิศทาง EX ยังเพิ่มหลังคามูนรูฟ เบาะนั่งด้านหน้าแบบอุ่น และระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซน
เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
เบนซิน 1.5T
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,498 ซีซี Direct-injection Turbocharged ให้กำลัง 192 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 242 นิวตันเมตร ที่ 1,700 – 5,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ CVT
2.0 HEV ไฮบริด
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี Direct-injection Atkinson Cycle + มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวม 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 371 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบ/นาที
ระบบช่วงล่าง
ช่วงล่างหน้า แบบอิสระ MacPherson Strut
ช่วงล่างหลัง แบบอิสระ Multi-link
Honda Sensing ที่เพิ่มฟังก์ชั่น Traffic Jam Assist (TJA) ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง (Blin Spot Information) ระบบจดจำป้ายจราจร (TSR) และระบบช่วยจราจรติดขัดแบบใหม่ (TJA) ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ยังได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ตอบสนองดีขึ้น
ระบบ Honda SENSING พร้อมกล้อง 2 ตัวทำมุมกว้าง 90 / 120 องศา
ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information (BSI
ระบบรายงานสภาพการจราจร Traffic Jam Assist (TJA)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control with Speed Following ทำงานตั้งแต่ความเร็ว 0 กม./ชม.
ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping Assist (LKAS)
ระบบเตือนป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
ระบบเบรกอัตโนมัติ Low-Speed Braking Control
ข้อมูล-ราคาในสหรัฐฯ
รุ่นเริ่มต้น 1.5T LX ราคา $27,295 หรือประมาณ 974,000 บาท
อุปกรณ์พื้นฐาน
เบนซิน 1.5T เทอร์โบชาร์จ 192 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบ มัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
เบาะผ้า
ระบบเสียง 4 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
เบาะหลังพับลงได้
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
1.5T EX ราคา $29,610 หรือประมาณ 1,056,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐาน
เบนซิน 1.5T เทอร์โบชาร์จ 192 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบ มัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
เบาะผ้า
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
2.0 e:HEV Sport HYBIRD ราคา $31,895 หรือประมาณ 1,138,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐาน
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
เบาะผ้า
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
2.0 e:HEV EX-L Hybrid $33,540 หรือประมาณ 1,197,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐาน
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
พวงมาลัยหุ้มหนัง
เบาะหุ้มหนัง
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors
2.0 e:HEV Sport-L Hybrid $33,875 หรือประมาณ 1,209,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐาน
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
พวงมาลัยหุ้มหนัง
เบาะหุ้มหนัง
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบอุ่น
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors
2.0 e:HEV Touring Hybrid $37,890 หรือประมาณ 1,352,000 บาท อุปกรณ์พื้นฐาน
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ไฮบริด 204 แรงม้า
ส่งกำลังเกียร์แปรผันต่อเนื่องแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-CVT) พร้อมตัวเลือกการชะลอความเร็ว Deceleration Selectors
4 โหมดการขับขี่ Sport, ECON และ Individual Modes
พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรงแบบใหม่MA-EPS
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ไฟหน้าแบบ Full LED
กระจกมองข้างพร้อมระบบอุ่น
สปอยเลอร์ Decklid สีดำเงา
พวงมาลัยหุ้มหนัง
เบาะหุ้มหนัง
เบาะคนขับปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งด้านหน้าแบบอุ่นและระบายอากาศ
เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อม Memory Seat ด้านคนขับ
เบาะหลังพับได้แบบ 60/40
หลังคามูนรูฟไฟฟ้าแบบวันทัช
ระบบเสียง 8 ลำโพง 180 วัตต์
ระบบเสียงระดับพรีเมียมของ Bose
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติ
ระบบควบคุมสภาพอากาศอัตโนมัติแบบดูอัลโซน
จอแสดงผลบนกระจก Head-Up Display
หน้าจอสัมผัสสีขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อม Alexa
เทคโนโลยี Google ในตัว
Smart Entry พร้อม Walk Away Auto Lock®
ระบบเสียงสตรีมมิ่ง Bluetooth®*
พอร์ต USB ด้านหน้า
ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย Wireless Phone Charger
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล Remote Engine Start
ระบบเบรกลดการชน™ Collision Mitigation Braking System™
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System
กล้องมองหลังแบบหลายมุม Multi-Angle Rearview Camera
ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้พร้อมระบบติดตามความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control w/ Low-Speed Follow
ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถพร้อมระบบช่วยการจราจรติดขัด Lane Keeping Assist System w/Traffic Jam Assist
ระบบจดจำป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information w/Cross Traffic Monitor
เซนเซอร์จอดรถ Parking Sensors
วันที่ 28 เมษายน 2023 ทอร์แรนซ์ แคลิฟอร์เนีย HONDA ACCORD 2023 ใหม่ได้รับคะแนนความปลอดภัยสูงสุด IIHS + หรือ IIHS TOP SAFETY PICK+ ในสหรัฐอเมริกา
ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นปี 2023 ใหม่ ได้รับรางวัลสูงสุดจาก Insurance Institute for Highway Safety’s (IIHS) ซึ่งเป็น คะแนน TOP SAFETY PICK+ (TSP+) ประจำปี 2023 นับเป็นการทดสอบความปลอดภัยสูงสุดในสหรัฐอเมริกา
HONDA ACCORD ใหม่ สร้างมาตรฐานมานานสำหรับประสิทธิภาพความปลอดภัยของรถยนต์ขนาดกลาง ได้รับการจัดอันดับสูงสุดที่เป็นไปได้ของสถาบันในหกในเจ็ดหมวดการประเมิน ซึ่งรวมถึงระบบป้องกันการชนด้านหน้ามาตรฐานของ Accord ซึ่งได้รับคะแนน “SUPERIOR” จาก IIHS ในเวลากลางวัน และคะแนน “ขั้นสูง” ในการทดสอบการหลีกเลี่ยงจากรถสู่คนเดินเท้าในเวลากลางคืน ด้วยรางวัลนี้ รถยนต์ฮอนด้าทั้งหกรุ่นได้รับการจัด อันดับ TOP SAFETY PICK (TSP) ของ IIHS หรือดีกว่าในปี 2023 โดยมีสี่รุ่นที่ได้รับการจัด อันดับ TOP SAFETY PICK+ (TSP+) ซึ่งรวมถึงรถยนต์รุ่นใหม่สำหรับปี 2023 ได้แก่ Honda Accord, HR -V และ CR-V
ชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยและการช่วยเหลือผู้ขับขี่ของ Honda Sensing® เป็นมาตรฐานในรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น รวมถึงรุ่นแอคคอร์ดทุกรุ่น ปัจจุบันมีรถยนต์ฮอนด้ามากกว่า 6 ล้านคันบนถนนในสหรัฐฯ ที่มีชุดเทคโนโลยีความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึง Collision Mitigation Braking System™ (CMBS™) พร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน ระบบเตือนการชนข้างหน้า Road Departure Mitigation (RDM) รวม Lane Departure Warning (LDW) ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ LKAS และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ ACC
HONDA ACCORD ยังมาพร้อมโครงสร้างตัวถัง Advanced Compatibility Engineering™ (ACE™) ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้โดยสารจากการชนด้านหน้าหลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยระบบยึดเสริมขั้นสูง เช่น เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบดึงกลับและด้านหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง เข่า และม่านด้านข้าง
รถยนต์ HONDA ที่ได้รับการทดสอบการชน Honda 2023 IIHS
Honda Accord ปี 2023 (TSP+)
Honda Civic Hatchback ปี 2023 (TSP) ยกเว้นรุ่น Type R Performance
2023 Honda Civic Sedan (TSP)
2023 Honda CR-V (TSP+)
2023 Honda HR-V (TSP+)
2023 Honda โอดิสซีย์ (TSP+)
ฮอนด้าตั้งเป้า TSP+ สำหรับ All-New 2023 Pilot ซึ่งยังไม่ได้รับการประเมินโดย IIHS สำหรับปี 2023
รางวัล TOP SAFETY PICK + ประจำปี 2023
รถยนต์จะต้องได้รับคะแนน “ดี” ในการประเมินการชนทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Small Overlap Front ด้านคนขับ ด้านผู้โดยสาร Small Overlap Front การทดสอบด้านข้างที่ปรับปรุงใหม่ และการทดสอบ Front Overlap ระดับปานกลางดั้งเดิม
เกณฑ์มาตรฐาน TSP+ ของปีนี้ยังรวมถึงการทดสอบการป้องกันการชนจากด้านหน้ารถสู่คนเดินเท้าในเวลากลางคืน จำเป็นต้องมีสมรรถนะขั้นสูงหรือเหนือกว่าในการทดสอบคนเดินถนนทั้งในเวลากลางคืนและกลางวันเพื่อรับรางวัลที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับการให้คะแนนไฟหน้าที่ “ยอมรับได้” หรือ “ดี” ในทุกระดับ
นอกเหนือจากการทดสอบ IIHS แล้ว รถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่นที่ได้รับการประเมินอย่างสมบูรณ์ในการทดสอบ NCAP รุ่นปี 2023 ของ NHTSA ยังได้รับคะแนนยานพาหนะโดยรวม 5 ดาว
iihs
ข้อมูล All-NEW HONDA ACCORD
เครดิตภาพ Cars.com
เครดิตภาพ : greencarreports
https://www.youtube.com/watch?v=tO4bI9NgY4o
6 มกราคม 2023 — แมรีสวิลล์ โอไฮโอ สหรัฐอเมริกา HONDA ได้เผยการผลิต HONDA ACCORD เจนเนอเรชั่นที่ 11 ที่โรงงาน Marysville Auto Plant (MAP)
Honda ครบรอบ 40 ปีการผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ด้วย All-New 2023 Honda Accord
พนักงานของฮอนด้าที่โรงงาน Marysville Auto (MAP) ในรัฐโอไฮโอ เฉลิมฉลองการเริ่มต้นการผลิตจำนวนมากของฮอนด้า แอคคอร์ดและแอคคอร์ดไฮบริดใหม่ปี 2023 รถยนต์ที่ขายดีสุดในอเมริกาช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมา ACCORD ถูกสร้างขึ้นในโรงงาน Marysville Auto Plant (MAP) กว่า 40 ปีตั้งแต่ปี 1982 ทำให้ Honda เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับสากลรายแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตรถยนต์ในอเมริกา “นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจสำหรับผู้ร่วมงานของฮอนด้าทุกคน เนื่องจากเราเฉลิมฉลองไม่เพียงแค่ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ที่มีเรื่องราวของโรงงานรถยนต์แมรีส์วิลล์ ซึ่งฮอนด้าเริ่มผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาด้วยป้ายชื่อเดียวกันนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว” จุนกล่าว Jayaraman หัวหน้าโรงงานที่ MAP “ความสำเร็จด้านการขายที่ยาวนานหลายทศวรรษของแอคคอร์ดบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำและจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของโรงงานในแมรีสวิลล์ ซึ่่งได้มอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ ให้ลูกค้าของเราตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา”
CNET /Motortrend.com
VIDEO
CNET Motortrend.com
Advertisement
Advertisement