Advertisement

Advertisement

ปล่อยภาพใหม่ BYD SHARK ปลั๊กอินไฮบริด บนแพลคฟอร์ม DMO+ ครอบคลุมการวิ่ง 1,200 กม./ถังน้ำมัน

ปล่อยภาพใหม่ BYD SHARK ปลั๊กอินไฮบริด บนแพลคฟอร์ม DMO+ ครอบคลุมการวิ่ง 1,200 กม./ถังน้ำมัน

Advertisement

Advertisement

รูปภาพที่ถูกเปิดเผยแสดงรายละเอียดบางส่วนของรถ เช่น สามารถปลดล็อครถได้โดยใช้โทรศัพท์มือถือใ NFC ของกระจกมองหลัง กล่องสัมภาระด้านหลังมีโครงสำหรับตั้งสิ่งของ ส่วนท้ายรถใช้ไฟท้ายแบบทะลุโดยมีกลุ่มไฟท้ายรูปตัว E ทั้งสองด้าน สะดุดตามาก มีโลโก้ BYD อยู่ใต้กลุ่มไฟ รถใหม่ใช้ยาง Giti XROSS HT71 แบบเดียวกับ Leopard 5 ขอบล้อกรีบดอก 6 ก้าน

autodinamico & CarExpert

 

Advertisement

Advertisement

 

 

 

ภายในห้องโดยสาร BYD Fangbao Leopard 5

 

ล่าสุด BYD Auto ได้ประกาศข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถกระบะรุ่นล่าสุด โดยตามข้อมูลอย่างเป็นทางการ รถกระบะรุ่นนี้จะติดตั้งระบบ DMO+ ปลั๊กอินไฮบริดใหม่

แพลตฟอร์ม DMO ซึ่งติดตั้งครั้งแรกในรุ่น Fangbaobao 5 ชื่อเต็มของ DMO คือ Dual Mode Off-Road และชื่อในภาษาจีนคือ Super Hybrid Off-Road Platform นี่คือแพลตฟอร์ม Off-Road ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นหลัก

  • DMO ย่อมาจาก Dual Mode Off-Road เป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาโดย BYD สำหรับรถยนต์ออฟโรดไฟฟ้า

วันที่ 3 เมษายน 2024 BYD AUTO ประเทศจีนประกาศปล่อยทีเซอร์แบบพลางทั้งคันของกระบะปลั๊กอินไฮบริด ใหม่ คาดว่าจะเปิดตัวภายในปีนี้ มีรายงานว่าขนาดของรถกระบะคันนี้คาดว่าจะเกินขนาดของ Toyota Hilux

ในแง่ของกำลัง รถกระบะพลังงานใหม่ของ BYD อาจมีกำลังให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Plug-in Hybrid และ Pure Electric  (ไฟฟ้าจะตามมาทีหลัง) สำหรับรุ่นปลั๊กอินไฮบริดจะมีระยะครอบคลุม 800 – 1,200 กม./ถังน้ำมัน และ วิ่งไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว 100 กม. าวก่อนหน้านี้ระบุว่ารถกระบะคันนี้คาดว่าจะติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบไฮดรอลิก, กระจกมองหลังแบบสตรีมมิ่ง, Huawei AR-HUD และฟังก์ชั่นอื่น ๆ

BYD ได้ทำการทดสอบวิ่งกระบะปลั๊กอินไฮบริด มาสักระยะหนึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดตัวต้นแบบอย่างเป็นทางการในงาน ปักกิ่ง Auto Show ในเดือนเมษายนและคาดว่าจะออกสู่ตลาดได้ในไตรมาสที่ 3 ในประเทศจีนก่อนออกจำหน่ายในต่างประเทศตามลำดับ

ขุมพลังจะติดตั้งระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ประกอบด้วยมอเตอร์ 1.5T+ แบบเดียวกับ Leopard 5 อย่างไรก็ตาม ซีรีส์ Leopard 5 ทั้งหมดมีมอเตอร์คู่ และรถกระบะ BYD ก็จะมีรุ่นมอเตอร์เดี่ยว แชสซีนั้นเหมือนกับ Leopard 5 ทุกประการ แต่คาดว่าระบบล็อกเฟืองท้ายจะเป็นมาตรฐานในทุกซีรีส์

เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 1.5 ลิตร

  • เครื่องยนต์ให้กำลัง 191 แรงม้า
  • แรงบิด 273 นิวตัน-เมตร
  • มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรเดี่ยว
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าอัจฉริยะ
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ 4L
  • ระบบล็อคเฟืองท้าย

เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร

  • ให้กำลังกว่า 245 แรงม้า

ระบบ DMO ยังใช้พลังงานต่ำอีกด้วย ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์และตัวควบคุมระบบผลิตไฟฟ้าทั้งหมดติดตั้งชิป SiC เป็นมาตรฐาน โดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.5% การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ครอบคลุมเมื่อสูญเสียพลังงานคือ 7.8 ลิตร/ 100 กม. สามารถวิ่งได้ 1,200 กม./ถังน้ำมัน

นอกจากนี้ ระบบ DMO ยังใช้การออกแบบล็อคสามล้ออัจฉริยะ ซึ่งประกอบด้วยล็อคเฟืองท้ายระหว่างล้อสองตัวและล็อคศูนย์พลังงานระหว่างเพลา เมื่อเทียบกับล็อคเฟืองท้ายแบบกลไกแบบดั้งเดิม มันมีความเร็วตอบสนองที่เร็วกว่าและช่วงการกระจายแรงบิดที่แข็งแกร่งกว่า รองรับการจ่ายไฟภายนอก 6KW รุ่นไฮเอนด์ก็มีระบบ Yunnan-P เช่นกัน แพลตฟอร์ม DMO มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม

BYD กล่าวว่าบริษัทไม่กลัว TOYOTA HiLux หรือ Ford Ranger พร้อมกล่าวว่ากระบะ 4 ประตูคันแรกของแบรนด์ จะเป็นกระบะที่ดีที่สุดในตลาดออสเตรเลีย (หากเป็นเช่นนี้ประเทศไทยมีความเป็นไปได้ที่จะแนะนำกระบะไฟฟ้าก่อนออสเตรเลียแน่นอน)

  • BYD จะเป็นรถกระบะขนาดกลางที่มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ
  • กระบะ BYD จะมาพร้อมเครื่องยนต์ไฟฟ้าแบบเดี่ยวหรือแบบคู่ ซึ่งจะให้กำลังสูงสุดประมาณ 500 แรงม้า กระบะ BYD คาดว่าจะมีระยะทางในการขับขี่ประมาณ 500 กิโลเมตร (310 ไมล์) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • นอกจากนี้ยังมาพร้อมขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดให้เลือก
  • กระบะ BYD จะมาพร้อมกับคุณสมบัติมาตรฐานมากมาย รวมถึงระบบสาระบันเทิงหน้าจอสัมผัสระบบปรับอากาศกล้องมองหลังและชุดระบบความปลอดภัย BYD DiPilot
  • กระบะ BYD คาดว่าจะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน และคาดว่าจะวางจำหน่ายในต่างประเทศในภายหลัง

ข่าวดังกล่าวมาจาก Luke Todd หัวหน้า EVDirect (ผู้นำเข้า BYD ของออสเตรเลีย) ซึ่งใช้พื้นที่งาน Japan Mobility Show ในโตเกียวเพื่อดูรายละเอียดว่า กระบะรุ่นแรกของแบรนด์จะโด่ดเด่นในตลาดออสเตรเลียได้อย่างไร ” กระบะ Hilux และ RANGER มีมานานแล้ว เราเคารพพวกเขา แต่เราไม่กลัวพวกเขา ” เขากล่าว

Luke Todd ยังยืนยันว่ากระบะคันแรกของแบรนด์ จะติดตั้งระบบส่งกำลังแบบปลั๊กอินไฮบริด และ รุ่นไฟฟ้า BEV จะตามมาอีกประมาณ 12 เดือนให้หลังจากการเปิดตัวปลั๊กอินไฮบริด

สำหรับกระบะปลั๊กอินไฮบริด ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เบื้องต้นจะวิ่งได้ในโหมดไฟฟ้าที่ 100 กม. โดยครอบคลุมการวิ่งประมาณ 1,000 กม.ต่อถังน้ำมัน

“มันเรียกว่า DMI หรือ Dual Motor Intelligence และมันไม่ใช่ไฮบริดอย่างที่คุณรู้จัก” Mr Todd กล่าว “สำหรับออสเตรเลีย ในความคิดของฉัน ฉันดีใจมากที่เราลงเอยด้วยการนำอันนี้มาใช้ก่อน ไม่ใช่แบบไฟฟ้าบริสุทธิ์ ซึ่งอาจจะมาในอีกประมาณหนึ่งปีข้างหน้า”

ทดสอบวิ่งในประเทศจีน และ พร้อมเปิดตัวในจีน ก่อนออกสู่ตลาดโลก

ก่อนหน้านี้มีการทดสอบวิ่งกระบะพลังงานใหม่ NEV ของแบรนด์ BYD ดูเหมือนว่าจะมีรายละเอียด ให้เห็นบางส่วนอย่างไฟหน้าแบบแยกส่วน และ แถบไฟวิ่งกลางวันแบบ LED กระจังหน้าออกแบบใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยาง 265/65 R18 และ พอร์ตชาร์จบริเวณด้านข้างกระบะท้าย นอกจากนี้ยังมีภาพไฟท้ายแบบ Through-type คาดว่าจะมีการเชื่อมไฟทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกันอย่างลงตัวเหมือนรถยนต์ BYD รุ่นอื่นๆ

นอกจากนี้เรายังเห็นภาพภายในห้องโดยสารที่แสดงให้เห็นการออกแบบบางส่วนโดยมีแผงหน้าปัดแบบ Full LCD หน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาดใหญ่ ช่องลมของเครื่องปรับอากาศอยู่ใต้หน้าจอ คันเกียร์แบบโค้งมน

มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกับ Leopard 5 จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่รถออฟโรดและรถกระบะใช้แชสซีส์ร่วมกัน โดยจะมาพร้อมระบบกันสะเทือนสี่ล้ออิสระ ยังไม่ทราบว่ามีระบบ Cloud Chariot-P หรือไม่

ไฟล์ภาพสิทธิบัตร กระบะไฟฟ้า All-NEW BYD

เครดิตภาพ 迪家AUTOMAN

เครดิตภาพ Drive

Cnevpost.com/ Whichcar.com.au/ Carscoop

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้