เสาไฟถนนธรรมดา กำลังกลายเป็นแท่นชาร์จรถ EV? งานวิจัยสหรัฐฯ เสนอวิธีใหม่ แก้ปัญหาชาร์จไฟฟ้าในเมืองใหญ่

เสาไฟถนนธรรมดา กำลังกลายเป็นแท่นชาร์จรถ EV? งานวิจัยสหรัฐฯ เสนอวิธีใหม่ แก้ปัญหาชาร์จไฟฟ้าในเมืองใหญ่
Spread the love
Advertisement Advertisement

เสาไฟถนนธรรมดา กำลังกลายเป็นแท่นชาร์จรถ EV? งานวิจัยสหรัฐฯ เสนอวิธีใหม่ แก้ปัญหาชาร์จไฟฟ้าในเมืองใหญ่

ทำไม “จุดชาร์จ” คืออุปสรรคใหญ่ที่สุดของรถ EV?

เมื่อพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายคนจะนึกถึงความเงียบ, ความแรงทันใจ, ค่าพลังงานถูกกว่าน้ำมัน และภาพอนาคตที่เมืองปลอดมลพิษ แต่ความจริงกลับไม่สวยหรูขนาดนั้น

ปัญหาใหญ่ที่สุดของการใช้ EV ไม่ใช่ตัวรถ แต่คือ “การชาร์จ”

  • ถ้าคุณอยู่บ้านเดี่ยว มีโรงรถ → ติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านได้เลย

  • แต่ถ้าคุณอยู่คอนโด, อพาร์ตเมนต์ หรือห้องเช่าในเมือง → โอกาสแทบเป็นศูนย์ที่จะติดตั้งแท่นชาร์จส่วนตัว

ผลลัพธ์คือแม้ EV จะราคาถูกลงเรื่อย ๆ แต่สำหรับ “คนเมือง” โดยเฉพาะในมหานครใหญ่ ๆ การซื้อ EV แทบไม่ต่างอะไรจากฝันที่แตะไม่ถึง

ไอเดียพลิกเกม เสาไฟก็เป็นแท่นชาร์จได้

ทีมวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต (Penn State University) จึงมองหาคำตอบใหม่ และพวกเขาเจอสิ่งที่เรามองข้ามทุกวัน… “เสาไฟถนน”

ลองคิดดูสิครับ:

  • เสาไฟฟ้าถนนทุกต้น เชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าอยู่แล้ว

  • อยู่ภายใต้การดูแลของเทศบาล → ไม่ต้องไปคุยกับเอกชนให้วุ่น

  • และที่สำคัญที่สุด → มันตั้งอยู่ตรงที่รถจอดอยู่จริง ๆ

ดังนั้น ถ้าเราดัดแปลงให้เสาไฟมี หัวปลั๊กสำหรับชาร์จ EV มันก็กลายเป็น แท่นชาร์จราคาประหยัด ที่พร้อมใช้งานทันที

 การทดลองจริงในสหรัฐฯ

ไอเดียนี้ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่มีการทดสอบจริงแล้วใน เมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี

  • ทีมวิจัยได้ดัดแปลงเสาไฟจำนวน 23 ต้น

  • ผลลัพธ์ตลอด 1 ปีชี้ว่า

    • ต้นทุนติดตั้ง ถูกกว่ามาก เมื่อเทียบกับแท่นชาร์จพาณิชย์

    • ความเร็วชาร์จ ดีกว่า เพราะไม่ต้องแย่งโหลดกับรถจำนวนมาก

    • รถที่จอดริมถนนสามารถ เสียบชาร์จตรงนั้นได้เลย ไม่ต้องขับออกไปหาสถานี

นั่นหมายความว่า หากขยายแนวคิดนี้เป็นเครือข่ายใหญ่ ๆ เมืองทั้งเมืองก็สามารถกลายเป็น “สถานีชาร์จยักษ์” ได้ทันที โดยไม่ต้องลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด

Advertisement Advertisement

กรอบการพัฒนา 3 ขั้นตอนเพื่อความเป็นจริง

โครงการนี้ได้รับทุนจาก กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DOE) และความร่วมมือจาก เทศบาลแคนซัสซิตี้ และ National Renewable Energy Laboratory (NREL)

ทีมวิจัยเสนอโมเดล “3 ขั้นตอน” สำหรับเมืองอื่น ๆ ที่อยากทำตาม:

  1. ประเมินความต้องการ (Demand Assessment) – ดูว่าพื้นที่ไหนต้องการจุดชาร์จมากที่สุด

  2. วิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility) – ตรวจสอบโครงสร้างไฟฟ้า, งบประมาณ, การอนุมัติ

  3. ประเมินประโยชน์ (Benefit Evaluation) – ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่รวมถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม

AI เข้ามาช่วยตัดสินใจ

ความน่าสนใจอีกอย่างคือ ทีมงานใช้ AI สร้างโมเดลคาดการณ์ความต้องการ โดยพิจารณา:

  • การใช้ที่ดิน (ย่านพักอาศัย, ย่านธุรกิจ)

  • ปริมาณการจราจร

  • สิ่งอำนวยความสะดวกใกล้เคียง

  • และที่สำคัญ → “ความเท่าเทียม” ต้องมั่นใจว่าทุกชุมชนเข้าถึงได้ ไม่ใช่เฉพาะย่านคนรวย

ในอนาคต AI จะถูกพัฒนาให้รวมข้อมูล เศรษฐกิจ-สังคม และ สภาพอากาศ เพื่อการวางแผนที่แม่นยำยิ่งขึ้น

ผลประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม

การดัดแปลงเสาไฟถนนไม่ได้แค่แก้ปัญหาการชาร์จ แต่ยังช่วยสิ่งแวดล้อมโดยตรง:

  • ลดการเดินทางไปหาสถานีชาร์จ → ลดน้ำมันและการปล่อยคาร์บอน

  • รถที่จอดริมถนนสามารถชาร์จตรงนั้น → ประหยัดเวลาและพลังงาน

  • ส่งเสริมให้คนกล้าซื้อ EV มากขึ้น → ลดมลพิษในเมืองอย่างยั่งยืน

ดร. Yuyan “Annie” Pan นักวิจัยในทีมกล่าวว่า:

“เสาไฟชาร์จ EV ไม่ใช่แค่ไอเดียใหม่ แต่มันคือทางออกที่ยั่งยืนและเป็นธรรมสำหรับทุกคน”

ถ้ามีในไทยล่ะ?

ลองจินตนาการ…

  • ถนนในกรุงเทพฯ ที่ทุกเสาไฟ กฟน. มีช่องเสียบชาร์จ EV

  • รถที่จอดริมถนนไม่ต้องกังวลว่า “คืนนี้ชาร์จที่ไหน”

  • เทศบาลเก็บรายได้จากค่าไฟฟ้าโดยตรง → กลายเป็นงบพัฒนาเมือง

แน่นอน ปัญหาจะมี เช่น การดูแลระบบ, ความปลอดภัยของสายชาร์จ, การคิดค่าไฟ แต่ถ้าแก้ได้ นี่อาจเป็น กุญแจที่ทำให้ไทยเข้าสู่สังคม EV ได้รวดเร็วขึ้น

สรุป

งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ใน Journal of Urban Planning and Development และอาจกลายเป็นโมเดลต้นแบบให้เมืองทั่วโลกทำตาม เพราะในอนาคต รถ EV จะไม่ใช่ของคนมีบ้านพร้อมโรงจอดอีกต่อไป แต่เป็น “ของทุกคน” ที่สามารถชาร์จได้แม้เพียงแค่จอดรถริมทาง

interestingengineering

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้