เปิดตัวไทยต้นปี 2569 รวมภาพคันจริงภายนอก-ภายในห้องโดยสาร TOYOTA Land Cruiser FJ ผลิตไทย



Toyota Land Cruiser “FJ” ต้นแบบใหม่ คอมแพ็กต์ออฟโรดดีไซน์ย้อนยุค พร้อมลุย เปิดตัวไทยต้นปี 2026 ช่วงญี่ปุ่นจำหน่ายกลางปี 2026
Toyota Land Cruiser “FJ” (Prototype) คือการกลับมาของชื่อ “FJ” ที่แฟนแลนด์ครูเซอร์ทั่วโลกรอคอย ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การรีเทิร์นด้วยชื่อ แต่เป็นการตีความใหม่ให้กลายเป็น คอมแพ็กต์ออฟโรด (Compact Off-roader) ที่ทั้งลุยได้จริง ใช้งานได้ทุกวัน และแต่งสนุกในแบบที่เจ้าของ “อยากหยิบไปเล่นต่อ” ได้ตลอดเวลา
รถต้นแบบคันนี้เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 ก่อนเตรียมขึ้นโชว์ให้สาธารณชนชมใกล้ ๆ ในงาน Japan Mobility Show 2025 ที่ Tokyo Big Sight ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2025
แม้ตอนนี้ยังเป็นสถานะ Prototype แต่ Toyota ก็เคาะทิศทางชัดเจนแล้วว่า จะวางจำหน่ายจริงในญี่ปุ่นช่วง กลางปี 2026 ขณะที่ตลาดต่างประเทศ รวมถึง ประเทศไทยและอาเซียน จะมีการจำหน่ายช่วงต้นปี ตามลำดับ
แนวคิดหลักของ Land Cruiser FJ “Freedom & Joy” เสรีภาพในการลุย และความสุขในการเป็นเจ้าของ
หัวใจสำคัญของโปรเจ็กต์นี้ คือคีย์เวิร์ดสองคำของ Toyota: “Freedom & Joy”
- Freedom – อิสระในการใช้รถทั้งในชีวิตประจำวันและกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการขับในเมือง แคมป์ปิง ลุยโคลน หรือลากอุปกรณ์เล็ก ๆ สำหรับงานอดิเรก
- Joy – ความสุขของคนใช้รถที่ “สนุกกับการครอบครอง” ไม่ใช่แค่การขับจากจุด A ไปจุด B แต่รวมถึงการตกแต่งรถ การดูรถของตัวเองในทุกมุม และการออกทริปกับคนที่เรารัก
Land Cruiser FJ จึงถูกวางบทบาทให้เป็น “แลนด์ครูเซอร์ที่เข้าถึงง่ายขึ้น” ทั้งขนาดตัวรถ ราคา (ในอนาคต) และบุคลิกการขับ โดยยังรักษาดีเอ็นเอความทนทานและความเป็นออฟโรดแท้ในแบบ Land Cruiser ไว้อย่างครบถ้วน
การออกแบบภายนอก กล่องเล็กที่ดุดัน แต่ดูเป็นมิตร
สัดส่วนตัวถังแบบ Dice Motif + เส้นสาย Simple & Robust
ภายนอกของ Land Cruiser FJ ถูกออกแบบตามแนวคิด “Simple & Robust” คือเรียบง่ายแต่แข็งแรง เน้นให้ “ใช้จริงได้” มากกว่าความหวือหวา
- ตัวถังทรงกล่อง (Boxy Shape) ทำให้มองมิติตัวรถง่ายเวลาเลี้ยวหรือปีนไต่
- มุมตัวถังแบบ Chamfered หรือมุมปาด ช่วยลดการรับแรงกระแทกโดยตรง เพิ่มความทนทานในระยะยาว
- หลังคาทรงเหลี่ยม และเสา A–B ที่แทบตั้งตรง ให้ฟีลคลาสสิกแบบ Land Cruiser รุ่นเก่า
กันชนแยกชิ้น ถอดเปลี่ยนง่าย ถูกใจสายลุย สายตกแต่ง
อีกจุดสำคัญที่สะท้อนแนวคิด “ซ่อมง่าย ใช้งานจริง” คือ กันชนหน้า–หลังแบบแยกชิ้น สามารถถอดเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียหายได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด ช่วยลดต้นทุนการซ่อมโดยตรง
- รองรับการเปลี่ยนเป็นกันชนเหล็กลุยหนัก
- หรือชุดกันชนสไตล์ Overland / Adventure
- เหมาะกับคนที่ตั้งใจนำไปลุยจริง หรือเตรียมติดตั้งวินช์ จุดห่วงลาก และแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ
ไฟหน้าทรงกลม Round Headlamp ออปชันที่พาเรากลับไปหายุค FJ40
จุดที่แฟนคลับ Land Cruiser พูดถึงกันมากคือ ไฟหน้าทรงกลม (Round-type Headlamp) ซึ่งถูกทำให้เป็น ออปชันเสริม เผื่อไว้สำหรับคนที่อยากได้ฟีลย้อนยุค กลิ่นอายแบบ FJ40 รุ่นดั้งเดิม
การทำให้ไฟหน้ากลมเป็นอุปกรณ์เสริม ยังช่วยเปิดทางให้ Toyota สามารถออกแบบหน้าแบบอื่นในอนาคต เช่น รุ่นพิเศษ รุ่นแต่งจากโรงงาน หรือรุ่นสำหรับตลาดบางประเทศโดยเฉพาะ
MOLLE Panel จากยุทธภัณฑ์สู่อุปกรณ์แต่งรถสายแคมป์
บนตัวถังด้านข้างและประตูท้าย ถูกติดตั้ง MOLLE Panel ซึ่งเดิมทีเป็นระบบคล้องอุปกรณ์ทางทหาร แต่ถูกนำมาดัดแปลงใช้กับรถแคมป์/ออฟโรดสมัยใหม่
- แขวนถังน้ำ ถุงเก็บอุปกรณ์ หรือกล่องเก็บของ
- ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเช่น ขวาน พายทราย หรือชุดซ่อมฉุกเฉิน
- สร้างคาแรกเตอร์ให้รถดู “พร้อมออกภารกิจ” อยู่ตลอดเวลา
ห้องโดยสาร เรียบ ตรงไปตรงมา ใช้งานได้จริงแบบ Land Cruiser
คอนโซลแนวนอน เห็นเส้นทางชัดเวลาไต่เนิน
ภายในของ Land Cruiser FJ ถูกออกแบบให้ “ใช้งานได้จริง” เป็นหลัก โดยเฉพาะการขับทางวิบาก
- แผงคอนโซลแนวนอน ช่วยให้ผู้ขับมองความเอียงของตัวรถได้ง่าย
- ฝากระโปรงหน้าเตี้ย + เสากระจกหน้า Low Cowl เพิ่มทัศนวิสัยขณะปีนเนินหรือหักหลบสิ่งกีดขวาง
ปุ่มควบคุมใหญ่ ใช้ได้แม้ใส่ถุงมือ
เพราะถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานกลางแจ้ง ปุ่มควบคุมต่าง ๆ จึงถูกวางไว้ในตำแหน่งที่ “มองง่าย เอื้อมง่าย”
- สวิตช์โหมดขับเคลื่อน 4WD อยู่ใกล้มือคนขับ
- ปุ่มปรับระบบช่วยลงทางชัน / ควบคุมการยึดเกาะถูกจัดกลุ่มไว้ด้วยกัน
- ขนาดปุ่มใหญ่พอให้ใช้งานได้แม้ใส่ถุงมือ
วัสดุภายในเน้นทนทาน ทำความสะอาดง่าย
เบาะและวัสดุทั้งหมดเลือกใช้เกรดที่เน้นความทนทานและการดูแลรักษาง่าย รองรับการใช้งานแบบ “ขึ้น–ลงรถด้วยรองเท้าเปื้อนโคลน” และการเก็บสัมภาระกลางแจ้งที่อาจเปียกหรือเลอะฝุ่นได้เสมอ
ความปลอดภัย Toyota Safety Sense รุ่นล่าสุด
แม้จะเป็นคอมแพ็กต์ออฟโรดสายลุย แต่ Toyota ก็ใส่ระบบความปลอดภัยเต็มที่ ได้แก่
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (Pre-collision System)
- ระบบเตือนออกนอกเลนและช่วยดึงรถกลับ (LDA/LKA)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (Hill-start Assist)
สเปกพื้นฐาน Land Cruiser FJ (Prototype)
| รายการ | ข้อมูลเบื้องต้น (Prototype) |
|---|---|
| เครื่องยนต์ | เบนซิน 2.7 ลิตร 4 สูบ รหัส 2TR-FE |
| กำลังสูงสุด | 120 kW (163 PS) |
| แรงบิดสูงสุด | 246 นิวตันเมตร |
| ระบบเกียร์ | อัตโนมัติ 6 สปีด Super ECT |
| ระบบขับเคลื่อน | Part-time 4WD |
| ความยาวตัวถัง | 4,575 มม. |
| ความกว้าง | 1,855 มม. |
| ความสูง | 1,960 มม. |
| ฐานล้อ | 2,580 มม. |
| ที่นั่ง | 5 ที่นั่ง |
| น้ำหนักรถโดยประมาณ | 2,040 กิโลกรัม |
| รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุด | 5.5 เมตร |
ความคล่องตัวในเมือง + ความลุยแบบ Land Cruiser
แม้จะเป็นรถออฟโรดแท้ ๆ แต่ Land Cruiser FJ ก็ถูกออกแบบให้ใช้งานในเมืองได้สบายขึ้น
- ฐานล้อสั้นกว่า Land Cruiser 250 ถึง 270 มม. → เลี้ยวง่าย เข้า–ออกซอยแคบหรือที่จอดรถได้คล่องกว่า
- รัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.5 เมตร ใกล้เคียงรถ SUV ขนาดเล็กหลายรุ่น
- ระบบช่วงล่างให้ระยะยืด–ยุบล้อ (Wheel Articulation) สูงระดับ Land Cruiser 70 Series
สรุปคือ FJ ถูกจูนมาให้ “ขับไปทำงานวันธรรมดาได้ ไม่อึดอัด” แต่พอถึงวันหยุดก็สามารถพาออกทริปขับบนทางลูกรัง ทางโขดหิน หรือขึ้นเขาแบบจริงจังได้โดยไม่ต้องกลัวช้ำง่ายเหมือน SUV ทั่วไป
แนวคิดการตกแต่ง แต่งได้ตั้งแต่ลุยโหด ยันน่ารักย้อนยุค
Toyota วางจุดขายให้ Land Cruiser FJ เป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนชอบแต่งรถโดยเฉพาะ
- รองรับ ชุดยกสูง / ชุดช่วงล่างออฟโรด จากสำนักแต่ง
- สามารถติดตั้ง แร็คหลังคา เต็นท์นอนบนหลังคา และกล่องเก็บสัมภาระ
- ตกแต่งแนวย้อนยุคด้วยไฟหน้ากลม ล้อเหล็กสีครีม หรือยางแก้มหนา
- แต่งแนว Overland ด้วย MOLLE Panel เต็มทุกด้าน และอุปกรณ์แคมป์ครบเซ็ต
Toyota เองก็เตรียมชุดแต่งแท้ และ อุปกรณ์เฉพาะแต่ละภูมิภาค เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพถนนและสไตล์การใช้งานของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
Land Hopper เพื่อนร่วมทางไฟฟ้า พับเก็บท้ายรถได้
อีกหนึ่งไอเทมที่ Toyota นำมาโชว์ร่วมกับ Land Cruiser FJ คือ “Land Hopper” ยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลแบบพับได้
- ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับระยะทางสั้น ๆ
- พับเก็บได้ ใส่ท้ายรถหรือผูกยึดกับตัวรถ
- เหมาะสำหรับใช้ในแคมป์ ไซต์งาน หรือพื้นที่ท่องเที่ยวที่รถยนต์เข้าไม่สะดวก
จุดนี้สะท้อนแนวคิดของ Toyota ที่มองการเดินทางเป็น “ระบบนิเวศ” ไม่ใช่แค่รถคันเดียว แต่รวมถึงพาหนะเสริมที่ช่วยต่อเชื่อมการเดินทางในสถานการณ์ต่าง ๆ
ดีเซลจะมีไหม? สายลุยทั่วโลกกำลังส่งเสียง
เบื้องต้น มีแค่เบนซิน 2.7 ลิตร 2TR-FE
ในสเปกระดับ Prototype ที่เผยในงาน เปิดตัวมาด้วยเครื่องยนต์เดียวคือ เบนซิน 2.7 ลิตร 2TR-FE ซึ่งเป็นขุมพลังที่เราเห็นกันอยู่แล้วในหลายตลาดของ Toyota โดยเฉพาะในรถกระบะและ SUV บางรุ่น
เสียงวิจารณ์ “ทำไมไม่มีดีเซล?”
บนโลกออนไลน์ และในงาน Japan Mobility Show 2025 เอง มีเสียงสะท้อนจำนวนมากจากผู้ใช้ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในประเทศนิยมดีเซล เช่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งคำถามว่า
- ทำไม Land Cruiser FJ ถึงไม่มี เครื่องดีเซล ทั้งที่เป็นรถออฟโรดลุยจริง?
- ถ้ามีดีเซล 2.8 ลิตร 1GD-FTV จะน่าสนใจขึ้นมาก โดยเฉพาะการลากของและการขับระยะไกล
คำตอบจากเจ้าหน้าที่ Toyota “เราได้ยินเสียงนั้นแล้ว และกำลังพิจารณาอยู่”
ตามข้อมูลที่สื่อยานยนต์ญี่ปุ่นรายงาน เจ้าหน้าที่ประจำบูธ Toyota ยอมรับว่า
- ฟีดแบ็กเรื่องรุ่นดีเซลถูกส่งไปยังทีมพัฒนาแล้ว
- ภายในบริษัทเองก็กำลังมองโอกาสในการเพิ่มขุมพลังให้ตอบโจทย์หลายภูมิภาคมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องพิจารณาไม่ใช่แค่ดีมานด์จากลูกค้า แต่ยังรวมถึง
- กำลังการผลิตเครื่องยนต์ 1GD-FTV ที่ถูกใช้ในหลายรุ่นอยู่แล้ว
- ข้อกำหนดมลพิษในแต่ละประเทศ
- ตำแหน่งทางการตลาดของ Land Cruiser รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้เครื่องดีเซลเหมือนกัน
สรุปง่าย ๆ รุ่นดีเซลยังไม่ถูกประกาศ แต่ “มีโอกาส” เกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยเฉพาะถ้าเสียงเรียกร้องจากลูกค้าทั่วโลกดังพอ และกำลังการผลิตรองรับได้
กำหนดการทำตลาด ญี่ปุ่น ปี 2026 ส่วนไทยต้องลุ้น
- 20 ตุลาคม 2025 – เปิดตัวต่อสื่ออย่างเป็นทางการ
- 30 ตุลาคม – 9 พฤศจิกายน 2025 – จัดแสดงในงาน Japan Mobility Show 2025
- กลางปี 2026 – เริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่น (ตามแผนเบื้องต้น)
สำหรับ ตลาดต่างประเทศ Toyota ยังไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะขายที่ไหนบ้าง แต่สื่อหลายแห่งคาดการณ์ว่าเป้าหมายสำคัญคือ
- ออสเตรเลีย – ตลาดออฟโรดใหญ่ระดับโลก
- ตะวันออกกลาง – ฐานแฟน Land Cruiser ดั้งเดิม
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – รวมถึงไทย ซึ่งนิยมรถออฟโรดและกิจกรรมกลางแจ้งเพิ่มขึ้น
หาก Toyota Motor Thailand ตัดสินใจนำเข้าหรือผลิตในประเทศจริง Land Cruiser FJ จะกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่อยู่ระหว่าง Land Cruiser 250 และ Land Cruiser 70 สำหรับคนที่อยากได้ “แลนด์ครูเซอร์สายลุยที่ใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายกว่า”
สรุป ทำไม Land Cruiser FJ จึงน่าจับตามอง?
- คืนชีพชื่อ “FJ” ในแบบที่เข้าถึงง่ายขึ้น
- ดีไซน์ทรงกล่องย้อนยุค แต่ฟังก์ชันคิดแบบออฟโรดสมัยใหม่
- ขนาดตัวถังและรัศมีวงเลี้ยวที่เป็นมิตรกับการใช้งานในเมือง
- โครงสร้างรองรับการแต่งออฟโรดและแคมป์ปิงเต็มรูปแบบ
- ยังคงมาตรฐานความทนทานและความสามารถลุยระดับ Land Cruiser
- มีโอกาสพัฒนาเครื่องยนต์ทางเลือกในอนาคต ทั้งดีเซลและอาจรวมถึงระบบไฟฟ้า
Land Cruiser FJ จึงไม่ใช่แค่รถต้นแบบคันหนึ่งในงานโชว์ แต่คือสัญลักษณ์ของการที่ Toyota พยายามพาแบรนด์ Land Cruiser กลับไปสู่ “จิตวิญญาณแห่งการผจญภัย” ในยุคที่คนรุ่นใหม่อยากออกไปเจอโลกกว้าง แต่ยังต้องใช้รถคันเดียวกันในการใช้ชีวิตทุกวัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Toyota Land Cruiser FJ
Q: Land Cruiser FJ เป็นรถไฟฟ้าหรือไฮบริดไหม?
ณ ตอนเปิดตัวในสถานะ Prototype ใช้เครื่องยนต์ เบนซิน 2.7 ลิตร 2TR-FE ยังไม่มีการประกาศรุ่นไฮบริดหรือไฟฟ้าเต็มรูปแบบโดยตรง แต่ด้วยทิศทางของ Toyota ในอนาคต ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ของเวอร์ชันไฟฟ้าหรือไฮบริดได้
Q: ถ้าเข้าไทยจริง จะเน้นลูกค้ากลุ่มไหน?
เป้าหมายคือกลุ่มที่ชอบ ไลฟ์สไตล์ลุย ๆ ชอบออกทริปแคมป์ ขึ้นเขา ลุยป่า แต่ยังต้องการรถที่ขับในเมืองได้ทุกวัน ขนาดไม่ใหญ่เท่า Land Cruiser 250 และไม่ฮาร์ดคอร์เท่า Land Cruiser 70
Q: รุ่นดีเซลมีโอกาสเข้ามาไหม?
เบื้องต้นยังไม่มีการยืนยัน แต่ Toyota ได้รับเสียงสะท้อนเรื่องรุ่นดีเซลแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณา หากมีการผลิตจริง เครื่องยนต์ที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ ดีเซล 2.8 ลิตร 1GD-FTV ที่ใช้ใน Hilux และ Land Cruiser หลายรุ่นในปัจจุบัน
Q: ถ้าคิดจะรอซื้อ ควรรอดูอะไร?
- สเปกเครื่องยนต์จริงในรุ่นผลิตขาย
- รุ่นย่อยและชุดแต่งจากโรงงานสำหรับแต่ละประเทศ
- ราคาจำหน่ายและช่องว่างราคากับ Land Cruiser 250 / Hilux รุ่นสูงสุด
สุดท้าย Land Cruiser FJ คือรถที่บอกกับเราอีกครั้งว่า – การขับรถ ไม่ได้มีไว้แค่ไปทำงาน แต่มีไว้เพื่อพาเราออกไปใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็น



