สหภาพยุโรป ออกกฏฯ บังคับรีไซเคิลแบตเตอรี่ พร้อมทำ QR ติดตามแบตเตอรี่ทุกก้อน

วันที่ 15 มิถุนายน 2023 รัฐสภาสหภาพยุโรปให้การอนุมัติขั้นสุดท้ายแก่ข้อบังคับเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ในยุโรป กฎใหม่ของสหภาพยุโรปครอบคลุมแบตเตอรี่แบบชาร์จได้และแบบชาร์จไม่ได้ทุกประเภทสำหรับการใช้งานทั้งหมด – แบตเตอรี่แบบพกพา อุตสาหกรรม และแบตเตอรี่สตาร์ท เช่นเดียวกับแบตเตอรี่สำหรับรถลากสำหรับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบไปจนถึงการจัดการของเสียและการรีไซเคิลเมื่อหมดอายุการใช้งาน แบตเตอรี่

“เป็นครั้งแรกที่เรามีกฎหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ครอบคลุมวงจรชีวิตทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีสำหรับทั้งสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ เราเห็นด้วยกับมาตรการที่ให้ประโยชน์อย่างมากต่อผู้บริโภค: แบตเตอรี่จะใช้งานได้ดี ปลอดภัยขึ้น และถอดได้ง่ายขึ้น” MEP Achille Variati ของอิตาลี ซึ่งเป็นผู้รายงานหลักของรัฐสภาในโครงการออกกฎหมายให้ความเห็น

“เป้าหมายโดยรวมของเราคือการสร้างอุตสาหกรรมรีไซเคิลในสหภาพยุโรปที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลิเธียม และภาคอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันโดยรวม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในทศวรรษต่อๆ ไปสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและความเป็นอิสระเชิงกลยุทธ์ของทวีปของเรา มาตรการเหล่านี้อาจกลายเป็นมาตรฐานสำหรับ ตลาดแบตเตอรี่ทั่วโลกทั้งหมด” นาย Variati กล่าว

ประเด็นหลักของข้อบังคับเกี่ยวกับแบตเตอรี่ใหม่ของสหภาพยุโรป: จัดให้มีการประกาศและติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของแบตเตอรี่ พร้อมกำหนดอัตราการรีไซเคิ้ลขั้นต่ำ ปริมาณการรีไซเคิลวัสดุ และ การจัดเตรียมทำรหัส QR ของแบตเตอรี่ เพื่อสามารถติดตามอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นได้จริงๆ

การประกาศและฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของแบตเตอรี่

กฎหมายแบตเตอรี่ฉบับใหม่กำหนดให้แบตเตอรี่อุตสาหกรรมแบบชาร์จไฟได้ แบตเตอรี่ LMT และแบตเตอรี่ EV ที่มีความจุมากกว่า 2kWh จะต้องมีการประกาศและฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องรวบรวมและคำนวณข้อมูลการปล่อยคาร์บอนในแต่ละช่วงของวัฏจักรชีวิตตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวัตถุดิบต้นน้ำ การผลิตผลิตภัณฑ์ การขนส่ง การสิ้นสุดอายุการใช้งาน และการรีไซเคิล

กำหนดอัตราการรีไซเคิลขั้นต่ำและเป้าหมายการกู้คืนวัสดุ

เป้าหมายการรีไซเคิลสำหรับแบตเตอรี่แบบพกพาคือ 45% ภายในปี 2024 เพิ่มเป็น 63% ภายในปี 2027 และ 73% ภายในปี 2030
สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ขนาดเล็ก เป้าหมายคือ 51% ภายในปี 2028 และ 61% ภายในปี 2031
การรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมจะอยู่ที่ 50% ภายในปี 2027 และ 80% ภายในปี 2031
หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ 8 ปี แบตเตอรี่ใหม่จะสามารถรีไซเคิลโคบอลต์รีไซเคิล 16% และตะกั่ว 85% ลิเธียม 6% และ นิกเกิล 6% และภายใน 13 ปีหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ แบตเตอรี่ใหม่มีปริมาณโคบอลต์รีไซเคิล 26% ปริมาณตะกั่ว 85% ปริมาณลิเธียม 12% ปริมาณนิกเกิล 15%

ระบุรหัส QR ของแบตเตอรี่ หรือ หนังสือเดินทางดิจิทัล

กฎหมายแบตเตอรี่ฉบับใหม่แนะนำข้อกำหนดการติดฉลากแบตเตอรี่และการเปิดเผยข้อมูล เช่นเดียวกับหนังสือเดินทางดิจิทัลของแบตเตอรี่และรหัส QR ข้อมูลที่เปิดเผย ได้แก่ ความจุของผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพ การใช้งาน องค์ประกอบทางเคมี เนื้อหาความสามารถในการรีไซเคิล และอื่นๆ
กฎหมายแบตเตอรี่ฉบับใหม่กำหนดให้ข้อบังคับมีผลบังคับใช้ภายใน 48 เดือน คณะกรรมาธิการควรสร้างระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นที่วางตลาดควรมีบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ นั่นคือ “หนังสือเดินทางแบตเตอรี่”

ในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่จากแบตเตอรี่ทั่วโลก จีนประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นเนื่องจากห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่เติบโตเต็มที่ การผลิตและการขายรถยนต์พลังงานใหม่ครองอันดับหนึ่งของโลกเป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน ตามข้อมูลของสถาบันวิจัย EVTank ในปี 2022 ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนจะสูงถึง 6.884 ล้านคัน และส่วนแบ่งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 63.6%

การจัดส่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนของจีนจะสูงถึง 660.8GWh ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี 97.7% สัดส่วนการจัดส่งถึง 69.0% รถยนต์พลังงานใหม่ของจีนและอุตสาหกรรมแบตเตอรี่พลังงานคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดโลก คาดว่าเมื่อกฎหมายแบตเตอรี่ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ของจีนจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น หากพวกเขาต้องการขายแบตเตอรี่ในตลาดยุโรป

ตามข้อมูลที่เปิดเผยโดยกรมศุลกากร ในไตรมาสแรกของปีนี้ ประเทศห้าอันดับแรกในการส่งออกแบตเตอรี่ลิเธียมของจีน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ และเวียดนาม คิดเป็น 62.6% ของทั้งหมด

Revolt จะกลายเป็นโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ใหญ่สุดในยุโรป ด้วยกำลัง 125,000 ตันต่อปี เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า 250,000 คันต่อปี

โครงการ Revolt ของ Northvolt ใน Västerås ประเทศสวีเดน ที่กำลังก่อสร้าง เป็นโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าหากสร้างเสร็จ มันจะมีกำลังการรีไซเคิลกว่า 125,000 ตัน ต่อปี ซึ่งสามารถให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่กว่า 250,000 คันต่อปี

Northvolt AB เป็นผู้พัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ของสวีเดน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
บริษัทสวีเดนประกาศว่ากระบวนการรีไซเคิลและการผลิตทั้งหมดเสร็จสิ้นในไซต์เดียว ที่ Northvolt Labs ใน Västerås ประเทศสวีเดน
Revolt โครงการรีไซเคิลของ Northvolt ยังได้ทำข้อตกลงกับ Scania, Volvo และ Volkswagen

โครงการ Revolt จะสามารถรีไซเคิลขยะแบตเตอรี่อย่าง แคโทดนิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (NMC) ที่ผลิตด้วยโลหะ กลับมาใช้งาน 100% สามารถกู้คืนโลหะได้ถึง 95% ของแบตเตอรี่ ในระดับความบริสุทธิ์เทียบเท่าวัสดุเดิม

เป็นที่คาดว่า Revolt Ett จะสามารถรีไซเคิลแบตเตอรี่ได้มากถึง 125,000 ตันต่อปี ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการจัดหาโลหะสำหรับแบตเตอรี่ใหม่มากถึง 30 GWh ที่ Northvolt Ett

Revolt Ett เป็นโรงงานรีไซเคิลขนาดยักษ์แห่งแรกของบริษัทภายใต้การพัฒนาใกล้กับโรงงาน Northvolt Ett ในเมือง Skellefteå ประเทศสวีเดน การก่อสร้างได้เริ่มในไตรมาสแรกของปี 2022 และ จะดำเนินการเสร็จภายในปี 2023

Revolt Ett จะรีไซเคิลลิเธียม นิกเกิล แมงกานีส โคบอลต์ และโลหะอื่นๆ เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม พลาสติก วัสดุที่เข้ามาจะมาจากแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานจากรถยนต์ไฟฟ้า และ เศษวัสดุจากการผลิตแบตเตอรี่ของ Northvolt Ett

Revolt Ett นอกจากจะเป็นโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปแล้ว Revolt Ett จะเป็นโรงงานขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในยุโรปที่สามารถรีไซเคิลลิเธียมได้ นอกเหนือไปจากนิกเกิล แมงกานีส โคบอลต์ และโลหะอื่นๆ

แบตเตอรี่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานไฟฟ้า แต่มันยังไม่ยั่งยืน หากยังไม่มีการรีไซเคิล แบตเตอรี่ การรีไซเคิลจะช่วยให้เกิดวัสดุ ที่มีประโยชน์ในเศรษฐกิจหมุนเวียนของยานยนต์ไฟฟ้า

Insideevs.com

https://www.car250.com/hydrovolt-europe.html

Hydrovolt โรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ฯ ในนอร์เวย์ ใหญ่สุดในยุโรป กู้คืนได้กว่า 95% รองรับ 12,000 ตันต่อปี

บริษัทร่วมทุนด้านการรีไซเคิลแบตเตอรี่ Northvolt–Hydro Hydrovolt ได้เริ่มดำเนินการรีไซเคิลแบตเตอรี่เชิงพาณิชย์ ในเมือง Fredrikstad ประเทศนอร์เวย์

Hydrovolt เป็นโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีการรีไซเคิลแบตเตอรี่กว่า 12,000 ตันต่อปี หรือเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า 25,000 คัน ครอบคลุมการใช้งานแบตเตอรี่ในประเทศนอร์เวย์ทั้งหมด

กระบวนการรีไซเคิลอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ช่วยให้สามารถกู้คืนแบตเตอรี่ได้กว่า 95% ซึ่งประกอบไปด้วย พลาสติก ทองแดง อลูมิเนียม รวมทั้งสารประกอบอย่าง นิกเกิล แมงกานีส โคบอลต์ และลิเธียม

Hydrovolt กำลังสำรวจความเป็นไปได้ เพื่อขยายโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี่ไปยังยุโรป หรือ ประเทศอื่นๆ โดยคาดว่าพวกเขาสามารถรีไซเคิลแบตเตอรี่กว่า 70,000 ตัน ภายในปี 2568 และ 300,000 ตัน ภายในปี 2573

Peter Qvarfordt ซีอีโอของ Hydrovolt ให้ความเห็นว่า “Hydrovolt แสดงถึงก้าวสำคัญ ของการเดินทางไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และ นอร์เวย์คือผู้นำโลกของเรื่องนี้ สิ่งที่ขาดหายไปคือ ความสามารถในการรีไซเคิลแบตเตอรี่อย่างยั่งยืน Hydrovolt ได้รับการปรับขนาดเพื่อรองรับปริมาณแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งานทั้งหมดในนอร์เวย์ แต่ตอนนี้ เรากำลังขยายกำลังอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้น ”

Northvolt.com/ Businesskorea.co.kr/