BYD Dolphin ไมเนอร์เช้นจ์ เตรียมขายเกาหลีใต้ปีหน้า คาดราคา 438,000 บาท


BYD Dolphin เตรียมเปิดตัวในเกาหลีใต้ปีหน้า ราคาแตะ “20 ล้านวอน” พร้อมแบต 44.9/60.4 kWh ชาร์จ 30–80% ใน 28–29 นาที
สรุปสั้น: BYD Korea ส่งสัญญาณเปิดตัว BYD Dolphin รถไฟฟ้าแฮตช์แบ็กขนาดเล็กในเกาหลีใต้ช่วง ครึ่งปีแรกของปีหน้า โดยระดับราคาที่พูดถึงคือประมาณ 20 ล้านวอน (ใกล้เคียง ~10,000 หยวน) และมีความเป็นไปได้ว่าจะเปิดขาย ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้สอดคล้องกับจังหวะนโยบายเงินอุดหนุนรถไฟฟ้าของเกาหลีใต้
ไฮไลต์ข่าว ราคา “20 ล้านวอน” หรือ 438,000 บาท คือประเด็นใหญ่
แก่นของข่าวคือการสื่อสารจาก BYD Korea ว่า Dolphin จะเข้ามาเป็นตัวเลือก “รถไฟฟ้าขนาดเล็ก” ในตลาดเกาหลีใต้ ด้วยระดับราคาอ้างอิงประมาณ 20 ล้านวอน ซึ่งถ้าทำได้จริง จะเป็นการกดเพดานราคาในเซกเมนต์แฮตช์แบ็ก EV ให้เข้าถึงง่ายขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งในกลุ่มรถเมืองขนาดเล็กโดยตรง
อีกจุดที่ถูกจับตาคือ ช่วงเวลาทำตลาด ซึ่งแหล่งข่าวคาดว่าอาจเป็น ปลายกุมภาพันธ์ปีหน้า เพื่อให้ “วิ่งพร้อม” รอบการสรุป/ประกาศ นโยบายเงินอุดหนุน EV ของเกาหลีใต้ ทำให้ราคาในโชว์รูมหลังหักสิทธิ์อาจยิ่งดึงดูด (ทั้งนี้ ผลลัพธ์จริงขึ้นกับเงื่อนไขเงินอุดหนุนและสเปกย่อยที่ผ่านเกณฑ์)
ผ่านการรับรองแล้ว: จุดสำคัญก่อนขึ้นไลน์ขายจริง
ตามข้อมูลที่มี Dolphin ได้ผ่านการรับรองจากหน่วยงานรัฐเกาหลีใต้ในส่วน การปล่อยมลพิษ/เสียงรบกวน (ในบริบทของการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม/เสียงสำหรับการจำหน่าย) จึงถือว่า “ขั้นตอนสำคัญ” ก่อนขายจริงเดินไปแล้วหนึ่งสเต็ป เหลือรายละเอียดสำคัญอย่าง วันเปิดตัว, รุ่นย่อย, ราคาอย่างเป็นทางการ และแพ็กเกจหลังการขาย
มิติตัวถัง BYD Dolphin แฮตช์แบ็กเมือง ขนาดใช้งานจริง
BYD Dolphin ถูกวางตำแหน่งเป็นรถไฟฟ้าแฮตช์แบ็กสำหรับใช้งานในเมือง เน้นคล่องตัวและพื้นที่ใช้สอยพอดี โดยมิติตัวถังที่ระบุไว้คือประมาณ:
| รายการ | ตัวเลข (ประมาณ) |
|---|---|
| ความยาว | 4,290 มม. |
| ความกว้าง | 1,770 มม. |
| ความสูง | 1,570 มม. |
ภายนอกเด่นด้วย ไฟท้ายพาดยาว และชิ้นส่วนท้ายอย่าง สปอยเลอร์ เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์สปอร์ต รวมถึงงานออกแบบกันชนหน้า–หลังที่ให้ธีมต่อเนื่องกัน
ภายในและออปชัน จอคู่ + เบาะอุ่น/ระบายอากาศ + ชาร์จไร้สาย 50W
จุดขายสำคัญของ Dolphin ที่ถูกพูดถึงในข่าวคือการให้ออปชัน “เกินตัว” สำหรับรถแฮตช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยมีรายการเด่น เช่น:
- หน้าจอมาตรวัดดิจิทัล (Full LCD Instrument Cluster)
- หน้าจอกลางแบบลอยตัว (Floating Touchscreen)
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง 3 ก้าน
- เบาะคู่หน้า อุ่น + ระบายอากาศ
- กระจกหลัง Privacy Glass
- ชาร์จไร้สาย 50W
- พอร์ต Type-C 60W
- แถวปุ่มกดฟังก์ชันแบบ Physical Buttons บริเวณคอนโซลกลาง
ในมุมผู้ใช้จริง รายการอย่าง เบาะระบายอากาศ และ ชาร์จไร้สายกำลังสูง เป็น “ของที่ใช้งานได้ทุกวัน” โดยเฉพาะในประเทศที่อากาศหนาว–ร้อนสลับกัน การให้เบาะอุ่น/ระบายอากาศช่วยดันความคุ้มค่าได้มาก
ช่วงล่างหลังอิสระ จุดที่ช่วยภาพรวมการขับขี่
อีกหัวข้อที่น่าสนใจคือการระบุว่า Dolphin มาพร้อม ช่วงล่างหลังแบบอิสระ 4 ลิงก์ (Rear Four-link Independent Suspension) ซึ่งโดยหลักการจะช่วยเรื่อง:
- การซับแรงสะเทือนบนถนนขรุขระ
- ความนิ่งของท้ายรถเมื่อเข้าโค้ง
- ความมั่นใจเมื่อใช้ความเร็วบนทางด่วน
อย่างไรก็ดี “คาแรกเตอร์จริง” ยังขึ้นกับการเซ็ตสปริง–โช้กและยางจากโรงงานในสเปกเกาหลีใต้
แบตเตอรี่ Blade LFP 2 ขนาด 44.9 และ 60.4 kWh
ระบบขับเคลื่อนระบุว่าเป็น ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery เคมี LFP (Lithium Iron Phosphate) โดยมีให้เลือก 2 ขนาดความจุ:
- 44.9 kWh (รุ่นมาตรฐาน)
- 60.4 kWh (รุ่นระยะทางไกล)
ชาร์จเร็ว DC: 30% → 80% ใน 28–29 นาที
ด้านการชาร์จระบุว่า รองรับการชาร์จเร็วแบบกระแสตรง (DC Fast Charging) โดยช่วง 30% ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ 28–29 นาที ตัวเลขนี้ถือว่าอยู่ใน “โซนใช้งานจริงได้สะดวก” สำหรับการเติมไฟระหว่างทางหรือระหว่างทำธุระ
ทำไม “ปลายกุมภาพันธ์” ถึงสำคัญ: จังหวะเงินอุดหนุน EV
ตลาดเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับ “ราคา ณ วันส่งมอบหลังหักสิทธิ์” ค่อนข้างมาก ดังนั้นช่วงเวลาที่แบรนด์เลือกเปิดตัวจึงสัมพันธ์กับ:
- ประกาศรายละเอียด/เพดานเงินอุดหนุน EV ของปีนั้น
- เงื่อนไขด้านประสิทธิภาพ/มาตรฐานที่รุ่นย่อยต้องผ่าน
- การจัดสรรโควตาและกระบวนการของท้องถิ่น (ในบางพื้นที่)
หาก Dolphin เปิดเกมได้ทัน “รอบอุดหนุน” ก็อาจเห็นแรงส่งยอดจองตั้งแต่ไตรมาสแรกได้เลย
ภาพรวมการรุกตลาด BYD ในเกาหลีใต้ ไม่ได้มีแค่ Dolphin
ตามข้อมูลในข่าว ระบุว่า BYD ได้วางหมากในเกาหลีใต้ด้วยหลายรุ่นแล้ว เช่น:
- Yuan PLUS (หรือ ATTO 3) กลุ่ม B-SUV
- Seal กลุ่มซีดานขนาดกลาง
- Sea Lion 7 กลุ่ม SUV ขนาดกลาง
การเพิ่ม Dolphin เข้ามาเท่ากับการ “เติมเซกเมนต์รถเมือง” ทำให้ไลน์อัพครอบคลุมตั้งแต่รถเล็กไปถึงรถกลาง และมีโอกาสสร้างฐานลูกค้าใหม่ที่ให้ความสำคัญกับราคาและค่าใช้จ่ายต่อเดือน
มุมมองเชิงตลาด ถ้าราคา 20 ล้านวอนทำได้จริง จะกระทบใคร?
ถ้าราคาขายจริง “ยืน” ใกล้ระดับ 20 ล้านวอน (ก่อน/หลังอุดหนุนขึ้นกับสเปกและเงื่อนไข) ผลกระทบหลักจะไปอยู่ที่
- คู่แข่ง EV ขนาดเล็กที่ใช้ “ราคา” เป็นอาวุธ
- รถน้ำมัน/ไฮบริดขนาดเล็กที่ลูกค้าข้ามเซกเมนต์ได้
- แบรนด์ที่ออปชันยังไม่จัดเต็มในราคาระดับเดียวกัน
สิ่งที่ต้องจับตาเพิ่มคือ เครือข่ายบริการหลังการขาย, การรับประกันแบตเตอรี่ และ ความพร้อมอะไหล่ ในตลาดเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นปัจจัยตัดสินใจสำคัญไม่แพ้ “ราคาเปิดตัว”
สรุป Dolphin คือ “หมัดราคา” เพื่อเปิดเกมรถไฟฟ้าขนาดเล็ก
BYD Dolphin มีสูตรสำเร็จชัดเจน: ตัวถังแฮตช์แบ็กใช้งานง่าย + ออปชันจัดเต็ม + แบต LFP + ชาร์จไวระดับใช้งานจริง แล้วเติม “จุดเดือด” ด้วยราคาใกล้ 20 ล้านวอน หากรายละเอียดรุ่นย่อยและแพ็กเกจหลังการขายออกมาน่าสนใจ ก็มีโอกาสเป็นหนึ่งในรุ่นที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ตลาดรถไฟฟ้าขนาดเล็กของเกาหลีใต้ในปีหน้าได้
BYD DOLPHIN ไมเนอร์เช้นจ์ในประเทศจีน

ล่าสุด BYD ได้เปิดตัว Dolphin Intelligent Driving Edition รุ่นปรับโฉม เพิ่มตัวเลือกใหม่ทั้งภายนอกและภายใน
สีตัวถังใหม่
-
Chocolate Black + Hot Wave Red (ทูโทน)
-
Bebe Grey + Surfing Blue (ทูโทน)
-
Yam Taro Purple (สีเดียว)
รวมทั้งหมด ผู้บริโภคจะได้เลือก 2 แบบทูโทน + 4 แบบสีเดียว + 2 แบบภายในใหม่
ภายในเพิ่มสีใหม่ Oatmeal Beige เสริมบรรยากาศหรูหราและทันสมัย



BYD DOLPHIN รุ่นปรับปรุงใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในจีน พร้อม God’s Eye C – DiPilot 100 ราคาจำหน่าย 99,800 – 125,800 หยวน หรือประมาณ 442,000 – 557,000 บาท
-
God’s Eye C – DiPilot 100
- ไม่มี LiDAR แต่ใช้ระบบกล้องแทน
- ใช้ในรุ่นราคาประหยัดของ BYD
- ใช้ชิป NVIDIA Orin (100 TOPS)
- กล้อง 12 ตัว (รวมกล้องหน้าความละเอียด 8MP)
- เรดาร์ 5 ตัว + เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว
- รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติบนทางหลวง (ช่วยเปลี่ยนเลน, หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง, เข้าทางออกทางด่วนอัตโนมัติ)
- ฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น จอดรถอัตโนมัติ, ระบบจอดรถระยะไกล (Valet Parking), ระบบจำจดเส้นทางขับขี่ในเมือง (MNOA) และการอัปเกรด OTA ภายในปีนี้
- ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ที่รองรับสูงสุด 100 กม./ชม. (และอาจเพิ่มเป็น 120-140 กม./ชม.ในอนาคต), ระบบเตือนการชน, ระบบเตือนจุดบอด และเตือนการเปิดประตู
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว
- ให้กำลัง 95 แรงม้า
- แรงบิด 180 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที
- แบตเตอรี่ LFP 44.92kWh
- วิ่งได้ 420 กม./ชาร์จ CLTC
- ชาร์จ AC 7kW
- ชาร์จ DC 80kW 30-80% ภายใน 25 นาที
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว
- ให้กำลัง 203 แรงม้า
- แรงบิด 310 นิวตัน-เมตร
- อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.5 วินาที
- แบตเตอรี่ LFP 60.48kWh
- วิ่งได้ 520 กม./ชาร์จ CLTC
- ชาร์จ AC 7kW
- ชาร์จ DC 110kW 30-80% ภายใน 25 นาที
ระบบพลังงานใหม่ (NEV Configuration)
- โครงสร้างอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะแบบใหม่
- ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะของแบตเตอรี่
- ระบบจ่ายไฟภายนอก (VTOL – Vehicle to Load)
- ระบบตั้งเวลาการใช้งานรถล่วงหน้า
- โหมดการขับขี่: ประหยัด / สบาย / สปอร์ต / หิมะ
ขนาดตัวถัง
- ความยาว 4,280 มม.
- กว้าง 1,770 มม.
- สูง 1,570 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
- ระยะห่างล้อหน้า / ล้อหลัง 1530 / 1530 มม.
- รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุด 5.35 เมตร
- ขนาดยาง:
- 195/60 R16
- 205/50 R17
- การรับประกันรถทั้งคัน:
- รับประกันระบบไฟฟ้าสำหรับเจ้าของรถคนแรกตลอดอายุการใช้งาน (เฉพาะรถที่ไม่ใช้เพื่อการพาณิชย์)
- รับประกันรถทั้งคันเป็นเวลา 6 ปี หรือ 150,000 กม.

