วิ่ง 410,000 กม สภาพแบตฯ 90% Tesla Model 3 ปี 2021 เติมไฟถูกกว่าน้ำมัน 4 เท่า ในออสเตรเลีย

Tesla Model 3 ปี 2021 วิ่งแล้ว 410,000 กม. – ยังใช้แบตฯ และมอเตอร์เดิม!
ในวงการรถยนต์ไฟฟ้า มีเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสไวรัลทั่วโลก เมื่อ Tesla Model 3 Standard Plus ปี 2021 ที่ใช้งานเป็นรถ Uber ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย วิ่งไปแล้วกว่า 410,000 กิโลเมตร แต่ยังใช้แบตเตอรี่และมอเตอร์เดิมทั้งหมด
ผลการตรวจสอบล่าสุดโดย EV Workz ศูนย์เชี่ยวชาญรถ EV ในเมือง Port Kennedy เผยว่า สภาพแบตเตอรี่ (SOH) ยังเหลือระหว่าง 88–90% ซึ่งนับว่าน่าทึ่งมากเมื่อเทียบกับระยะทางที่ใช้งาน
ทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นที่สนใจ
Edi Gutmanis แห่ง EV Workz ได้โพสต์ข้อมูลการตรวจเช็กของ Model 3 คันนี้ลงในกลุ่ม Electric Vehicles For Australia เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วัน โพสต์ก็ถูกแชร์ไปทั่วโลก มีผู้เข้าถึงรวมหลายล้านครั้ง
เหตุผลหลักที่ทำให้ได้รับความสนใจคือ
- รถ Tesla ที่วิ่งไกลขนาดนี้ แต่แบตฯ เสื่อมแค่ 10–12%
- การเปิดเผยตัวเลขค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบระหว่าง EV และรถน้ำมัน ซึ่งต่างกันมหาศาล
คำนวณค่าใช้จ่าย: EV ชนะขาด
จากข้อมูลการชาร์จไฟสะสมของรถ Uber คันนี้
-
DC Fast Charging ใช้ไป 15,556 kWh (29%)
Advertisement Advertisement -
AC Charging ใช้ไป 38,012 kWh (71%)
รวมทั้งหมด 53,568 kWh
หากคิดต้นทุนชาร์จไฟ
-
DC $0.60/kWh และ AC $0.30/kWh รวมทั้งหมดราว $20,737 หรือ 673,000 บาท
-
แต่ถ้าใช้ EV Tariff ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ที่ไฟบ้านเพียง $0.09/kWh ค่าไฟรวมจะเหลือแค่ $13,000 ประมาณ 421,000 บาท
เมื่อเทียบกับรถน้ำมันที่กิน 7 ลิตร/100 กม. หากวิ่ง 410,000 กม. จะต้องจ่ายค่าน้ำมันเกือบ $50,000 หรือ 1.62 ล้านบาท
สรุป: คนขับ Uber คันนี้ประหยัดไปแล้วประมาณ $37,000 (ประมาณ 1.2 ล้านบาท) แถมยังไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ซับซ้อนอย่างหัวฉีด, EGR, DPF หรือเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ปัญหาที่เจอ: ไม่ใช่แบตฯ แต่มอเตอร์
สาเหตุจริงที่ Tesla คันนี้เข้ามาที่ศูนย์ EV Workz ไม่ใช่เพราะแบตฯ แต่เป็นเพราะอาการรถสั่น เมื่อยกขึ้นตรวจเช็กก็พบว่า ยางรองแท่นมอเตอร์ (Motor Mount Bushes) สึกหรอ เท่านั้น
ค่าอะไหล่เพียง $130 หรือ 2,700 บาท และค่าแรง 7 ชั่วโมง รถก็กลับมาขับได้ดีเหมือนใหม่
ความทนทานของแบตเตอรี่ EV
Gutmanis ให้ความเห็นว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบตเตอรี่ Tesla จะทนทานระดับนี้ เพราะเทคโนโลยีแบต LFP มีอายุการใช้งานยาวนาน เพียงแต่ยังไม่ค่อยมีใครขับรถไฟฟ้าด้วยระยะทางมากขนาดนี้ในเวลาไม่กี่ปี
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจากต่างประเทศ เช่น
- Tesla Model S ในเยอรมนี วิ่งเกือบ 2 ล้านกิโลเมตร แต่เปลี่ยนแบตไปแล้ว 4 ชุด และมอเตอร์ 14 ตัว
- Tesla Model S แท็กซี่ในอังกฤษ วิ่งถึง 692,000 กม. ด้วยแบตเดิม แต่ระยะทางลดลงประมาณ 105 กม.