จบกัน! รถใหม่ในจีนอีก 2 ปีข้างหน้า หรือปี 2027 จะไม่มี “มือจับประตูซ่อน” อีกแล้ว

มือจับประตูซ่อนเต็มรูปแบบ ถึงคราว “ถูกแบน” จริงแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มือจับประตูแบบซ่อน (Hidden Door Handle) กลายเป็นหนึ่งในลูกเล่นที่ค่ายรถนิยมใส่เข้ามาในรถรุ่นใหม่ ๆ ด้วยเหตุผลด้านความสวยงาม ความล้ำสมัย และการอ้างว่า “ช่วยลดแรงต้านลม” แต่ล่าสุด สัญญาณชัดเจนแล้วว่า ยุคของมันอาจสิ้นสุดลง

หน่วยงานกำกับ เตรียมออกกฎห้ามใช้

รายงานล่าสุดระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลในจีนได้มีการประชุมหารือและเตรียมออก มาตรการห้ามใช้มือจับประตูซ่อนเต็ม (Full Hidden) โดยจะอนุญาตเพียง กึ่งซ่อน (Semi-Hidden) หรือ แบบดั้งเดิม เท่านั้น และที่สำคัญจะต้องมี กลไกสำรองแบบแมคานิค (Mechanical Redundancy) เผื่อเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง

ตามข้อมูลที่หลุดออกมา การร่างมาตรฐานใหม่จะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ และจะมี ช่วงผ่อนผัน 1 ปี ก่อนบังคับใช้อย่างเป็นทางการใน เดือนกรกฎาคม 2027
แปลความได้ว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า รถใหม่ที่จะวางขาย จะไม่สามารถใช้มือจับซ่อนเต็มได้อีกต่อไป

สัญญาณเตือน มีมาก่อนหน้านี้

ความจริงแล้วการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของมือจับประตู และชี้ว่ามือจับซ่อนเต็มมี ความเสี่ยงต่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ค่ายรถหลายแห่งก็เริ่มปรับตัว เช่น

• AITO M7 รุ่นใหม่ เลิกใช้แบบซ่อนเต็ม หันมาใช้กึ่งซ่อน
• Zeekr 9X เปลี่ยนมาใช้มือจับแบบดั้งเดิม

ปัญหาที่ไม่อาจมองข้าม

แม้ภาพลักษณ์จะดูไฮเทค แต่ตลอดการใช้งานจริง กลับมีปัญหามากมาย เช่น

• การใช้งานยากและสับสน แต่ละค่ายออกแบบไม่เหมือนกัน บางรุ่นต้องกด บางรุ่นต้องดัน บางรุ่นต้องยก ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปงง

  Advertisement Advertisement

• เสี่ยงเปิดไม่ได้ในกรณีฉุกเฉิน หากระบบไฟฟ้าหรือมอเตอร์เสีย ประตูอาจเปิดไม่ออก ทดสอบพบว่า

  • มือจับกลไกเปิดได้สำเร็จ 98%

  • มือจับไฟฟ้าเปิดได้สำเร็จเพียง 67%

• ไม่เหมาะกับอากาศหนาวจัด เพราะมักถูกน้ำแข็งเกาะจนเปิดไม่ออก

• ค่าซ่อมบำรุงแพงกว่า มือจับกลไกเปลี่ยนหลักร้อย แต่มือจับซ่อนเปลี่ยนหลักพัน

• โครงสร้างซับซ้อนและเสี่ยงเสียหาย ต้องใช้มอเตอร์ สายไฟ และเซนเซอร์มากขึ้น → โอกาสขัดข้องสูง

งานวิจัยยืนยัน: ผลลัพธ์ด้านอากาศพลศาสตร์น้อยนิด

หนึ่งในข้ออ้างของค่ายรถคือ มือจับซ่อนช่วยให้รถลู่ลมขึ้น แต่ผลวิจัยในปี 2014 ชี้ว่า การลดแรงต้านลมมีผลเพียง 0.12% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการปรับดีไซน์ล้อหรือกระจกมองข้างที่ช่วยได้หลายสิบเท่า

จุดจบของแฟชั่น “มือจับซ่อน”

จากการใช้งานกว่าสิบปี ตั้งแต่ Tesla Model S จนถึงปัจจุบัน ปัญหาความสะดวกและความปลอดภัยก็ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างแท้จริง การออกกฎห้ามครั้งนี้จึงเป็นเสมือน การปิดฉากนวัตกรรมที่เน้นโชว์มากกว่าประโยชน์จริง

เมื่อกฎใหม่บังคับใช้ รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะต้องมี กลไกเปิดประตูแบบแมคานิค สำรองทุกคัน เพื่อให้มั่นใจว่าในกรณีฉุกเฉิน ผู้โดยสารยังสามารถเปิดประตูออกมาได้

นี่คือบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่า ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของผู้ใช้ ต้องมาก่อนภาพลักษณ์และเทรนด์แฟชั่นเสมอ