เปิดราคา 1.76 – 1.90 ล้านบาท ในออสเตรเลีย Ford Ranger Super Duty 2025 ลากจูงได้ถึง 4.5 ตัน

เปิดราคา 1.76 – 1.90 ล้านบาท ในออสเตรเลีย Ford Ranger Super Duty 2025 ลากจูงได้ถึง 4.5 ตัน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

Ford Bronco, Texas
Photo: James Lipman / jameslipman.com

 

 

Ford Ranger Super Duty – สุดยอดกระบะพันธุ์แกร่งที่ไม่ได้มาเล่นๆ 

Ford Australia ได้เปิดตัวรถบรรทุก Ranger Super Duty Cab-Chassis รุ่น ปี 2025 ใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการโดยเปิดเผยราคาและข้อมูลจำเพาะโดยละเอียดของรถบรรทุกขนาดกลางที่บริษัทเรียกว่าเป็นรถบรรทุกที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่มีมา

  • Single Cab-Chassis $82,990 หรือประมาณ 1.76 ล้านบาท
  • Super Cab-Chassis $86,490 หรือประมาณ 1.83 ล้านบาท
  • Double Cab-Chassis $89,990 หรือประมาณ 1.90 ล้านบาท

Andrew Birkic ซีอีโอของ Ford Australia กล่าวว่า “รถบรรทุกรุ่นนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการลากจูงอุปกรณ์หนักหรือการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ห่างไกล Ranger Super Duty ก็ตอบโจทย์ได้” ด้วยความทนทานและสมรรถนะที่เป็นหัวใจสำคัญ รุ่นใหม่นี้จึงสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับกลุ่มรถบรรทุกขนาดกลาง

อย่าเข้าใจง่ายๆว่า Ranger Super Duty คือ Ranger ที่ลากได้ 4.5 ตัน …แต่ความจริงแล้ว มันมากกว่านั้นเยอะ! เพราะ Ford ไม่ได้แค่เพิ่มพลังลากเท่านั้น แต่พัฒนายานพาหนะสำหรับสายงานหนักโดยเฉพาะ ทั้งขนของหนัก ลุยโหด และยังคง “บรรทุกได้จริง

ฟอร์ดประกาศเสริมทัพรถกระบะอย่างเป็นทางการ ด้วยการเผยโฉม ‘ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้’ ครั้งแรกของโลก ในงานฉลองครบรอบ 100 ปี ฟอร์ด ออสเตรเลีย ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดได้นำชื่อ ‘ซูเปอร์ ดิวตี้’ มาใช้กับรถกระบะนอกเหนือจากตระกูล F-Series อันโด่งดังในสหรัฐอเมริกา

ฟอร์ดประกาศแผนเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทย พร้อมทำการตลาดในปี 2569 และจะเปิดสายการผลิตที่โรงงานออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) หรือ เอเอที ที่จังหวัดระยอง เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกทั่วโลก

ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าอย่างรอบด้าน เพื่อเติมเต็มความต้องการในตลาดรถกระบะที่มีสมรรถนะสูงพร้อมลุยภารกิจหนักได้อย่างแท้จริง

ด้วยการออกแบบที่สร้างมาตรฐานใหม่ในวงการรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ มาพร้อมสมรรถนะที่โดดเด่นจากโรงงาน ทั้งความสามารถในการลากจูงและบรรทุกที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักเดินทางสายลุย ที่ต้องการรถที่มีสมรรถนะสูง รวมถึงผู้ประกอบการหรือลูกค้าองค์กรที่ต้องการรถสำหรับภารกิจหนัก ซึ่งรถกระบะทั่วไปอาจไม่สามารถรองรับได้

  • รถรุ่นนี้จะผลิตในโรงงาน AutoAlliance Thailand (AAT) ในประเทศไทย นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (Eastern Seaboard Industrial Estate) เลขที่ 49 หมู่ 4 อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง สำหรับประเทศไทยเปิดตัวพร้อมจำหน่ายปี 2026

3 คุณสมบัติหลักที่ไม่มีใครให้ครบแบบนี้

  • ลากจูงได้ 4.5 ตัน

  • ลุยออฟโรดแบบสุดทาง

  • บรรทุกน้ำหนักได้จริง แม้จะลากเต็มกำลัง

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายงานภาคสนามอย่างเหมือง ป่าไม้ หรือหน่วยดับไฟป่า ต้อง “สั่งดัดแปลงรถเอง” กับหลายเจ้าพร้อมกัน ทำให้ต้นทุนสูง ซ่อมบำรุงยาก Ford จึงตัดสินใจ “รวมร่างให้หมด” ให้ใช้จบในคันเดียว


ไม่ได้ทำมาเพื่อข้าราชการเท่านั้น!

Ford คาดว่า สาย Overlanding / Adventure / ขาลุยจริงจัง จะถูกใจด้วย เพราะมันไม่แย่งซีน Raptor หรือ F-150
เรามีโอกาสดูคันต้นแบบที่ Broadmeadows แม้ยังไม่มีตัวเลขแรงม้าหรือราคาชัดเจน แต่บอกเลย… มันเท่มาก


จุดเด่นด้านภายนอก

  • ซุ้มล้อทรงเหลี่ยม ดุดัน ไม่เหมือน Ranger ปกติ

  • ยาง All-terrain ขนาด 33 นิ้ว ล้อ 8 รู 18 นิ้ว

  • ใส่ snorkel มาจากโรงงาน (ลุยน้ำได้ลึกถึง 850 มม.)

  • กันชนเหล็กหน้า + ขอเกี่ยวกู้ภัยหน้า/หลัง

  • กระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมตรา “Super Duty”

  • บันไดข้างเหล็กแบบพิเศษ + บังโคลนแบบขันน็อต


จุดเด่นด้านวิศวกรรม

  • GVM 4500 กก. | GCM 8000 กก.

  • ลากเต็ม 4.5 ตันได้ พร้อมบรรทุกอีก 1 ตัน

  • ถังน้ำมันใหญ่ 130 ลิตร

  • ช่วงล่างใหม่ ยกสูงกว่าปกติ + เหล็กกันกระแทกใต้ท้อง

  • Diff Lock หน้า/หลัง + Diff หลังแบบ Jumbo

  • เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 ขนาด 3.0 ลิตรของ Ford ซึ่งให้กำลัง 209 แรงม้า PS ที่ 3,250 รอบต่อนาที และแรงบิด 600 นิวตันเมตรที่รอบต่ำเพียง 1,750 รอบต่อนาที ขุมพลังนี้ได้รับการปรับเทียบเป็นพิเศษเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานการปล่อยไอเสีย EUVI สำหรับงานหนัก และรวมถึงการผสาน AdBlue ในขณะที่รักษาแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์เอาไว้

  • มีระบบชั่งน้ำหนักบนรถ และระบบ Smart Hitch บอกน้ำหนักกดหัวลาก

ตัวเลขน้ำหนักบรรทุกสร้างความประทับใจในทุกรุ่น

  • Single Cab-Chassis: Up to 1,982kg
  • Super Cab-Chassis: Up to 1,896kg
  • Double Cab-Chassis: Up to 1,825kg

น้ำหนักรวมเพลาที่สูงขึ้นถึง 1,900 กก. ที่ด้านหน้าและ 2,800 กก. ที่ด้านหลังช่วยสนับสนุนตัวเลขเหล่านี้ ในขณะที่ระบบระบายความร้อนที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 25% ช่วยให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอภายใต้ภาระงาน

ในด้านความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด ทุกรุ่นจะมีระยะห่างจากพื้นเพิ่มขึ้น (สูงสุด 299 มม.) เส้นทางที่กว้างขึ้น (1,710 มม.) และความสามารถในการลุยน้ำได้ลึก 850 มม. ซึ่งถือเป็นระดับชั้นนำในคลาส


เทคโนโลยีและอุปกรณ์เสริม

  • ระบบช่วยจอด, กล้อง 360°, เตือนจุดอับแบบลากพ่วง
  • ห้องโดยสารพื้นไวนิล (มีแพ็คหรูให้เลือกสำหรับลูกค้าทั่วไป)
  • มีสวิตช์เสริมในห้องโดยสาร
  • สามารถติดตั้ง วินซ์ 12,000 กก. และกันชน ARB

สีตัวถัง

  1. Arctic White
  2. Seismic Tan
  3. Traction Green

   

 

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้