นิสสัน เปลี่ยนเกมโลก! เปิดศูนย์วิจัย LCV ที่จีน – Frontier Pro รุ่นแรก พัฒนาโดยทีมจีน 100%

นิสสันเปิดศูนย์วิจัย LCV ที่เจิ้งโจว – ก้าวกระโดดจาก “ผลิตทั่วโลก” สู่ “สร้างสรรค์ทั่วโลก”
Nissan Frontier Pro รุ่นใหม่ พัฒนาโดยทีมวิศวกรจีนเพื่อขายทั่วโลก — จุดเริ่มต้นของยุคใหม่ “Chinese R&D Defines Global Standards”
การเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญของ Zhengzhou Nissan
ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “เทคโนโลยีขับเคลื่อน” ประเทศจีนได้กลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก และหนึ่งในสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือการที่ นิสสันเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา LCV (Light Commercial Vehicle) อย่างเป็นทางการที่เมือง เจิ้งโจว (Zhengzhou)
ศูนย์แห่งนี้ไม่เพียงเป็น “ฐานการวิจัยใหม่” ของ Nissan เท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่ยืนยันว่า “จีนไม่ได้เป็นแค่ฐานผลิต แต่เป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างสรรค์ระดับโลก”
️ รัฐบาลเจิ้งโจวหนุนเต็มกำลัง ดันเมืองสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์
พิธีเปิดศูนย์วิจัยได้รับเกียรติจาก นาย Zhuang Jianqiu นายกเทศมนตรีเมืองเจิ้งโจว ซึ่งกล่าวว่า
“การตั้งศูนย์วิจัย LCV ของนิสสันคือผลลัพธ์ของความร่วมมือที่ลึกซึ้ง เราหวังว่านิสสันจะยังคงหยั่งรากลึกในเจิ้งโจว ขยายการลงทุน และดึงดูดโครงการใหม่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมเข้ามามากขึ้น”
รัฐบาลท้องถิ่นให้คำมั่นว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มั่นคง โปร่งใส และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อสนับสนุนให้นิสสันสามารถดำเนินกลยุทธ์ระยะยาวในจีนได้อย่างเต็มศักยภาพ
วิสัยทัศน์จากสำนักงานใหญ่ญี่ปุ่น: “จีนคือศูนย์กลางเทคโนโลยีโลก”
นาย Eiichi Akashi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของนิสสัน กล่าวในพิธีเปิดว่า
“วันนี้ อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังหมุนรอบประเทศจีนเป็นศูนย์กลาง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอัจฉริยะ เราคาดหวังว่า ศูนย์ LCV แห่งนี้จะใช้ประสบการณ์กว่า 90 ปีของนิสสัน ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าเชื่อมั่น ปลอดภัย และแข่งขันได้ในระดับโลก”
ศูนย์ LCV ใหม่จะเน้นการพัฒนารถกระบะและ SUV ภายใต้แนวคิด “Global R&D Integration” — ใช้เครือข่ายนวัตกรรมระดับโลกของนิสสันเชื่อมโยงเข้ากับศักยภาพด้านวิศวกรรมของจีน
Zhengzhou Nissan: จากผู้ผลิตสู่ผู้สร้างสรรค์
นาย Ma Zhixin ประธาน Nissan China Management Committee และประธาน Dongfeng Motor Co., Ltd. กล่าวชัดว่า
“ที่นี่จะเป็นฐานหลักของธุรกิจ LCV นิสสันนอกประเทศญี่ปุ่น — ใช้เทคโนโลยีจีนสนับสนุนธุรกิจทั่วโลก และใช้สติปัญญาจีนขับเคลื่อนตลาดโลก”
กว่า 32 ปีของ Zhengzhou Nissan คือเรื่องราวของการเติบโตจาก “โรงงานประกอบรถ” สู่ “ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก”
-
จาก “รับเทคโนโลยีญี่ปุ่น” → สู่ “พัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง”
-
จาก “ผลิตเพื่อขายในจีน” → สู่ “ออกแบบเพื่อขายทั่วโลก”
นี่คือการเปลี่ยนแปลงจาก “Global Manufacturing” สู่ “Global Creation” อย่างแท้จริง
Frontier Pro — กระบะนิยามใหม่ “เกิดในจีน เพื่อโลก”
รถรุ่น Frontier Pro ถือเป็นรถกระบะรุ่นแรกของนิสสันที่ออกแบบ วิจัย และผลิตโดยทีมจีนทั้งหมด เพื่อวางจำหน่ายในตลาดโลก
-
ใช้แพลตฟอร์ม Star Core ที่พัฒนาเพื่อรองรับการขับขี่หลายรูปแบบ
-
มาพร้อมเทคโนโลยี AHT (All-Scenario Hybrid Technology) ให้เลือกทั้งระบบเครื่องยนต์สันดาปและไฮบริด
-
สืบทอด DNA ของกระบะนิสสันกว่า 90 ปี พร้อมสมรรถนะระดับโลก
Frontier Pro คือการหลอมรวมระหว่าง “ความแม่นยำแบบญี่ปุ่น” และ “พลังสร้างสรรค์แบบจีน” เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของกระบะระดับพรีเมียมที่พร้อมทำตลาดในหลายประเทศ
ผลกระทบเชิงอุตสาหกรรม: โมเดลใหม่ของ “ความร่วมมือจีน–ญี่ปุ่น”
การเกิดขึ้นของศูนย์ LCV นี้สะท้อนโมเดลใหม่ของการร่วมทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์
มิติ | ผลลัพธ์ |
---|---|
องค์กร | สร้างความเชื่อมโยงแน่นแฟ้นระหว่างฝ่ายวิจัยและการผลิตในจีน |
อุตสาหกรรม | ยกระดับจีนจาก “ฐานผลิต” สู่ “ผู้นำด้านเทคโนโลยี” |
ผลิตภัณฑ์ | Frontier Pro กลายเป็น “รถจีนเพื่อโลก” ที่สะท้อนมาตรฐานใหม่ของนิสสัน |
โมเดล “Chinese R&D Defines Global Standards” นี้อาจกลายเป็นพิมพ์เขียวให้กับบริษัทร่วมทุนอื่น ๆ ที่ต้องการยกระดับบทบาทของจีนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์โลก
สรุป: จุดเปลี่ยนของนิสสัน และจุดหักเหของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน
การเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนา LCV ในนครเจิ้งโจว คือ จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของนิสสัน และ สัญญาณแห่งการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน
มันแสดงให้เห็นว่า “จีน” ไม่ได้เป็นเพียงโรงงานของโลกอีกต่อไป แต่กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่สามารถนิยามมาตรฐานระดับโลกได้ด้วยตนเอง
Frontier Pro คือผลงานชิ้นแรกแห่งยุคใหม่ของนิสสัน — รถกระบะที่ “เกิดในจีน เพื่อโลก” และเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือข้ามวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นและจีนที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์สู่อนาคต
Nissan Frontier Pro มาแล้ว! กระบะ PHEV คันแรกของค่าย วิ่งไฟฟ้าล้วนไกล 135 กม.