
นิสสัน มาร์ช รุ่นที่ 4 ใช้รหัสการพัฒนาว่า W02A ภายหลังใช้รหัสตัวถัง K13 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยปี 2553 โดยใช้ชื่อในการโฆษณาว่า “นิสสัน อีโคคาร์” (Nissan Ecocar) ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ 1,200 ซีซี 3 สูบ ซึ่งสามารถประหยัดน้ำมันได้ไม่แพ้รุ่นก่อนๆ โดยนิสสัน มาร์ช รุ่นใหม่นี้ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้อกำหนดรถประหยัดพลังงานสากล (อีโคคาร์) ซึ่งมีข้อกำหนดดังนี้
รถที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอีโคคาร์ ในประเทศไทย จะได้รับผลประโยชน์ในการลดภาษีสรรพสามิตเหลือร้อยละ 17 (รถเก๋งที่ไม่ผ่านเกณฑ์อีโคคาร์ ต้องจ่ายภาษีร้อยละ 30-50) และในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556 นิสสัน มาร์ช ก็ได้มีการไมเนอร์เชนจ์ขึ้น โดยปรับโฉมให้ดูสปอร์ตขึ้น โดนเปลี่ยนรูปแบบกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ ไฟท้ายแบบ LED
จะเห็นว่าแม้โฉมจะถูกดึงใช้มานานตั้งแต่ปี 2010 แต่ March ก็ยังมีการอัพเดทรายละเอียดของอุปกรณ์ของตัวรถอย่างต่อเนื่องให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมกับราคาเริ่มต้นที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดปีนี้ก็มีการเปิดตัวรุ่นปรับปรุงอีกครั้ง เพิ่มความสดใสกับทางเลือกของสีตัวถังใหม่และราคาเริ่มต้นที่ถูกลงจับต้องได้ง่ายขึ้นออกมาให้เลือก
โดยราคาขายของ Nissan March 2018 ในแต่ละรุ่นย่อย มีให้เลือกดังต่อไปนี้ โดยล้อที่ให้มาจะเป็นล้อเหล็กทุกรุ่นย่อยขนาด 14 นิ้วรัดด้วยยางขนาด 165/70/14
ความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องตัวเลขราคาที่ปรับขึ้น ไปจนถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของอ๊อพชั่นการใช้งาน Nissan March ตอนนี้ปี 2018 จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูรีวิวโดยละเอียดทั้งภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ และระบบความปลอดภัยกันได้เลย
นอกจาก Nissan March ที่จะยุติการผลิตแล้ว Nissan Note ก็เตรียมจะยุติการผลิตด้วยเช่นกัน ภายในปี 2022 นี้ โดยทั้งคู่ต่างใช้เครื่องยนต์เดียวกันคือ รหัส HR12DE เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร 1,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.2 : 1 พละกำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และ เกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 และ Nissan March รหัส K13 คันสุดท้ายจากโรงงานนิสสันในประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2565