ด่วน! “Hongqi Bridge” สะพานยักษ์ 758 เมตรในมณฑลเสฉวนพังถล่ม หลังเปิดใช้เพียงไม่กี่เดือน

ด่วน! “Hongqi Bridge” สะพานยักษ์ 758 เมตรในมณฑลเสฉวนพังถล่ม หลังเปิดใช้เพียงไม่กี่เดือน
จุดเกิดเหตุ หัวใจเส้นทางหลวง G317 เชื่อมจีน–ทิเบต
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2025 เกิดเหตุสะพาน “Hongqi Bridge” ยาว 758 เมตร บนเส้นทางหลวงแห่งชาติ G317 ในเมือง Maerkang มณฑลเสฉวน (Sichuan Province) พังถล่มลงบางส่วน โดยสะพานแห่งนี้เพิ่งเปิดใช้งานได้ไม่กี่เดือนหลังจากก่อสร้างเสร็จต้นปี 2025
สะพาน Hongqi ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างคมนาคมสำคัญของจีนตะวันตก เพราะเชื่อมภูมิภาคเสฉวนเข้ากับเขตปกครองตนเองทิเบต (Tibet Autonomous Region) ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหาร
สาเหตุเบื้องต้น “ดินภูเขาสไลด์” ทำทางเข้าพัง ก่อนดึงโครงสร้างหลักตาม
รายงานจาก Reuters และสื่อท้องถิ่นจีนระบุว่า จุดที่พังไม่ใช่ช่วงกลางสะพาน แต่เป็น ส่วนทางลาดและคันทางเข้าที่เชื่อมกับเนินเขา ซึ่งเกิดการ “สไลด์ของดินและหิน” ขนาดใหญ่ ส่งผลให้ฐานรับแรง (abutment) ถูกฉุดหลุดและทำให้โครงสร้างเหล็ก–คอนกรีตของช่วงสะพานส่วนต้นพังลงสู่หุบเขา
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ก่อนเหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมง มีการตรวจพบรอยแตกในทางลาดและการเคลื่อนตัวของดินภูเขา หน่วยตำรวจจราจรและวิศวกรท้องถิ่นจึงรีบสั่ง ปิดการจราจรบนสะพานทันที ถือเป็นการตัดสินใจที่ช่วย “ป้องกันโศกนาฏกรรม” เพราะสะพานพังถล่มหลังจากนั้นไม่นาน
“เราพบสัญญาณความผิดปกติบนทางลาด เขื่อนดินเริ่มเคลื่อนตัว และเมื่อปิดการจราจรแล้วไม่กี่นาที โครงสร้างก็พังลงไป”
— เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวกับสื่อจีน
เปิดใช้ไม่นาน แต่พังภายในไม่กี่เดือน
Hongqi Bridge เป็นสะพานเหล็ก คอนกรีตแบบ continuous girder ที่สร้างด้วยงบประมาณหลายร้อยล้านหยวน ภายใต้โครงการ “Western Transportation Corridor Development” ของรัฐบาลจีน ซึ่งมีเป้าหมายยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภูเขาสูง
สะพานเพิ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2025 นั่นหมายความว่ามันมีอายุใช้งานจริงเพียง ประมาณ 8 เดือน ก่อนจะพังถล่มลงจากภัยธรรมชาติ
- “ผู้รับเหมาหลัก” (contractor) ของโครงการคือ Sichuan Road & Bridge Group
- SRBG เป็นบริษัทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของจีน ตั้งอยู่ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน (Chengdu, Sichuan Province) โดยเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจ (state-owned enterprise) ภายใต้กลุ่ม Shudao Investment Group (蜀道集团)
- บริษัทมีธุรกิจหลักด้านการออกแบบ, ลงทุน, ก่อสร้าง และบริหารโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วน, สะพาน, อุโมงค์ รวมถึงขยายไปยังธุรกิจเหมืองและวัสดุก่อสร้าง.
- ระดับการดำเนินงานทั้งในจีนและต่างประเทศ: SRBG ระบุว่า “ดำเนินงานครอบคลุม 29 มณฑลในจีน + 20+ ประเทศ” โดยมีสินทรัพย์รวมราว 240 พันล้านหยวน และรายได้ประจำปีราว 115 พันล้านหยวน
คลิปไวรัลทั่วโลก จังหวะถล่มแบบ “ทั้งแผง”
คลิปจากกล้องวงจรปิดและโทรศัพท์มือถือที่เผยแพร่บน X (ทวิตเตอร์) และ Weibo ของจีน แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ทางลาดฝั่งหนึ่งของสะพานทรุดตัวลงก่อนที่โครงเหล็กทั้งช่วงจะ “ดึง” กันลงสู่หุบเขาอย่างรุนแรง สร้างกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้น
คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในเวลาไม่กี่ชั่วโมง มียอดรับชมมากกว่า 20 ล้านครั้งภายในคืนเดียว พร้อมเสียงวิพากษ์จากชาวเน็ตว่า
“สะพานเพิ่งเปิด ทำไมพังไวขนาดนี้?”
“โชคดีที่ไม่มีรถอยู่บนนั้นตอนถล่ม!”
ปัญหาทางวิศวกรรมหรือภัยธรรมชาติ?
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของ Maerkang ยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในโซนภูเขาสูงที่มี ความเสี่ยงดินถล่มและแผ่นดินไหวสูงที่สุดแห่งหนึ่งของจีน โดยมีสถิติ “ดินสไลด์กว่า 10 ครั้ง” ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สื่อบางแห่งตั้งคำถามถึง “การออกแบบและการสำรวจทางธรณีวิทยาก่อนก่อสร้าง” ว่ามีความรอบคอบเพียงใด — เพราะถึงแม้จะเกิดจากดินสไลด์จริง โครงสร้างสะพานที่แข็งแรงก็ควรมีการเผื่อปัจจัยเสี่ยงในระดับหนึ่ง
รัฐบาลท้องถิ่นจึงสั่งตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนร่วม” ระหว่างกรมคมนาคม จีน และกรมธรณีวิทยา เพื่อแยกแยะว่าเป็น ภัยธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือ ความบกพร่องด้านการวางแผนและก่อสร้าง
ผลกระทบต่อการคมนาคมในภูมิภาค
สะพาน Hongqi เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง G317 ซึ่งเป็นถนนหลักสู่ Tibet ดังนั้นการพังลงทำให้เส้นทางดังกล่าวถูกตัดขาดชั่วคราว ขบวนรถขนส่งสินค้าและนักท่องเที่ยวต้องเบี่ยงเส้นทางอ้อมผ่านเขต Aba ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้การเดินทางเพิ่มระยะกว่า 120 กิโลเมตร
กระทรวงคมนาคมจีนระบุว่า “จะใช้เวลาหลายเดือน” ในการรื้อถอนและก่อสร้างโครงสร้างใหม่ และจะเร่งติดตั้งระบบตรวจวัดความเคลื่อนไหวของดินและความชื้น (Geo-monitoring System) เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
วิเคราะห์ บทเรียนครั้งใหญ่ของ “Megaproject” จีน
เหตุการณ์สะพานพังครั้งนี้กลายเป็นเครื่องเตือนใจว่า
“โครงสร้างที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด ก็ยังพ่ายให้กับพลังของธรรมชาติได้”
จีนเป็นประเทศที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น สะพานข้ามทะเล, ทางรถไฟความเร็วสูงในภูเขา, เขื่อนยักษ์ Three Gorges ฯลฯ แต่พื้นที่บางส่วน โดยเฉพาะมณฑลเสฉวนและยูนนาน มี ความเสี่ยงทางธรณีวิทยาสูงมาก
การออกแบบ–ก่อสร้างในภูมิประเทศเช่นนี้จำเป็นต้องมีระบบ ติดตามความเสถียรของดินแบบเรียลไทม์, ช่องระบายน้ำใต้ดินที่มีประสิทธิภาพ, และ การซ่อมบำรุงต่อเนื่องหลังเปิดใช้งาน
