เตรียมเปิดตัว SUZUKI Vision e-Sky ไฟฟ้าใหม่ ในญี่ปุ่น วิ่งได้ 270 กม./ชาร์จ WLTC

เตรียมเปิดตัว SUZUKI Vision e-Sky ไฟฟ้าใหม่ ในญี่ปุ่น วิ่งได้ 270 กม./ชาร์จ WLTC
Spread the love
Advertisement Advertisement

Advertisement Advertisement

 

SUZUKI เตรียมจัดแสดง SUZUKI Vision e-Sky รถยนต์ BEV ขนาดเล็กที่ “ลงตัว” เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่งาน Japan Mobility Show 2025 (จัดโดย Japan Automobile Manufacturers Association, Inc.) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Tokyo Big Sight ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมถึง 9 พฤศจิกายน 2025

Suzuki Vision e-Sky “จากฟ้าแห่งแรงบันดาลใจ สู่รถไฟฟ้าที่เรียบง่ายแต่ฉลาดสุดใจ”

ในโลกที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นกระแสหลัก หลายค่ายเร่งสร้างรถที่แรงขึ้น ใหญ่ขึ้น หรูขึ้น แต่ Suzuki กลับเลือกเดินทางตรงข้าม — พวกเขามองขึ้นไปบนฟ้า แล้วตั้งชื่อโปรเจกต์ว่า “Vision e-Sky” ชื่อ “e-Sky” มีความหมายลึกกว่าที่เห็น มันคือ “ฟ้าแห่งพลังใหม่” (Sky of energy) สื่อถึงอิสรภาพ ความเบา และความเรียบง่ายที่คนควรได้รับจากเทคโนโลยีไฟฟ้า ไม่ใช่ถูกครอบงำด้วยมัน

Suzuki บอกว่า…

“รถไฟฟ้าที่ดีไม่จำเป็นต้องเร็วที่สุด หรือหรูที่สุด แค่ต้องใช้งานได้จริงทุกวัน และทำให้ชีวิตคนดีขึ้น — เท่านั้นเอง”

จุดกำเนิด: จาก Keicar ที่เปลี่ยนชีวิตคนญี่ปุ่น

หากจะพูดถึงประเทศที่ “รถเล็ก” มีบทบาทมากที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น เพราะกว่า 35% ของรถที่วิ่งบนถนนญี่ปุ่นคือ “Kei Car (軽自動車)” รถไซซ์จิ๋วที่มีข้อจำกัดด้านขนาด (ยาวไม่เกิน 3.4 เมตร กว้างไม่เกิน 1.48 เมตร) แต่ภาษีต่ำ ประหยัดน้ำมัน และจอดง่ายในเมืองใหญ่

Suzuki คือหนึ่งในเจ้าพ่อแห่งวงการนี้ ตั้งแต่ยุค Suzuki Alto และ Wagon R ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเรียบง่ายและคุ้มค่า ดังนั้น เมื่อโลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุค EV Suzuki จึงถามตัวเองว่า — “แล้ว Keicar ไฟฟ้าที่แท้จริง ควรจะหน้าตาเป็นยังไง?” คำตอบคือ Vision e-Sky

แนวคิด “Just Right EV” — พอดีในทุกมิติ

ในโลกที่รถ EV แข่งกันทำระยะทาง 600–1,000 กม. Suzuki กลับมองว่า “คุณไม่ได้ขับไกลขนาดนั้นทุกวันหรอก”

Vision e-Sky จึงถูกออกแบบให้ “พอดี” ในทุกแง่มุม

  • ขนาดพอดี: 3,395 × 1,475 × 1,625 มม.

  • ระยะทางพอดี: วิ่งได้ มากกว่า 270 กม. ต่อการชาร์จเต็ม

  • ราคาที่พอดี: คาดว่าจะอยู่ราว 1.5 ล้านเยน (≈ 360,000–400,000 บาท)

  • ใช้ชีวิตพอดี: รองรับ V2H (Vehicle-to-Home) จ่ายไฟกลับบ้านได้

คือแนวคิด “EV for Everyday” รถไฟฟ้าที่ไม่ได้เกิดมาเพื่ออวดเทคโนโลยี แต่เกิดมาเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้นจริง ๆ

เทคโนโลยี “Smart Inside” — ฉลาดจากภายใน ไม่ใช่จากจอ

Suzuki รู้ดีว่าผู้ใช้ Keicar ส่วนใหญ่เป็นคนทั่วไป — ผู้สูงอายุ แม่บ้าน หรือคนวัยทำงานที่ไม่อยากวุ่นวายกับระบบซับซ้อน Vision e-Sky จึงใช้แนวคิด “Smart Inside”=“ฉลาดอย่างพอดี ไม่ต้องโชว์ออฟ”

ห้องโดยสารตกแต่งเรียบง่าย ใช้วัสดุรีไซเคิลแต่ให้สัมผัสอุ่น มีหน้าจอกลางแบบลอยขนาดใหญ่ แสดงข้อมูลจำเป็นเท่านั้น ไม่มีปุ่มซับซ้อนเกินจำเป็น เพราะ Suzuki เชื่อว่าความสบายเริ่มต้นจาก “ความเข้าใจง่าย” และด้วยระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ Suzuki Connect รุ่นใหม่ ผู้ขับสามารถตรวจสอบสถานะการชาร์จไฟ, เช็กระยะทาง, หรือสั่งเปิดแอร์ล่วงหน้าผ่านมือถือได้อย่างสะดวก

แบตเตอรี่เล็กแต่เก่ง พอเพียงในแบบญี่ปุ่น

Suzuki ไม่ได้เผยขนาดแบตเตอรี่ที่แน่ชัด แต่จากสเปกการวิ่ง 270 กม. คาดว่าแบตอยู่ราว 25–30 kWh พอเหมาะกับรถน้ำหนักเบาประมาณ 900–1,000 กก.ตัวรถออกแบบให้ใช้ระบบมอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า เพื่อเน้นความประหยัดพลังงานและลดต้นทุนในการดูแล

จุดเด่นคือระบบชาร์จเร็ว DC + AC (Type 1/Type 2) ชาร์จเร็วจาก 20–80% ได้ภายในราว 30 นาที และชาร์จปกติบ้านทั่วไปได้เต็มข้ามคืนใน 6–8 ชม.

V2H — รถที่เป็นแหล่งพลังงานในยามจำเป็น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภัยธรรมชาติบ่อย Suzuki จึงออกแบบ Vision e-Sky ให้รองรับเทคโนโลยี V2H (Vehicle to Home)
สามารถจ่ายไฟจากรถกลับเข้าสู่บ้านได้ ในสถานการณ์ไฟดับ รถสามารถให้พลังงานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ทั้งวัน เช่น

  • ตู้เย็น 1 เครื่อง

  • ทีวี 1 เครื่อง

  • พัดลม 2 ตัว

  • หลอดไฟ LED 6 ดวง

นี่คือแนวคิด “Small Car, Big Heart” — รถเล็กแต่ช่วยชีวิตคนได้จริงในยามวิกฤต

ดีไซน์ “Unique, Smart, Positive” — ความอบอุ่นแห่งยุคใหม่

Suzuki พยายามทำให้ Vision e-Sky ดู “มีชีวิต” มากกว่าดูเป็นหุ่นยนต์ จึงใช้แนวทางการออกแบบ 3 คำหลัก

  • Unique – มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ลอกใคร

  • Smart – ใช้เส้นสายและวัสดุอย่างชาญฉลาด

  • Positive – ถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่น สดใส มองแล้วอยากขับ

สีตัวถังโทนพาสเทล เช่น ฟ้าอ่อน, เหลืองครีม, เขียวมิ้นต์ พร้อมล้อดีไซน์เรียบคล้ายพัดลมลมธรรมชาติ ให้ความรู้สึก “สบายตาแต่ทันสมัย”

เส้นทางสู่การผลิตจริง 2026–2027

Suzuki ยืนยันแล้วว่ารถรุ่นนี้จะถูกผลิตจริงในญี่ปุ่น ภายในปีงบประมาณ 2026/27 โดยจะใช้แพลตฟอร์ม BEV ที่พัฒนาร่วมกับ Toyota และ Daihatsu เพื่อแบ่งต้นทุนและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันในกลุ่มรถเล็ก สายการผลิตจะอยู่ที่โรงงาน Kosai Plant ซึ่งเป็นฐานผลิตหลักของ Suzuki Alto และ Wagon R ปัจจุบัน

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้