GULF ทะยานไตรมาสแรก! กำไรโต 54% – เดินหน้าเปิดโรงไฟฟ้าใหม่ ดันรายได้ทั้งปีพุ่ง 25%

สรุปผลประกอบการ GULF ไตรมาส 1/2568

รายได้ & กำไร

• รายได้รวม: 32,343 ล้านบาท (ทรงตัวจากปีก่อน)
• กำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit): 5,335 ล้านบาท (+28%)
• กำไรสุทธิ: 5,395 ล้านบาท (+54%)
• EBITDA: 11,445 ล้านบาท (+21%)

พลังงานไฟฟ้า

• พลังงานลม (Gulf Gunkul): กำไร 226 ลบ. (+147%) จากความเร็วลมเพิ่ม
• IPP กลุ่ม GJP (GNS/GUT): กำไรลดลง 68% เหลือ 175 ลบ. เพราะหยุดซ่อม
• SPP กลุ่ม GJP: รายได้ลดจากค่า Ft และโหลดลูกค้าอุตฯ ต่ำลง
• SPP กลุ่ม GMP: ขายไฟให้ กฟผ. ลดลง เพราะซ่อมบำรุง
• GSRC: กำไรลดจากต้นทุนซ่อมบำรุงสูงขึ้น

ก๊าซธรรมชาติ & LNG

• โครงการ PTT NGD: กำไร 242 ลบ. (+14%)
• เริ่มรับรู้กำไรธุรกิจนำเข้า LNG (GLNG, HKH): รวม 93 ลบ.
• แผนนำเข้า LNG ปี 2568: 70 ลำ (~4-5 ล้านตัน) นำเข้าแล้ว 19 ลำ (1.3 ล้านตัน)

ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน

• กำไรงานถมทะเลมาบตาพุดระยะ 3: 48 ลบ. (ลดลง 60%)
• ทางหลวง M81 เปิดปี 2568 / M6 เปิดปี 2569
• ท่าเรือมาบตาพุดเริ่มก่อสร้าง LNG Terminal Q4/68
• ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เตรียมรับมอบพื้นที่ปลายปี

ลงทุน & ดิจิทัล

• รับรู้กำไรจาก INTUCH: 1,927 ลบ. (+22%) จาก ADVANC โต
• เปิด data center เฟสแรก 25MW เดือน พ.ค.
• เตรียมขยายเป็น 100-200MW ใน 3 ปี
• ร่วมกับ Google เปิดบริการ Cloud (air-gapped) ครึ่งหลังปี 68

การเงิน & โครงสร้างทุน

• สินทรัพย์รวม: 522,478 ลบ.
• หนี้รวม: 376,802 ลบ.
• ส่วนของผู้ถือหุ้น: 145,676 ลบ.
• Net IBD/E: 1.96 เท่า (เพิ่มจาก 1.80 เท่า)
• เตรียมออกหุ้นกู้ใหม่วงเงินไม่เกิน 300,000 ลบ.
• วางแผนออกเพิ่มอีก 20,000 – 30,000 ลบ. ใน Q4/68

แผนเติบโตปี 2568

• คาดรายได้โต +25% จากเปิดโรงไฟฟ้าใหม่รวม 1,500 MW
• Solar farm + ESS ในประเทศอีก 7 โครงการ (597 MW)
• Solar rooftop ภายใต้ “GULF1” จ่ายไฟเพิ่มอีก 100 MW
• เปิดบริการติดตั้ง rooftop สำหรับบ้าน ภายใต้ชื่อ “วันอาทิตย์”

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 โดยมีพัฒนาการที่สำคัญในหลายกลุ่มธุรกิจและโครงการต่าง ๆ ของบริษัทฯ

ในกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมภายใต้กลุ่ม Gulf Gunkul จำนวน 226 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 147% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยหนุนเรื่องความเร็วลมเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มจาก 4.8 เมตร/วินาที เป็น 6.6 เมตร/วินาที ส่งผลบวกต่อปริมาณการผลิตไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ได้แก่ โรงไฟฟ้ากัลฟ์ หนองแซง (GNS) และกัลฟ์ อุทัย (GUT) มีกำไรลดลง 68% เหลือ 175 ล้านบาท จากเดิม 542 ล้านบาทในไตรมาส 1/2567 อันเนื่องมาจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผน C-inspection และ A-inspection ของทั้งสองโครงการ

ในส่วนของกลุ่ม SPP ภายใต้กลุ่ม GJP จำนวน 7 โครงการ กำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าให้ภาคอุตสาหกรรมลดลงเล็กน้อย จากค่า Ft เฉลี่ยที่ลดลงจาก 0.40 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็น 0.37 บาท/กิโลวัตต์ชั่วโมง และราคาก๊าซธรรมชาติลดลงเล็กน้อย ประกอบกับปริมาณการใช้ไฟของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอและปิโตรเคมีลดลง โดยมี load factor ลดจาก 60% เหลือ 56%

กลุ่ม SPP ภายใต้กลุ่ม GMP อีก 12 โครงการ กำไรลดลงจากการขายไฟให้ กฟผ. ที่ลดลง ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ของ 3 โครงการในไตรมาสนี้ รวมถึงผลกระทบจากค่า Ft ที่ปรับลดลง

แม้ว่ารายได้จากลูกค้าอุตสาหกรรมจะลดลง แต่ด้วยสัดส่วนเพียง 6% ของปริมาณขายไฟทั้งหมด ทำให้ผลกระทบรวมต่อรายได้รวมของบริษัทฯ ค่อนข้างจำกัด

โครงการโรงไฟฟ้า GSRC ภายใต้กลุ่ม IPD มีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากต้นทุนค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงตาม Long-term Service Agreement ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้

ในด้านธุรกิจก๊าซ บริษัทฯ รับรู้กำไรจากโครงการ PTT NGD จำนวน 242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งยังเริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซ LNG ภายใต้ GLNG เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของ GSRC, GPD และ SPP รวมถึง HKH โดยรับรู้กำไรรวม 93 ล้านบาท

กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทฯ รับรู้กำไรจากค่าก่อสร้างงานถมทะเลของโครงการมาบตาพุดเฟส 3 จำนวน 48 ล้านบาท ลดลงจาก 119 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากงานถมทะเลแล้วเสร็จในไตรมาสนี้

ส่วนธุรกิจการลงทุน INTUCH มีกำไรที่รับรู้จำนวน 1,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 1,575 ล้านบาท จากผลประกอบการของ ADVANC ที่ดีขึ้น ด้วยการผลักดันแพ็กเกจ ARPU สูงขึ้น ส่งเสริมการใช้ 5G และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

บริษัทฯ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 11,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จาก 3,499 ล้านบาท

ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 522,478 ล้านบาท หนี้สินรวม 376,802 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 145,676 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E) อยู่ที่ 1.96 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.80 เท่า ณ สิ้นปี 2567 จากการออกหุ้นกู้ระยะยาว 30,000 ล้านบาทในเดือนมีนาคม

หลังการควบรวมกิจการกับ INTUCH เสร็จสิ้น GULF ได้จดทะเบียนชื่อใหม่ในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 และได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้โดยทริสเรทติ้งเป็นระดับ “AA-”

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 25% จากการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมถึงหน่วยที่ 2 ของโครงการ HKP (770 เมกะวัตต์) ที่เริ่มจ่ายไฟแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม และอีก 7 โครงการ solar farm รวม 597 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดช่วงปลายปี

ในกลุ่ม solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะจ่ายไฟเพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ และได้เปิดตัวบริการติดตั้ง rooftop สำหรับบ้านอยู่อาศัยในโครงการ “วันอาทิตย์” เพื่อตอบโจทย์ด้านพลังงานสะอาด

กลุ่มธุรกิจก๊าซวางแผนนำเข้า LNG เพิ่มเป็น 70 ลำ หรือ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตของโรงไฟฟ้าในเครือ โดยไตรมาสแรกได้นำเข้าแล้ว 19 ลำ หรือ 1.3 ล้านตัน

ในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน โครงการถนนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) จะเปิดให้บริการปีนี้ ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) เปิดปี 2569 ด้านท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 เตรียมก่อสร้างสถานีรับ-จ่าย LNG ในไตรมาส 4 ส่วนท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 เตรียมรับมอบพื้นที่ปลายปี

ธุรกิจดิจิทัล มีแผนเปิดให้บริการ data center เฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ในเดือนพฤษภาคม และวางแผนขยายถึง 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี อีกทั้งยังเตรียมเปิดบริการ cloud แบบ air-gapped ร่วมกับ Google ช่วงครึ่งหลังปี 2568

เพื่อตอบรับการขยายธุรกิจ GULF เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 เพื่อขออนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ใหม่ไม่เกิน 300,000 ล้านบาท ทดแทนวงเงินเดิม 210,000 ล้านบาทที่สิ้นผลบังคับ โดยมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่ม 20,000 – 30,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/2568 รองรับการลงทุนและชำระหนี้เดิม

กรุงเทพธุรกิจ