กฎหมาย ISA ในยุโรป/UK ทำไมรถใหม่ “ร้องเตือนความเร็ว” จนคนหงุดหงิด โดยเฉพาะ Honda CIVIC

กฎหมาย ISA ในยุโรป/UK ทำไมรถใหม่ “ร้องเตือนความเร็ว” จนคนหงุดหงิด โดยเฉพาะ Honda CIVIC
Spread the love
Advertisement Advertisement

กฎหมาย ISA ในยุโรป/UK ทำไมรถใหม่ “ร้องเตือนความเร็ว” จนคนหงุดหงิด โดยเฉพาะ Honda CIVIC

รถยนต์ใหม่ยุคนี้อัดแน่นด้วยระบบช่วยขับ (ADAS) และฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับสูง แต่ในยุโรปและสหราชอาณาจักรมี “หนึ่งระบบ” ที่กำลังสร้างความไม่พอใจให้ผู้ใช้รถจำนวนมาก นั่นคือ Intelligent Speed Assist (ISA) ระบบที่พอขับเร็วเกินป้ายจำกัดความเร็วเพียงเล็กน้อยก็จะส่งสัญญาณเตือนทันที ทั้งภาพและเสียง จนหลายคนรู้สึกว่าไม่ได้ช่วย “เพิ่มความปลอดภัย” เท่ากับ “เพิ่มความรำคาญ” ประเด็นนี้ถูกพูดถึงหนักขึ้นเมื่อผู้ใช้บางราย โดยเฉพาะเจ้าของ Honda (เช่น Civic ใน UK/ยุโรป) ระบุว่าเสียงเตือนของค่ายนี้เข้มและถี่กว่าหลายแบรนด์ บางกรณี แค่ 1–2 ไมล์ หรือ 1.6 – 3.2 กม. เกินจากลิมิตก็เริ่มมีเสียงเตือนแล้ว และการปิด/ลดความเข้มงวดก็ไม่ได้ทำได้ง่ายเหมือนบางค่าย

ISA คืออะไร ทำงานอย่างไร

ISA (Intelligent Speed Assistance / Intelligent Speed Assist) คือระบบช่วยให้ผู้ขับ “รับรู้และปฏิบัติตาม” ข้อจำกัดความเร็ว
โดยอาศัยข้อมูลจาก กล้องอ่านป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition) และ/หรือ ฐานข้อมูลแผนที่ + GPS เพื่อประเมินว่า ณ ตำแหน่งนั้นควรจำกัดความเร็วเท่าไร
จากนั้นจะแสดงลิมิตบนหน้าจอ และออกคำเตือนเมื่อรถวิ่งเร็วเกินกว่าที่ระบบเชื่อว่าเป็นลิมิตในพื้นที่นั้น

ISA มีได้หลาย “แนวทาง” ไม่ได้เหมือนกันทุกค่าย

  • แบบให้ข้อมูล (Informing): แสดงลิมิตให้ดู แต่ไม่เตือนถี่
  • แบบเตือน (Warning): มีเสียง/ภาพ/การสั่นเมื่อเกินลิมิต
  • แบบแทรกแซง (Intervening): อาจต้านคันเร่ง/จำกัดกำลัง (ยังต้อง “override” ได้)

กฎหมายกำหนดกรอบขั้นต่ำไว้ แต่ “ประสบการณ์ใช้งานจริง” จะต่างกันตามการคาลิเบรตของแต่ละผู้ผลิต: บางค่ายเตือนช้ากว่า บางค่ายเตือนนุ่มนวลกว่า และบางค่าย (อย่างที่ผู้ใช้กล่าวถึง) ตั้งค่าให้เตือนเร็วและบ่อย

กฎหมาย ISA บังคับเมื่อไหร่ ทำไมอยู่ดี ๆ รถใหม่ถึงเตือนกันหมด

ISA เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรการความปลอดภัยรถใหม่ของสหภาพยุโรป (EU) ที่ทยอยบังคับใช้เป็นระยะ: เริ่มบังคับกับ “รถรุ่นใหม่/แบบรถใหม่” ตั้งแต่ปี 2022 และ ขยายไปสู่ “รถใหม่ทุกคันที่ขาย” ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2024 เป็นต้นมา ส่งผลให้รถรุ่นปี 2024–2025 ในยุโรป/UK จำนวนมากต้องติดตั้งและเปิดใช้ระบบนี้เป็นค่าเริ่มต้น

หลักคิดของผู้กำกับดูแลคือ “ความเร็ว” เป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มความรุนแรงของอุบัติเหตุ ดังนั้นการทำให้ผู้ขับรู้ตัวเร็วขึ้นเมื่อเกินลิมิต จะช่วยลดโอกาสเกิดเหตุและลดความรุนแรงได้ แต่เมื่อกฎถูกแปลงเป็น UX จริงในรถบางรุ่น ผู้ใช้กลับรู้สึกว่าโดน “เตือนตลอดเวลา” โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ลิมิตเปลี่ยนถี่หรือป้ายไม่ชัด

ทำไมคนบ่นหนัก ปัญหาหลักของ ISA ในชีวิตจริง

1) เกินนิดเดียวก็ร้อง

ผู้ใช้หลายรายเล่าว่าแค่เผลอไหลเกินลิมิตเล็กน้อย (เช่น 1.6 – 3.2 กม.) ก็มีเสียงเตือนแล้ว ซึ่งในสถานการณ์จริงอย่างการไหลตามทราฟฟิก/ทางลงเนิน/การเร่งแซงชั่วคราว ทำให้เสียงเตือนดังบ่อยจนเสียสมาธิ

Advertisement Advertisement

2) ลิมิตที่ระบบ “เข้าใจ” อาจไม่ตรงกับความจริง

ISA อาศัยการอ่านป้าย + ข้อมูลแผนที่ จึงมีโอกาสผิดพลาด เช่น ป้ายถูกบัง, ป้ายชั่วคราว, ถนนซ่อม, ทางคู่ขนาน, ทางแยกที่ลิมิตต่างกัน, หรือฐานข้อมูลแผนที่อัปเดตไม่ทัน เมื่อระบบอ่านผิด แล้วเตือนถี่ ผู้ขับจะรู้สึกว่า “รถจู้จี้” มากกว่าช่วยเหลือ

3) ปิดได้ แต่ไม่ “ง่าย” และบางรุ่นต้องทำซ้ำทุกทริป

ภายใต้ข้อกำหนด ISA หลายระบบจะถูกตั้งค่าให้กลับมาเปิดใหม่เมื่อเริ่มการเดินทางครั้งใหม่ (แนวคิดคือไม่ให้ปิดถาวรแบบลืมเปิด) ผู้ใช้บางรุ่นจึงต้องเข้าเมนูปิดซ้ำทุกครั้งที่สตาร์ตรถ หรือทุกครั้งที่หยุดแล้วเริ่มทริปใหม่ เช่น แวะเติมน้ำมัน/รับลูก/ซื้อของ แล้วต้องไป “ปิดเสียงเตือน” ใหม่อีกรอบ

กรณี Honda ทำไมถึงถูกมองว่าเข้มงวดกว่าคนอื่น

จากรายงานและประสบการณ์ผู้ใช้ Honda ในยุโรป/UK ระบุว่า การแจ้งเตือนของ Honda ดูไวและถี่ และ ไม่มีปุ่มลัดที่ชัดเจน (เช่น ปุ่มบนพวงมาลัย) ให้ปิดเสียงเตือนอย่างรวดเร็วเหมือนบางแบรนด์ ทำให้การใช้งานจริง โดยเฉพาะในเมืองหรือถนนที่ลิมิตเปลี่ยนบ่อย กลายเป็นประสบการณ์ที่กวนใจ

ที่ถูกพูดถึงมากคือบางรุ่นปี 2024 (ก่อนปรับโฉม) ยังพอมีวิธี “ลดความจู้จี้” ผ่านเมนู เช่น ปิดการอ่านป้ายจราจร แต่มีรายงานว่ารุ่นปี 2025 (หลังปรับโฉม) บางคันเหมือน ตัวเลือกนั้นหายไป หรืออย่างน้อย “หาไม่เจอ/เข้าถึงยากกว่าเดิม”


ปิดเสียงเตือนได้ไหม สิ่งที่ผู้ใช้ควรรู้ก่อนลอง

โดยหลักการ ISA ต้องสามารถ override ได้ (ผู้ขับยังสามารถเหยียบคันเร่งให้เกินลิมิตได้) และในหลายแนวทางจะอนุญาตให้ “ปิดระบบ” ได้สำหรับ การเดินทางนั้น ๆ แต่ผู้ผลิตสามารถออกแบบให้กลับมาเปิดใหม่เมื่อเริ่มทริปใหม่ได้

แนวทางที่มักพบในรถหลายรุ่น (อาจต่างกันตามรุ่น/ปี/ประเทศ)

  1. เข้าเมนู Vehicle Settings หรือ Driver Assistance
  2. มองหาเมนูแนว Traffic Sign Recognition, Speed Limit Information, Speed Warning, ISA
  3. ปรับเป็น Visual only (เตือนเฉพาะภาพ) หรือ ลดระดับเสียง/ความถี่ หากมีให้เลือก
  4. บางรุ่นอาจมี “โหมดขับ” ที่ส่งผลต่อความเข้มงวดของคำเตือน (ขึ้นกับแบรนด์)

ข้อควรระวัง: รถหลายคันจะต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้งเมื่อเริ่มทริปใหม่ และบางรุ่นอาจไม่มีตัวเลือกปิดเสียงแบบถาวร

Workaround ที่คนแชร์กัน ปิดแอปนำทางของ Honda แล้วเสียงเตือนหาย (แต่มีข้อแลกเปลี่ยน)

มีผู้ใช้ Honda Civic ใน UK รายหนึ่งแชร์ว่า การปิด/Disable แอปนำทาง (Honda Navigation App)  จะทำให้การอ่านป้ายจราจรและเสียงเตือนความเร็วหยุดทำงานไปด้วย อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงคือการทำเช่นนี้อาจกระทบ Android Auto และแอปนำทางฝั่ง Android/Third-party (เช่น Waze) ขณะที่ Apple CarPlay ยังทำงานได้ ตามรายงานดังกล่าว

วิธีนี้จึง “ไม่ใช่ทางออกสากล” และไม่เหมาะกับทุกคน เพราะเท่ากับต้องยอมเสียความสะดวกบางอย่างเพื่อแลกกับการลดเสียงเตือน อีกทั้งเมนูและชื่อฟังก์ชันอาจต่างกันตามรุ่น/ภูมิภาค/เวอร์ชันซอฟต์แวร์

มุมความปลอดภัยและมุมผู้ใช้: ISA ควรเป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ตัวกวน”

ในเชิงนโยบาย ISA ถูกผลักดันเพื่อลดอุบัติเหตุจากความเร็ว แต่ในเชิงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) หากระบบเตือนถี่เกินไป หรือเตือนผิดบ่อย อาจทำให้ผู้ขับ “ชินชา” และไม่สนใจคำเตือนจริง ๆ หรือแย่กว่านั้นคือทำให้เสียสมาธิ

ทางออกที่สมเหตุสมผลที่สุดในระยะยาวคือ การคาลิเบรตที่ดีขึ้น (เตือนนุ่มนวลขึ้น, มี buffer ที่เหมาะสม, ลด false positive), ข้อมูลแผนที่แม่นขึ้น, และ มีปุ่มลัด/เมนูที่เข้าถึงง่าย ให้ผู้ใช้เลือกความเข้มงวดได้ตามบริบทการขับ


สรุป ถ้าคุณใช้รถยุโรป/UK รุ่นใหม่ ปี 2024–2025 แล้วรำคาญเสียงเตือน ควรทำอย่างไร

  • เริ่มจากทำความเข้าใจว่าเป็นข้อกำหนด ISA รถใหม่จำนวนมากต้องมี และมักเปิดเป็นค่าเริ่มต้น
  • หาเมนูที่เกี่ยวกับ Traffic Sign Recognition / Speed Warning / ISA แล้วลองปรับเป็นเตือนเฉพาะภาพหรือลดระดับเสียง (ถ้ามี)
  • ทำใจว่าอาจต้องตั้งค่าใหม่ทุกทริป เพราะระบบจำนวนมากกลับมาเปิดอัตโนมัติเมื่อเริ่มเดินทางใหม่
  • Workaround เฉพาะบางรุ่น เช่น ปิดแอปนำทางของ Honda อาจช่วยได้ แต่แลกกับการใช้งาน Android Auto/แอปนำทางบางตัว
  • หากระบบเตือนผิดบ่อย ให้ตรวจการอัปเดตซอฟต์แวร์/แผนที่ และแจ้งศูนย์บริการเพื่อเช็กการตั้งค่า

Carscoop

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้