Advertisement

Advertisement

เผยภาพภายใน VW ID Buzz ไมโครบัสไฟฟ้า เปิดตัว 9 มีนาคม 2022

เผยภาพภายใน VW ID Buzz ไมโครบัสไฟฟ้า เปิดตัว 9 มีนาคม 2022

Advertisement

Advertisement

ล่าสุดมีการเผยภาพภายในห้องโดยสารของ VW ID Buzz อย่างเป็นทางการ ก่อนเปิดตัววันที่ 9 มีนาคม 2022 สำหรับ MINI MPV ไฟฟ้าคันใหม่ของแบรนด์ โฟล์คสวาเกน

ภาพใหม่ แสดงให้เห็นภายในของห้องโดยสาร ID. Buzz เบาะนั่งขาว-ส้มโด่ดเด่น แผงควบคุมแบบดิจิตอล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาดใหญ่ ภายในค่อนข้างกว้างขวาง เบาะนั่งสามารถพับแนวราบได้ มีช่องเก็บของขนาดใหญ่อยู่ข้างใต้

VW พวกเขาใช้วัสดุรีไซเคิลต่างๆ ในการปูพื้นภายใน เบาะนั่ง และ บุหลังคา หนึ่งในวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเรียกว่าเส้นด้าย Seaqual และประกอบด้วยขวด PET รีไซเคิล 90 เปอร์เซ็นต์และ พลาสติกจากทะเล 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเบาะนั้นใช้การรีไซเคิล 71 เปอร์เซ็นต์

Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen Group ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ID Buzz เวอร์ชันผลิตจริงจะเปิดตัวในวันที่ 9 มีนาคม 2022 อย่างไรก็ตามรถดังกล่าวอาจถูกเรียกในชื่อ ID Buzz ไมโครบัสไฟฟ้าคาดว่าจะเปิดตัวในยุโรปในไตรมาสที่สามของปี 2022 โดยจะมีการส่งมอบในสหรัฐฯ ในปี 2023

กันชนที่เด่นชัดพร้อมไฟตัดหมอกทรงกลม คาดว่าเกรดที่ทดสอบวิ่งคือรุ่นเริ่มต้น สำหรับด้านหลังแตกต่างจา่ากรถต้นแบบไฟท้ายดูล้าสมัย

ID Buzz จะใช้ในงานขนส่งมากกว่า โดยสามารถวิ่งได้ 550 กม./ชาร์จ ด้วยชุดแบตเตอรี่ 48 kWh และ 111 kWh

Volkswagen ID Buzz Minivans รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ L4 ซึ่งพัฒนาโดย Argo AI สตาร์ทอัพที่ทาง VW มีหุ้นส่วนในธุรกิจ

Volkswagen ID Buzz EV ใหม่พัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม VW MEB ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะ Argo AI ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูงรอบคัน

ชุดโปรแกรมขับขี่อัตโนมัติระดับ L4 ของ Volkswagen ID Buzz พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่หลีกเลี่ยง lidar สามารถจับวัตถุในระยะ 400 เมตร สามารถรับรู้และสะท้อนในที่แสงต่ำได้ดี นอกจากนี้ยังมีระบบเรดาร์ และ กล้องถ่ายรูปช่วย

และมีความเป็นไปได้ที่ Volkswagen ID Buzz Minivans อาจมาพร้อมระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต

Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและควบคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
  • ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบควมคุมอัตราเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน
  • ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
  • ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
  • ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับ หรือ ดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนพื้นผิวยุคต่อไป…

Volkswagen ID. Buzz ภาพเสมือนจริง อ้างอิงตามทีเซอร์ รายละเอียดมีความแม่นยำค่อนข้างสูง ออกแแบโดย Kol.esa3ru

ภาพทีเซอร์ VW

Motor1

เครดิตภาพ Insideevs.com

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้