นิสสัน ประกาศแผนฟื้นฟู “Re:Nissan” ปิด 7 โรงงาน ลดพนักงาน 20,000 คัน อาจรวมถึงไทยด้วย

เสริมความร่วมมือผ่านพันธมิตร (Complement Through Partnerships)
Renault Group
-
เสริมสร้างความร่วมมือในยุโรป, อินเดีย และละตินอเมริกา
-
ความร่วมมือด้านรถเพื่อการพาณิชย์ (LCV) ในหลายตลาด
Honda – Nissan – Mitsubishi Motors
-
ร่วมกันสำรวจด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
Mitsubishi Motors
-
ร่วมมือด้านรถกระบะและการแชร์แบตเตอรี่ EV
รายภูมิภาค:
ยุโรป (ร่วมกับ Renault)
- ผลิตรถ OEM: Micra EV ปี 2025
- ผลิตรถ OEM: A-segment EV ปี 2026
จีน (ร่วมกับ Dongfeng Nissan)
- พัฒนาและผลิตในประเทศ
- ส่งออกรุ่น Navara (N7) และ Frontier Pro
- เพิ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs)
ญี่ปุ่น (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)
-
รถ Kei car (เครื่องยนต์สันดาป/EV): ร่วมพัฒนาและผลิต
สหรัฐอเมริกา (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)
- ผลิตรถ OEM-in: Rogue PHEV ปี 2025
- ผลิตรถ OEM-out: รุ่นที่พัฒนาจาก LEAF ปี 2026
- SUV ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ: ร่วมสำรวจการลงทุนและการผลิต
- สำรวจความร่วมมือทางธุรกิจในสหรัฐฯ เพื่อปรับตัวตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลง
อินเดีย (ร่วมกับ Renault)
- ร่วมพัฒนาและผลิต
- ผลิตรถ OEM-in: B-MPV ปี 2026
- ผลิตรถ C-SUV ปี 2026/2027
อาเซียน / โอเชียเนีย (ร่วมกับ Mitsubishi Motors)
- ผลิตรถ OEM-out (ฟิลิปปินส์): รถตู้ ปี 2025
- ผลิตรถ OEM-in (ออสเตรเลีย): รถกระบะ ปี 2025
- สำรวจรถ OEM-out เพื่อทำตลาด EV
สรุปแผนฟื้นฟู “Re:Nissan” ของ Nissan Motor Co., Ltd.
- เหตุผล: ขาดทุนหนักสุดในประวัติศาสตร์ ต้องการเพิ่มความคล่องตัว ปรับตัวให้ทันตลาด
- เป้าหมาย: กลับมาทำกำไรภายในปีงบประมาณ 2026
- ลดต้นทุนผันแปรและคงที่รวมกัน 500,000 ล้านเยน
- ปิด/ควบรวมโรงงานจาก 17 เหลือ 10 แห่ง (ภายในปี 2027)
- ยกเลิกแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ LFP ที่คิวชู
- ลดพนักงานรวม 20,000 คน ภายในปี 2027
- ลดจำนวนแพลตฟอร์มจาก 13 เหลือ 7 (ภายในปี 2035)
- ลดเวลาพัฒนารถใหม่เหลือ 30 เดือนในอนาคต
- ญี่ปุ่น: เน้น Hybrid และรีแบรนด์ INFINITI
- จีน: มุ่งเน้นรถพลังงานใหม่ (NEVs) และส่งออก
- ยุโรป: ขยายไลน์รถยนต์ร่วมกับ Renault และพันธมิตรจีน
- เดินหน้าความร่วมมือกับ Renault, Mitsubishi, Honda
- ใช้เทคโนโลยีร่วมพัฒนาและเปิดตัวรถใหม่ในแต่ละภูมิภาค
YOKOHAMA, Japan – Nissan ประกาศแผนฟื้นฟูกิจการครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ “Re:Nissan”
Nissan Motor Co., Ltd. เปิดเผยแผนการฟื้นฟูกิจการ “Re:Nissan” ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับ ยืดหยุ่น และสามารถปรับตัวได้รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด โดยมีการประเมินเป้าหมายใหม่ภายใต้ทีมผู้บริหารชุดใหม่ พร้อมตรวจสอบโครงการสำคัญทั่วทั้งบริษัทอย่างรอบคอบ
Ivan Espinosa ประธานและซีอีโอคนใหม่ของ Nissan กล่าวว่า:
“จากผลประกอบการที่ท้าทายในปีงบประมาณ 2024 และต้นทุนผันแปรที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน Nissan จำเป็นต้องเร่งพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง โดยตั้งเป้ากลับสู่การทำกำไรอย่างยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2026 โดยไม่ต้องพึ่งยอดขายจำนวนมาก”
เป้าหมายหลักของแผน Re:Nissan
1. การลดต้นทุนรวม 500 พันล้านเยน ประมาณ 110,000 ล้านบาทภายในปี 2026
-
ต้นทุนผันแปร (Variable Cost): ลดลง 250 พันล้านเยน
- ตั้งสำนักงาน “Transformation Office” โดยมีผู้เชี่ยวชาญ 300 คน ภายใต้ Chief TdC Officer
- พักการพัฒนาโปรเจกต์ระยะยาว (หลังปี FY26) ชั่วคราว เพื่อระดมทีม 3,000 คนมาทำแผนลดต้นทุน
- ปรับซัพพลายเชนใหม่ โดยลดจำนวนซัพพลายเออร์แต่เพิ่มปริมาณให้แต่ละราย เพื่อกำจัดความซ้ำซ้อน
-
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost): ลดลง 250 พันล้านเยน
- ปรับโครงสร้างโรงงานผลิตรถยนต์จาก 17 แห่ง เหลือ 10 แห่ง ภายในปี 2027
- ยกเลิกการสร้างโรงงานแบตเตอรี่ LFP ที่เกาะคิวชู
- ลดการลงทุนในทุน (CapEx) และปรับรอบการทำงาน
- ลดพนักงาน 20,000 คนทั่วโลก (รวมที่เคยประกาศแล้ว 9,000 คน) ครอบคลุมสายงานผลิต การตลาด และ R&D
2. การยกเครื่องการพัฒนา (Development)
- ลดความซับซ้อนของชิ้นส่วนลง 70%
- ลดจำนวนแพลตฟอร์มจาก 13 เหลือ 7 ภายในปี 2035
-
ย่นระยะเวลาพัฒนา:
- รถรุ่นแรก: 37 เดือน
- รถร่วมแพลตฟอร์ม: 30 เดือน
-
โมเดลใหม่ที่อยู่ในแผน:
- Nissan Skyline รุ่นใหม่
- Global C-SUV รุ่นใหม่
- INFINITI SUV ขนาดคอมแพ็คใหม่
3. กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์และตลาด (Product & Market Strategy)
- ปรับกลยุทธ์ให้เน้นลูกค้าแต่ละภูมิภาค
- เน้นโมเดลหลักที่สร้างภาพลักษณ์และยอดขาย
ตลาดเป้าหมายหลัก:
-
- สหรัฐฯ: ขยายรถไฮบริด และฟื้นแบรนด์ INFINITI
- ญี่ปุ่น: เพิ่มไลน์อัพรุ่นรถให้ครอบคลุม
- จีน: เน้นรถพลังงานใหม่ (NEVs) และส่งออกรถจากจีน
- ยุโรป: เน้น B และ C-SUV
- ตะวันออกกลาง: เน้น SUV ขนาดใหญ่และพิจารณารุ่นจากจีน
- เม็กซิโก: เป็นศูนย์กลางการส่งออกหลัก
4. เสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ (Partnerships)
- ร่วมมือกับ Renault และ Mitsubishi ทำ BEV รุ่นใหม่ (พื้นฐานจาก LEAF) สำหรับตลาดอเมริกาเหนือ
- เดินหน้าความร่วมมือกับ Honda ในด้านระบบอัจฉริยะและเทคโนโลยีไฟฟ้า
สรุป
“Re:Nissan” เป็นแผนฟื้นฟูที่เน้นการลงมือทำจริงด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและกำหนดเวลาแน่นอน แม้แผนจะดูทะเยอทะยาน แต่ก็วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ การกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งภายในปีงบประมาณ 2026