Nissan เปิดตัว “LEAF ใหม่”ขายญี่ปุ่น 1,089,600 บาท วิ่งได้ 702 กม./ชาร์จ WLTC

Nissan เปิดตัว “LEAF ใหม่”ขายญี่ปุ่น 1,089,600 บาท วิ่งได้ 702 กม./ชาร์จ WLTC
Spread the love
Advertisement Advertisement

Nissan เปิดตัว “LEAF ใหม่” เจเนอเรชันที่ 3 ครอสโอเวอร์ EV วิ่งไกลสุด 702 กม./ชาร์จ พร้อมรุ่นพิเศษ “LEAF AUTECH” สุดหรู

ราคาและกำหนดการจำหน่าย (ญี่ปุ่น)

รุ่น แบตเตอรี่ ราคา (เยน) ประมาณ (บาทไทย)*
LEAF B7 X 78 kWh ¥5,188,700 1,089,600 บาท
LEAF B7 G 78 kWh ¥5,999,400 1,259,900 บาท

โยโกฮามะ, ญี่ปุ่น (8 ตุลาคม 2025) – บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศเปิดตัว “Nissan LEAF ใหม่” เจเนอเรชันที่ 3 อย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น โดยรุ่นนี้ถูกออกแบบใหม่หมดในแนวทาง “Next-Generation EV Crossover” เน้นความล้ำสมัย เรียบหรู และขับสนุก พร้อมสมรรถนะการวิ่งที่เหนือกว่าเดิม

LEAF ใหม่ พัฒนาบนพื้นฐานประสบการณ์กว่า 15 ปี ของนิสสันในฐานะผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก และมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 78 kWh ที่ให้ระยะทางสูงสุดถึง 702 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTC) ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

ขนาดตัวถัง Nissan LEAF B7 (2025)

  • ความยาวตัวถัง 4,360 มิลลิเมตร
  • ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร
  • ความสูง 1,550 มิลลิเมตร (1,565 มิลลิเมตร เมื่อมีระบบ ProPILOT 2.0)
  • ฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร
  • ระยะห่างจากพื้น 135 มิลลิเมตร
  • ระยะกว้างล้อหน้า 1,575 มิลลิเมตร
  • ระยะกว้างล้อหลัง 1,565 มิลลิเมตร
  • รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร
  • น้ำหนักรถ 1,880 – 1,920 กิโลกรัม
  • จำนวนที่นั่ง 5 ที่นั่ง

ภายในห้องโดยสาร

  • ความยาวห้องโดยสาร 1,970 มิลลิเมตร
  • ความกว้างห้องโดยสาร 1,540 มิลลิเมตร
  • ความสูงห้องโดยสาร 1,160 มิลลิเมตร (1,200 มิลลิเมตร เมื่อมีหลังคากระจกพาโนรามา)

สเปกหลัก Nissan LEAF B7 (2025 ญี่ปุ่น)

  • มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor (รหัส YM52)
  • ให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ หรือ 218 แรงม้า (PS)
  • แรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตร
  • ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (Front-Wheel Drive)
  • เกียร์ไฟฟ้าแบบ Single Speed Reduction Gear
  • อัตราทดสุดท้าย 9.328 : 1
  • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุรวม 78 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) พลังงานใช้งานจริง 75.1 kWh
  • ระบบจัดการอุณหภูมิแบบรวมศูนย์ (Thermal Integration) ควบคุมความร้อนของแบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบปรับอากาศร่วมกัน
  • ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTC)
    • รุ่น B7 X วิ่งได้สูงสุด 702 กิโลเมตร
    • รุ่น B7 G วิ่งได้สูงสุด 685 กิโลเมตร
  • การชาร์จไฟฟ้าแบบ AC Normal Charge (กระแสสลับ)
    • รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 6 กิโลวัตต์ (200V)
    • ชาร์จเต็ม 0–100% ใช้เวลาประมาณ 13–14 ชั่วโมง
  • การชาร์จไฟฟ้าแบบ DC Quick Charge (กระแสตรง)
    • รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 150 กิโลวัตต์
    • ชาร์จจาก 10% ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
  • รองรับระบบจ่ายไฟภายนอก V2L / V2H ให้กำลังจ่ายสูงสุด 1,500 วัตต์ (AC 100V) สามารถใช้เป็นไฟสำรองในบ้านหรือกิจกรรมกลางแจ้งได้

ระบบช่วงล่างและการขับขี่ Nissan LEAF B7 (2025 ญี่ปุ่น)

  • โครงสร้างพื้นฐานของ Nissan LEAF B7 พัฒนาบนแพลตฟอร์ม CMF-EV ย์ถ่วงต่ำและการกระจายน้ำหนักที่สมดุลระหว่างหน้า–หลัง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ถูกติดตั้งใต้พื้นรถ ช่วยลดการโคลงและเพิ่มความมั่นคงในการเข้าโค้ง
  • ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ อิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท (Independent MacPherson Strut) พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ให้การตอบสนองแม่นยำและซับแรงสะเทือนได้ดีในทุกสภาพถนน
  • ด้านหลังเป็นแบบ อิสระมัลติลิงก์ (Independent Multi-Link Suspension) ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ LEAF รุ่นใหม่นี้ เพราะให้ทั้งความนุ่มนวลและความนิ่งของตัวรถขณะเข้าโค้ง นิสสันยังปรับจูนพิเศษสำหรับสภาพถนนในญี่ปุ่น เพื่อให้ช่วงล่างมีความ “เรียบและแน่น” ตั้งแต่ในเมืองจนถึงทางด่วน
  • ระบบพวงมาลัยเป็นแบบ แร็กแอนด์พิเนียนควบคุมด้วยไฟฟ้า (Electric Power Steering)  ให้การตอบสนองแม่นยำและปรับน้ำหนักตามความเร็ว พร้อมระบบ Active Return Control ช่วยให้พวงมาลัยคืนตำแหน่งตรงกลางอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ระบบเบรกหน้าเป็น ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน (Ventilated Disc) ส่วนด้านหลังเป็น ดิสก์เบรกเต็มรูปแบบ (Solid Disc) ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Brakeforce Distribution (EBD) และระบบช่วยเบรก Brake Assist (BA) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหยุดรถทุกสถานการณ์
  • LEAF B7 ยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพ Vehicle Dynamic Control (VDC) ทำงานร่วมกับระบบ Traction Control (TCS) ช่วยป้องกันการลื่นไถลเมื่อล้อหมุนฟรีบนพื้นเปียก
  • และระบบ Hill Start Assist (HSA) ช่วยให้รถไม่ไหลถอยบนทางชัน
  • ด้วยโครงสร้างแบตเตอรี่ที่ฝังอยู่ใต้พื้น จุดศูนย์ถ่วงของ LEAF B7 จึงต่ำกว่า Crossover ทั่วไป ทำให้การเข้าโค้งมั่นคง การเปลี่ยนเลนรวดเร็ว และการขับขี่รู้สึก “นิ่งและแน่น” ในทุกย่านความเร็ว

การออกแบบภายนอก Nissan LEAF B7 (2025 ญี่ปุ่น)

  • ดีไซน์ภายนอกของ Nissan LEAF เจเนอเรชันที่ 3 ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดภายใต้แนวคิด “Sleek and Intelligent EV Crossover” เน้นความลู่ลม เรียบง่าย แต่แฝงด้วยความแข็งแกร่งและความมั่นใจในทุกมุมมอง
  • ตัวถังเป็นทรง ฟาสต์แบ็กครอสโอเวอร์ (Fastback Crossover) เส้นสายด้านข้างไหลลื่นจากฝากระโปรงถึงแนวหลังคาท้ายรถ ให้ความรู้สึกพริ้วและต่อเนื่องในทุกมุมมอง การวางเส้น Character Line ช่วยเน้นมิติเตี้ย–กว้าง สะท้อนภาพลักษณ์ “Low & Wide Stance” แบบรถสปอร์ตไฟฟ้า
  • ด้านหน้าโดดเด่นด้วย ไฟหน้า LED แบบ Signature 6 ช่องสี่เหลี่ยมโค้งมน เชื่อมต่อด้วยเส้นไฟกลางแนวนอนแบบ “One-Line Accent Light” ให้ภาพลักษณ์เฉพาะตัวของ LEAF รุ่นใหม่ ฝากระโปรงหน้ามีแนวสันคม ช่วยเสริมมิติความสปอร์ตและเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของอากาศ
  • ชุดกันชนหน้าและช่องดักลมออกแบบเพื่อเพิ่ม Aerodynamic Efficiency ผสานกับพื้นใต้ท้องรถที่เรียบและแนวหลังคาลาด ส่งผลให้ได้ค่าแรงต้านอากาศเพียง Cd 0.26 ซึ่งถือว่าดีที่สุดระดับต้น ๆ ของรถครอสโอเวอร์ในกลุ่มเดียวกัน
  • ด้านข้างติดตั้ง มือจับประตูแบบไฟฟ้าเรียบไปกับตัวถัง (Flush Door Handle) ช่วยลดแรงต้านลมและให้รูปลักษณ์เรียบหรูในสไตล์ EV ยุคใหม่ เสา C ถูกออกแบบให้กลืนกับกระจกหลัง ให้ภาพลักษณ์แบบ “Floating Roof” ทันสมัย
  • ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้วในรุ่น B7 X และ 19 นิ้วในรุ่น B7 G ออกแบบในรูปทรงใบพัด (Turbine Style) ที่ผ่านการคำนวณทางอากาศพลศาสตร์ ทั้งสวยงามและช่วยลดแรงต้านลมในขณะขับขี่
  • ด้านท้ายใช้ ไฟท้าย LED แบบ 3D Hologram พร้อมลวดลายเฉพาะ “Ⅱ三” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงเอกลักษณ์ของ Nissan ไฟท้ายเชื่อมต่อกันด้วยแถบไฟแนวนอนให้ภาพลักษณ์ล้ำสมัย ขอบกันชนท้ายดีไซน์เรียบแต่หนักแน่น ให้ความรู้สึกเสถียรและมั่นคงในทุกองศา
  • ในส่วนของกระจกมองข้างเป็นแบบพับไฟฟ้า มีฮีตเตอร์ในตัว พร้อมไฟเลี้ยว LED และฟังก์ชันปรับองศาอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอย
  • กระจกทั้งหมดเป็นแบบ Super UV & IR Cut Glass ช่วยกันรังสีและความร้อนได้ดีในฤดูร้อน สำหรับหลังคา มีตัวเลือก หลังคากระจกพาโนรามาแบบปรับแสงได้ (Electrochromic Panoramic Roof) ที่สามารถปรับความโปร่งแสงได้ด้วยปุ่มเดียว ให้บรรยากาศโปร่งสบายและเชื่อมโยงกับการออกแบบภายในอย่างกลมกลืน

การออกแบบภายใน Nissan LEAF B7 (2025 ญี่ปุ่น)

  • ภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม CMF-EV เน้นความโปร่ง โล่ง และทันสมัยในสไตล์ “มินิมอลลักซ์ชัวรี (Minimal Luxury)”
  • พื้นห้องโดยสารเรียบ (Flat Floor) ช่วยเพิ่มพื้นที่ช่วงขาและความสะดวกในการเข้า–ออก
  • แผงคอนโซลหน้าออกแบบแบบ Floating Horizontal Design ให้ความรู้สึกกว้างขวางด้วยเส้นแนวนอนที่ต่อเนื่องตลอดความยา
  • ตำแหน่งจอแสดงผลและปุ่มควบคุมถูกจัดให้ใช้งานง่ายในระดับสายตา
  • วัสดุภายในเลือกใช้โทนสีเข้ม ผสมวัสดุซอฟต์ทัชและตกแต่งด้วยเส้นโครเมียมด้าน รุ่น B7 G จะใช้เบาะวัสดุ TailorFit เดินด้ายสีน้ำเงิน (Blue Stitch) เพิ่มความหรูหรา ส่วนรุ่น B7 X ใช้เบาะผ้าคุณภาพสูง (Fabric) ที่ให้สัมผัสนุ่มและระบายอากาศดี
  • เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบพยุงหลัง (Lumbar Support) และฟังก์ชันเมมโมรีตำแหน่งสำหรับผู้ขับ
  • เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และสามารถเอนพนักพิงเพื่อเพิ่มความสบายในการเดินทางไกล
  • เพดานห้องโดยสารติดตั้ง หลังคากระจกพาโนรามาแบบปรับแสงอัตโนมัติ (Electrochromic Glass Roof) สามารถปรับระดับความโปร่งแสงได้ด้วยปุ่มเดียว พร้อมระบบกันร้อนและกรองรังสี UV ให้บรรยากาศสว่าง โปร่ง และเงียบสงบ
  • ระบบเครื่องเสียงติดตั้งลำโพงรอบทิศทาง โดยรุ่น B7 G มาพร้อมชุดเสียง Bose® Personal Plus System จำนวน 10 ลำโพง
    ให้มิติเสียงชัดและมีระบบแยกเสียงเฉพาะฝั่งผู้ขับขี่ ส่วนรุ่น B7 X ให้ลำโพงมาตรฐาน 4 จุด
  • ห้องโดยสารมีไฟตกแต่ง Ambient Lighting แบบปรับสีได้หลายเฉด และติดตั้งช่องชาร์จ USB Type-C ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวม 4 จุด รวมถึงช่องจ่ายไฟ AC 100V 1,500W จำนวน 2 จุด (บริเวณคอนโซลกลางและห้องเก็บสัมภาระ) เหมาะกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือชาร์จอุปกรณ์พกพาได้โดยตรง
  • วัสดุบริเวณประตูและคอนโซลหุ้มด้วยหนังซอฟต์ทัช พร้อมด้ายเย็บคู่สีน้ำเงิน เพิ่มความรู้สึกพรีเมียมภายในห้องโดยสาร ขณะเดียวกัน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติยังใช้เทคโนโลยี Heat Pump System ทำความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพอากาศหนาว และมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ระบบความปลอดภัย และเทคโนโลยีช่วยขับขี่ Nissan LEAF B7 (2025 ญี่ปุ่น)

นิสสันออกแบบ LEAF เจเนอเรชันใหม่ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ “ขับง่าย ปลอดภัย และไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์
โดยติดตั้งเทคโนโลยีช่วยขับขั้นสูงแบบรอบคัน ภายใต้ระบบที่เรียกว่า 360° Safety Assist

ระบบช่วยขับอัตโนมัติ ProPILOT 2.0

  • LEAF B7 เป็นรถรุ่นแรกในกลุ่ม Crossover EV ที่รองรับ ProPILOT 2.0 ระบบช่วยขับอัตโนมัติขั้นสูงที่สามารถ “ปล่อยมือจากพวงมาลัย (Hands-Off Drive)” ได้ในบางช่วงบนทางด่วน โดยใช้กล้องหลายตัวและเรดาร์ตรวจจับรอบคันร่วมกับ GPS ความละเอียดสู ระบบนี้จะช่วยควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรกอัตโนมัติ รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าและวิ่งอยู่ในเลนกลางได้อย่างแม่นยำ รวมถึงช่วยเปลี่ยนเลนโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว
  • ProPILOT 2.0 ยังสามารถลดอาการเมื่อยล้าในการขับทางไกล และปรับความเร็วให้เหมาะสมตามสภาพถนนแบบเรียลไทม์

ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ProPILOT Parking

  • ระบบนี้สามารถควบคุมพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เพื่อจอดรถในช่องจอดได้โดยอัตโนมัติ ทั้งแบบขนานและแบบถอยหลังเข้าซอง
  • นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน ProPILOT Remote Park ที่ให้ผู้ขับยืนอยู่นอกรถและสั่งให้รถเลื่อนเข้า–ออกจากช่องจอดด้วยรีโมตได้
    เหมาะกับพื้นที่แคบหรือที่จอดรถในคอนโด

ระบบกล้องและเรดาร์รอบคัน

  • ติดตั้งกล้องรอบคัน Intelligent Around View Monitor (AVM) พร้อมระบบ Moving Object Detection (MOD) ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวรอบรถแบบ 360° ช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะถอยหรือเลี้ยวในพื้นที่จำกัด
  • กระจกมองหลังเป็นแบบ Intelligent Room Mirror สามารถแสดงภาพจากกล้องด้านหลังได้เต็มจอแบบดิจิทัล ให้มุมมองกว้างแม้ในยามกลางคืนหรือมีผู้โดยสารบังทัศนวิสัย

ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติรอบทิศทาง

LEAF B7 ติดตั้งชุดระบบความปลอดภัยขั้นสูงของ Nissan แบบครบชุด ได้แก่

  • Intelligent Emergency Braking (AEB): เบรกอัตโนมัติเมื่อพบรถหรือคนเดินตัดหน้า

  • Pedal Misoperation Prevention: ป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

  • Forward Collision Warning (FCW): เตือนก่อนเกิดการชนด้านหน้า

  • Lane Departure Warning (LDW): เตือนเมื่อรถออกนอกเลน

  • Blind Spot Warning (BSW): เตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา

  • Blind Spot Intervention (BSI): ดึงพวงมาลัยกลับอัตโนมัติเมื่อเสี่ยงชนในจุดอับ

  • Rear Cross Traffic Alert (RCTA): เตือนรถที่วิ่งตัดหลังขณะถอย

  • Traffic Sign Recognition (TSR): แสดงข้อมูลป้ายจราจรบนหน้าจอ

  • Driver Attention Alert (DA): แจ้งเตือนเมื่อผู้ขับมีอาการง่วงหรือขับผิดปกติ

  • Intelligent Distance Control (IDC): รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างนุ่มนวล

ระบบช่วยรักษาเสถียรภาพและการขับขี่

  • ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพ Vehicle Dynamic Control (VDC)
  • พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS + EBD + BA
  • และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน Hill Start Assist (HSA)
  • ช่วงล่างหลังเป็นแบบ Multi-Link Suspension ที่จูนเฉพาะสำหรับถนนญี่ปุ่ ช่วยให้การทรงตัวนิ่งและลดการโคลงในโค้ง

ระบบบันทึกภาพและความปลอดภัยเสริม

  • รุ่น B7 G มาพร้อม กล้องบันทึกภาพหน้า–หลัง (Drive Recorder) จากโรงงาน สามารถบันทึกวิดีโอและเสียงพร้อมระบบล็อกอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • นอกจากนี้ยังมีระบบSOS Emergency Call ที่สามารถโทรขอความช่วยเหลือโดยอัตโนมัติเมื่อถุงลมทำงาน และฟังก์ชัน ProPILOT Emergency Assist ที่ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและหยุดอย่างปลอดภัย หากผู้ขับไม่มีการตอบสนอง

“LEAF AUTECH” รุ่นพิเศษหรู สปอร์ต เอกลักษณ์จากทะเลโชนัน

พร้อมกันนี้ บริษัท Nissan Motorsports & Customize (NMC) ได้เปิดตัวรุ่นแต่งพิเศษ “LEAF AUTECH” ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของรุ่นพิเศษนี้

Advertisement Advertisement

คอนเซ็ปต์ “Premium Sporty – หรูหราในสไตล์สปอร์ต”

ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ทะเลและท้องฟ้าแห่งโชนัน–ชิกาซากิ” บ้านเกิดของแบรนด์ AUTECH ใช้สีเอกลักษณ์ “Deep Ocean Blue”

การตกแต่งภายนอก

  • ชุดแต่งรอบคันสี Metal Finish (กันชนหน้า–ข้าง–หลัง)

  • ไฟหน้า Signature LED ลายคลื่นน้ำ “航跡波”

  • กระจังหน้าแบบ Dot Pattern สื่อถึงประกายแสงบนผิวน้ำ

  • ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วลายเฉพาะ AUTECH เคลือบโทนเทาเมทัลลิกเข้ม

  • กระจกมองข้างพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวแบบ Metal Finish

ห้องโดยสารสุดพรีเมียม

  • เบาะหนัง “TailorFit” เดินด้ายฟ้าพร้อมโลโก้ AUTECH

  • พวงมาลัยและแผงคอนโซลเดินด้ายฟ้า–ขอบฟ้า

  • โทนสีภายในดำหรู (Black Premium Interior)

  • ชุด Cold Region Package สำหรับภูมิอากาศหนาว: เบาะหลังอุ่น, ฮีตเตอร์แบตเตอรี่, ระบบละลายน้ำแข็งที่ปัดน้ำฝน, ไฟตัดหมอกหลัง

สีตัวถังเฉพาะรุ่น

  1. Deep Ocean Blue / Super Black (เฉพาะรุ่น AUTECH)

  2. Prism White / Super Black

  3. Prism White

  4. Midnight Black

  5. Dark Metal Gray

ราคา Nissan LEAF “AUTECH”

รุ่น AUTECH (B7 G, 78kWh) ราคา ¥6,513,100 1,367,700 บาทไทย

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้