Advertisement

Advertisement

GWM ประเทศไทย ยืนยันเปิดตัว TANK 500 TANK 300 และ ORA Grand Cat ภายในปี 2566

GWM ประเทศไทย ยืนยันเปิดตัว TANK 500 TANK 300 และ ORA Grand Cat ภายในปี 2566

Advertisement

Advertisement

  เกรท วอลล์ มอเตอร์ ฉลองครบรอบ 2 ปีในไทย เตรียมนำ TANK 500 TANK 300 และ ORA Grand Cat รุกตลาดปี 2566 พร้อมเปิดจอง ORA Good Cat อีกครั้งตอกย้ำความเป็น xEV Leader ในไทย

กรุงเทพฯ – 9 กุมภาพันธ์ 2566 – เกรท วอลล์ มอเตอร์ ฉลองครบรอบ 2 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เผยความสำเร็จของการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและสังคมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยยอดขายปี 2565 รวมทั้งสิ้น 11,616 คัน ประกาศเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (xEV Leader) ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 4 ด้าน ทั้งแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ การขาย และการบริการหลังการขาย พร้อมนำทัพรถยนต์ไฟฟ้าอีก 5 รุ่นเปิดตัวสู่ตลาดไทยในปีนี้ นำทัพโดย TANK 500 TANK 300 และ ORA Grand Cat เสริมทัพด้วยการเปิดรับจองเจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ขวัญใจมหาชน ORA Good Cat ที่จะกลับมาให้แฟนๆ ชาวไทยได้จับจองเป็นเจ้าของอีกครั้ง สะท้อนจุดยืนของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภคชาวไทย ผ่านเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่จะตอบโจทย์ทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายอย่างครบครัน

มร. ไมเคิล ฉง ผู้จัดการทั่วไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลอดสองปีมานี้ มีสมาชิกชาวไทยมากกว่า 15,000 ครอบครัว ที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เกรท วอลล์ มอเตอร์ จากการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่น ปัจจุบันเรามีกลุ่มในโซเชียลมีเดียถึง 16 กลุ่ม

โดยมีผู้ใช้งานรวมกันกว่า 530,000 คน และ GWM Application ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 126,825 ราย รวมถึงมีจำนวนผู้ติดตามข่าวสารบนโซเชียลมีเดียรวมมากกว่า 1.1 ล้านคนในทุกช่องทาง รวมถึงมีช่องทางจำหน่ายและให้บริการที่ขยายครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ รวมกว่า 80 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และครอบคลุมถึง 82 เปอร์เซ็นต์ในต่างจังหวัด ในปีนี้

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า เราได้เปิดตัวกลยุทธ์ ‘ONE GWM’ เพื่อเร่งสร้างแบรนด์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ สู่ระดับสากลในทุกมิติ ผ่านการดำเนินงานด้านการตลาด การสื่อสาร และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในตลาดโลก เพื่อสะท้อนความเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลกอย่างแท้จริง

และในปี 2566 นี้ เรายังคงเดินหน้าขยายการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ 5+3 เพื่อรุกตลาดในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ เข้าไปดำเนินงานอย่างเป็นทางการใน 5 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า บรูไน และมาเลเซีย เรามีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ในอีก 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยและโรงงานที่จังหวัดระยองเป็นศูนย์กลางของยานยนต์ไฟฟ้าและฐานการผลิตเพื่อส่งออกอย่างเต็มรูปแบบ”

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ปี 2565 ที่ผ่านมา นับเป็นปีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง เรามีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการปลุกกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การันตีด้วยการส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้บริโภคชาวไทยไปแล้วถึง 15,318 คันตลอดสองปีที่ผ่านมา

สำหรับปี 2565 เกรท วอลล์ มอเตอร์ ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ HAVAL H6 Hybrid SUV, All New HAVAL H6 Plug-in Hybrid SUV, HAVAL JOLION Hybrid SUV, ORA Good Cat และ ORA Good Cat GT รวมทั้งสิ้น 11,616 คัน เติบโตขึ้นจากยอดขายปี 2564 ถึง 214 เปอร์เซ็นต์ และบริษัทฯ คาดว่าในปี 2566 ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 920,000 คัน เติบโตขึ้นประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ xEV จะโตขึ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ หรืออยู่ที่ประมาณ 164,500 คัน โดย 25 เปอร์เซ็นต์ หรือ 40,000 คัน จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเติบโตเกือบ 150 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา”

เพื่อตอบรับกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตอย่างมาก ในปี 2566 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุก 4 ด้าน ได้แก่

  • กลยุทธ์ด้านแบรนด์: เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะยังคงสานต่อการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางสำหรับการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในหลากหลายรูปแบบ และในปีนี้จะเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ผ่านการสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ระดับโลก การสื่อสารความเป็นผู้นำของเทคโนโลยีอัจฉริยะ การสร้างไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร และการเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ผ่านการจัดตั้ง GWM Owner’s Club และ User Committee เพื่อเป็นตัวแทนผู้ใช้รถ สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้งานอย่างแท้จริง เพื่อสร้างชุมชนผู้ใช้งานที่แข็งแกร่ง ต่อยอดการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
  • กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์: สำหรับในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขนทัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเปิดตัวในประเทศไทยอีกทั้งหมด 5 รุ่น และเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์พรีเมียมระดับเรือธงกับ TANK โดยผลิตภัณฑ์หลัก 3 รุ่น ในปีนี้คือ
  • TANK 500 รถยนต์เอสยูวีออฟโรดขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม ดีไซน์หรูหรา สมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง มาพร้อมเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดอัจฉริยะ ที่จะยกระดับการขับขี่และภาพลักษณ์อันหรูหราเหนือระดับ
  • TANK 300 รถยนต์เอสยูวีออฟโรดสำหรับไลฟ์สไตล์อันโดดเด่น มาพร้อมดีไซน์สุดแกร่ง พร้อมสนุกในทุกการขับขี่ มอบประสบการณ์ผจญภัยให้มีสีสันในทุกวัน
  • ORA Grand Cat รถไฟฟ้าสปอร์ตคูเป้สมรรถนะสูง มอบประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ต ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ยกระดับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยไปอีกขั้น

และจะมีรถยนต์อีก 2 รุ่นที่รอเปิดตัวภายในปี 2566 ซึ่งทั้งหมดจะเข้ามาเติมเต็มทัพรถยนต์ไฟฟ้าของเกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวไปอีกขั้น

  • กลยุทธ์ด้านการขาย: เพื่อส่งมอบการบริการที่ครอบคลุมและสอดรับกับความหลากหลายของตลาดได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้น ในปี 2566 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะขยายศักยภาพของงานขายใน 4 กลุ่มหลัก ประกอบไปด้วย
  • ช่องทางการจัดจำหน่าย: ปัจจุบันมี GWM Store ทั้งที่เป็น Direct Store และ Partner Store ที่ได้รับการแต่งตั้งไปแล้วทั้งหมด 80 แห่ง โดยเปิดดำเนินการไปแล้ว 62 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 18 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ของประเทศ และในปีนี้เราตั้งเป้าจะเปิด GWM Store อีกอย่างน้อย 20 แห่ง รวมเป็น 100 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • สถานีชาร์จประจุไฟฟ้า: เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการขยายสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าสามรูปแบบได้แก่ G-Charge super charging station, G-Charge at Partner Store และ Destination charge ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ โดยในปี 2566 ตั้งเป้าจะเปิดให้บริการสถานีชาร์จให้ครบ 55 แห่ง ทั้งนี้จะมีสถานีชาร์จที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการจำนวน 8 แห่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยสถานีชาร์จของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเป็นแบบชาร์จเร็ว (DC Charge) กำลังไฟฟ้าสูงถึง 120 กิโลวัตต์ ให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกวันครอบคลุมทั้งในกรุงเทพและจังหวัดสำคัญต่างๆ และพร้อมให้บริการแก่รถยนต์ไฟฟ้าทุกยี่ห้อและทุกรุ่น
  • ด้านธุรกิจฟลีท: เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เริ่มต้นธุรกิจฟลีทในปี 2565 ซึ่งทำยอดขายได้กว่า 200 คัน รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากบริษัทรถเช่าชั้นนำจัดซื้อรถเพื่อนำไปปล่อยเช่าทั้งในรูปแบบบุคคลทั่วไป (B2C) และขยายสู่การจำหน่ายรถให้กับองค์กรและกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้รถยนต์จำนวนมาก (B2B) ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ วางแผนขยายฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมบริษัทรถเช่าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็ก หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ และสนับสนุนกลุ่มอาชีพพิเศษ อาทิ ผู้พิพากษา ตำรวจ ทหารและข้าราชการ พร้อมจับมือพันธมิตรสร้างบัตรชาร์จไฟฟ้าเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าองค์กร และเดินหน้าขยายสถานีชาร์จเพื่อสร้างความมั่นใจให้กลุ่มลูกค้ารถเช่าระยะสั้น
  • ด้านธุรกิจ Used Car: ในปี 2566 เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเปิดดำเนินการธุรกิจรถใช้แล้ว โดยให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร รองรับลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนรถและลูกค้าที่มองหารถยนต์ใช้แล้วที่มีคุณภาพของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ รวมทั้งมีบริการประเมินราคารถใช้แล้วง่ายๆ ผ่านทางเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH โดยมาตรฐานรถใช้แล้วของ GWM Certified Pre-Owned ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ การตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐาน 219 จุด อายุรถไม่เกิน 5 ปี เลขไมล์ไม่เกิน 150,000 กิโลเมตร ไม่มีประวัติน้ำท่วม ไฟไหม้ และไม่มีประวัติชนหนัก ซึ่งมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ
  • ขยายระยะเวลารับประกันตัวรถและระยะเวลาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงเพิ่มอีก 2 ปี
  • ขยายแพ็คเกจบำรุงรักษา GPSI เพิ่มอีก 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร
  • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปีเต็ม
  • จัดไฟแนนซ์อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
  • ฟรี บริการส่งรถถึงบ้าน
  • การันตีคุณภาพ คืนเงินได้ภายใน 7 วันหรือไม่เกิน 500 กิโลเมตร หากพบว่ารถมีปัญหาคุณภาพหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
  • กลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขาย: ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตั้งเป้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า 3 ด้าน
  • “Worry Free” ขับขี่อย่างไร้กังวลกับการรับประกันคุณภาพรถใหม่ที่เป็น Best-in-class ถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร การรับประกันแบตเตอรี่ ฟรี 8 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับแบตเตอรี่ Hybrid และ ฟรี 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร สำหรับแบตเตอรี่ EV พร้อมแพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะทางและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistant) ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่มาพร้อมกับรถใหม่ทุกคัน นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้จัดตั้ง EV Battery Rapid Team หรือหน่วยงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่กรณีรถเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้บริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้จัดตั้ง GWM BATTERY HOTLINE CALL CENTER สายด่วนเพื่อรับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่และการเคลมโดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โทร 02-668-8888 กด 4
  • “Convenience” อำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเมื่อต้องการใช้บริการด้านต่างๆ หลังการขาย อาทิ บริการรับ-ส่งรถยนต์ในกรณีที่ลูกค้าไม่สะดวกเดินทางมาที่ศูนย์บริการ บริการ Mobile Service ตรวจเช็คระยะตามตารางบำรุงรักษาจากนอกสถานที่ ซึ่งสามารถดำเนินการนัดหมายบน GWM Application ให้บริการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย พร้อมช่างผู้ชำนาญการเสมือนรับบริการที่ศูนย์บริการ
  • “Digital Service Experience” ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าไปอีกขั้นด้วย GWM Smart Service ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย Smart Vehicle, Smart Application, Smart System และ Smart Device เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการนัดหมายจองนัดเข้ารับบริการผ่านทาง GWM Application เมื่อลูกค้าเข้ารับบริการ ระบบ License plate recognition system จะจดจำป้ายทะเบียนรถเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับระบบ GWM Dealer management system ทำให้ศูนย์บริการทำความรู้จักกับลูกค้าได้ตั้งแต่ก่อนพบหน้า และทีม Service advisor จะทราบข้อมูลคำขอเข้ารับบริการของท่านในทันที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการให้ข้อมูลอีกเพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการให้บริการ ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังสามารถติดตามสถานะการซ่อมผ่าน Vehicle status board ได้ตลอดเวลาผ่านกล้อง CCTV อีกด้วย และสุดท้ายลูกค้าสามารถดูสถานะการให้บริการ อนุมัติงานซ่อม ชำระเงิน ตรวจสอบประวัติการรับบริการ และข้อมูลการใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าน GWM Application ซึ่งแสดงถึงความโปร่งใส จริงใจ ฉับไวในการให้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

ด้านความพร้อมการบริหารอะไหล่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 75 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้ครอบคลุมกับจำนวนรถอย่างน้อย 9 รุ่นภายในปี 2566 และเสริมความพร้อมให้กับ Partner Store ด้วยการเพิ่มรอบจัดส่งอะไหล่ด่วนพิเศษในเขตกรุงเทพและปริมณฑลภายใน 3 ชั่วโมงและส่งอะไหล่ให้ศูนย์บริการทั่วประเทศได้ภายใน 1 วันทำการถัดไป

รวมถึงเพิ่มปริมาณการจัดเก็บอะไหล่ขึ้นอีกถึง 3,000 รายการ นอกจากนี้ เพื่อย่นระยะเวลาการซ่อมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เราได้ลดการนำเข้าอะไหล่จากต่างประเทศและจัดซื้อชิ้นส่วนจากในประเทศแทน เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจได้มากขึ้นกับระบบการบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ

ปิดท้ายด้วยเซอร์ไพรส์แฟนๆ ชาวไทยชุดใหญ่กับการเปิดจอง ORA Good Cat เจ้าเหมียวไฟฟ้า 100% ขวัญใจมหาชนตลอดกาลอีกครั้ง กลับมาครั้งนี้ เจ้าเหมียวไฟฟ้าเปิดให้จองทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ ORA Good Cat 400 PRO ราคา 828,500 บาท และ ORA Good Cat 500 ULTRA ราคา 959,000 บาท (ราคาหลังหักส่วนลดตามนโยบายสนับสนุนรถไฟฟ้าตามมาตรการรัฐและภาษีสรรพสามิต)

นอกจากนี้ ผู้สั่งจองจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายภายใต้แคมเปญ PREMIERE DEAL อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษ ฟรี GWM โฮมชาร์จเจอร์พร้อมติดตั้ง ฟรีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 รวมไปถึงค่าอะไหล่และค่าแรงบำรุงรักษาตามระยะทาง 5 ปี หรือ 75,000 กิโลเมตร บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี การรับประกันคุณภาพรถใหม่ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่ EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร

พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ได้สำรองสิทธิการสั่งจองล่วงหน้าของ ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA ไว้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 จนถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. จะได้รับสิทธิในการสั่งจองและชำระเงินมัดจำเจ้าเหมียวไฟฟ้าก่อนใครตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 20.00 น. ถึงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เวลา 19.59 น. (48 ชั่วโมง หลังจากการเปิดรับจอง) ทาง GWM Application 

และลูกค้าทั่วไปสามารถสั่งจองและชำระเงินมัดจำจำนวน 10,000 บาทได้ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป สามารถจองได้ทาง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH (โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากช่องทางดังกล่าว)

ORA Grand Cat

          วันที่ 31 ตุลาคม 2022 ORA Lightning Cat ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ 4 รุ่น ในประเทศจีน เริ่มต้นที่ 189,800 – 269,800 หยวน หรือประมาณ 989,000 – 1,400,000 บาท สามารถวิ่งได้ 555 – 705 กม./ชาร์จ CLTC มอเตอร์เดี่ยว ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลัง 201 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ Battery Lithium iron Phosphate สามารถวิ่งได้ 705 กม./ชาร์จ CLTC ระบบขับเคลื่อนสองล้อ

  • อัตราการชาร์จ DC 30-80 % ภายใน 30 นาที

มอเตอร์ไฟฟ้าคู๋ ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลัง 402 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.3 วินาที แบตเตอรี่ Ternary lithium สามารถวิ่งได้ 600 กม./ชาร์จ CLTC ระบบขับเคลื่้อนสี่ล้อ

  • อัตราการชาร์จ DC 30-80 % ภายใน 30 นาที

ORA Lightning Cat “แมวสายฟ้า” มีการออกแบบคล้ายๆ Good Cat ในสไตล์คูเป้ พร้อมดีไซน์โค้งมน ไฟหน้าทรงรีทั้งสองข้าง แน่นอนว่ามันมาในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าคูเป้ ด้านข้าง ยิ่งบ่งบอกความเป็นคูเป้สี่ประตูอย่างชัดเจน มือจับประตูแบบซ่อน บังโคลนในตัว ล้ออัลลอยออกแบบซับซ้อนให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวขนาด 19 นิ้ว ยาง Michelin PS EV 235/45 R19 คาลิปเปอร์สีแดง สปอยเลอร์หลังแบบปรับไฟฟ้า

  • มือจับประตูแบบซ่อนอัจฉริยะ
  • ไฟหน้าอัตโนมัติ
  • กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า + ทำความร้อนและไล่ฝ้า + พับอัตโนมัติหลังล็อครถ
  • ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติแบบตรวจจับปริมาณน้ำฝน
  • ประตูไร้กรอบ
  • ค่าสัมประสิทธิ์ความต้านทานลม 0.22Cd

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4871 มม.
  • กว้าง 1862 มม.
  • สูง 1500 มม.
  • ฐานล้อ 2870 มม.

ภายในห้องโดยสารจุได้ 5 ที่นั่ง ออกแบบสะอาดมากขึ้นด้วยโทนขาว-ดำ เบาะหนังพรีเมี่ยม ไฟบรรยากาศจังหวะหลากสี หน้าปัดแบบ LCD 3 บาร์เรลแบบเต็ม 10.25 นิ้ว พวงมาลัยแบบสามก้าน พวงมาลัยปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง หน้าจอสัมผัสส่วนกลางแบบลอย 12.3 นิ้ว ระบบตอบโต้เสียงอัจฉริยะ  หน้าจอแสดงผลข้อมูลบนกระจก W-HUD head-up display ปุ่มควบคุมคอนโซลกลาง 3 ปุ่ม

  • ลำโพงไฮไฟ HARMAN Infinity Immersive Sound System 11 ตำแหน่ง
  • เบาะนั่งคนขับหลัก ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งคนขับแบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • เบาะหลังพับแบบ 40 : 60
  • เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ
  • รองรับการอัปเกรด OTA
  • อินเทอร์เฟซ USB – 2 ในแถวหน้า / 2 ในแถวหลัง
  • โทรศัพท์มือถือชาร์จเร็วแบบไร้สาย
  • ช่องแอร์หลัง
  • ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ AQS
  • ORA mobile APP ควบคุมรถระยะไกล
  • การตรวจสอบสถานะรถระยะไกล
  • กล้องติดรถยนต์ด้านหน้า
  • ระบบนำทางอัจฉริยะ
  • ใช้ชิป Qualcomm 8155 พลังประมวลผล CPU เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า และความสามารถในการประมวลผลภาพ GPU เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า

ติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ ORA-PILOT 3.0 พร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 28 ตัว รวมถึงกล้อง ADAS 1 ตัว เรดาร์คลื่น 5 มม. เรดาร์อัลตราโซนิก 12 ตัว กล้องมองภาพรอบทิศทาง 4 ตัว กล้องมองภาพ กล้องจดจำใบหน้า 3 มิติ โซลูชันสร้างแผนที่ความแม่นยำสูงผ่านดาวเทียม 5G ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะบนทางหลวง HWA ระบบช่วงล่าง

  • ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ McPherson
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระ multi-link
  • ดิสก์เบรก หน้า – หลัง

ระบบความปลอดภัย ได้แก่

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • ม่านอากาศด้านหน้าและด้านหลัง
  • ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับความเร็วอัตโนมัติ (ACC)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ICA
  • ระบบช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ IT
  • ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ LKA
  • ระบบช่วยจดจำป้ายจราจร TSR
  • ระบบเตือนการชนหน้า + เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ FCW+AEB
  • ระบบเตือนจุดบอด BSD
  • ระบบเตือนถอยหลัง + เบรกฉุกเฉิน RCTA+RCTB
  • ระบบเตือนการชนท้าย RCW
  • ระบบเบรก ABS+EBD
  • ระบบควบคุมการลื่นไถล TCS
  • การตรวจสอบแรงดันลมยาง + สัญญาณเตือน TPMS
  • ระบบช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน ESS
  • กล้อง 360 องศา
  • ระบบจอดรถอัตโนมัติ

 

        ระหว่างรอการเปิดตัว ORA Lightning Cat EV ช่วงปลายเดือนนี้ในประเทศจีน ล่าสุดพวกเขาได้เผยภาพการทดสอบความปลอดภัยที่เกินขอบเขตมาตรฐานแห่งชาติ ด้วยการทดสอบการหมุนเกลียวกลางอากาศ และ ตกลงสู่พื้นดิน เป็นการทดสอบที่น่าทึ่งมากสำหรับ ORA Lightning Cat EV การวิ่งขึ้นที่ลาดชัน และ หมุนเกลียวแบบนี้ เป็นอันตรายอย่างมาก ด้วยความสูงจากพืเนถึง 6 เมตร ORA กล่าวว่า การทดสอบการม้วนตัว และ ตกกระแทกด้วยความเร็วสูงของ Lightning Cat พวกเขาปิดฟังก์ชั่นช่วยเหลืออัจฉริยะทั้งหมด และ ขับบนสะพานความยาว 150 เมตรเพียงข้างเดียว แล้วตกลงสู่หลุมดินแข็ง ยาว 40 เมตร กว้าง 10 เมตร ลึก 1.8 เมตร บนความสูงจากพื้นดิน 6 เมตร หลังจากตกลงสู่พื้นทำให้ตัวรถหมุนอีก 5 รอบ ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เปิดเผยโดย ORA หลังจากการทดสอบดังกล่าว แบตเตอรี่รถยนต์ถูกปิดอย่างรวดเร็วด้วยไฟฟ้าแรงสูง และไม่มีการรั่วไหลของอิเล็กโทรไลต์ ทำให้ไม่เกิดการเผาไหม้ โครงสร้างตัวถังของรถยนต์ทั้งคันไม่บุสลาย เสา A/B/C ไม่ยุบนั้นเอง ห้องโดยสารยังคงไม่บุบ ยกเว้นตำแหน่งคนขับ ที่ถอดถุงลมนิรภัยเพื่อติดตั้งหุ่นยนต์ขับเคลื่อน ถุงลมนิรภัยอื่นๆ ทั้งหมดถูกใช้งานตามปกติ ประตูรถสามารถเปิดได้ตามปกติ สำหรับ ฟังก์ชันกู้ภัยฉุกเฉิน E-CALL ก็สามารถเปิดได้ตามปกติ หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ เจ้าหน้าที่ ORA จะดำเนินการรื้อรถในเชิงลึกหลังจากที่รถจอดนิ่งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อหาผลกระทบอื่นๆจากกระทดสอบดังกล่าว

Advertisement

Advertisement

TANK 500 HEV

 

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 3.0T V6 Mild HYBRID 48V มีกำลังสูงสุด 349 แรงม้า (260 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังเกียร์ธรรมดา 9 สปีด พร้อมฟังก์ชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 9.3 กม./ลิตร (21.9 mpg) ขนาดตัวถัง

  • ยาว 5070 มม.
  • กว้าง 1934 มม.
  • สูง 1905 มม.
  • ฐานล้อ 2850 มม.
  • สามารถลุยน้ำลึก 800 มม.

WEY TANK500 SUV แบบ body-on-frame รถยนต์ใหม่ใช้ภาษาการออกแบบใหม่ล่าสุด พร้อมความหรูหรา ที่มากกว่าบนเครื่องยนต์อันทรงพลัง โด่ดเด่นด้วยการออกแบบ “Tiehan Tenderness” กระจังหน้าชุบโครเมียมหนาขนาดใหญ่ ไฟหน้าแบบ LED เมทริกซ์ ไฟท้ายแบบ LED ทรงสี่เหลี่ยม

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 5070 มม.
  • กว้าง 1934 มม.
  • สูง 1905 มม.
  • ฐานล้อ 2850 มม.

ภายในห้องโดยสารของ TANK500 มีให้เลือกทั้ง 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่งแบบ 2+3+2 พร้อมโทนสีน้ำเงิน-เบจทูโทน เบาะหนัง Nappa พวงมาลัยมัลติฟังก์ 3 ก้านหรูหรา คันเกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ หน้าปัด LCD ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสส่วนกลางแบบลอยขนาด 14.6 นิ้ว ระบบเสียง Yanfei Lishi พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง

 

 

TANK 300

 

 

 

  ต้องขออนุญาติเจ้าของภาพด้วยนะครับ กลุ่ม TANK Club Thailand​ เพราะมีการเผยแพร่ภาพการทดสอบวิ่ง WEY TANK 300 ในประเทศไทย มาพร้อมการออกแบบเหมือนเวอร์ชั่นจีนทุกประการ ตอนนี้เรายังไม่ทราบว่าเป็นรุ่นสันดาป หรือ ไฮบริด นอกจากนี้ยังไม่มีการยืนยันใดๆ อย่างเป็นทางการสำหรับการจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ (ปัจจุบัน GWM เปิดตัวรถยนต์ในไทยได้แก่ HAVAL H6 HEV , H6 PHEV , HAVAL JOLION HEV , ORA GOOD CAT / GT) WEY Tank 300 พร้อมการออกแบบที่ทันสมัยในแบบฉบับ Off-Road การออกแบบฉีกจาก Haval H6 ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน แต่จะมีความคล้าย Jeep Wangler เน้นเหลี่ยมมุม ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED กระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมโลโก้ WEY ประตูท้ายเป็นแบบแนวนอนและมีไฟเบรกตำแหน่งสูง

WEY TANK300 HEV บนขุมพลังไฮบริด มาพร้อมตัวถังสีขาว และสีน้ำเงิน พร้อมอักษณ HYBRID แสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารตกแต่งสีขาว-ดำ ให้ความรู้สึกหรูหรา ในส่วนของรายละเอียดรูปลักษณ์ที่เหลือตัวรถไม่มีการปรับแต่งพิเศษมากเกินไป หน้าจอแบบ LCD หน้าจอส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้ว ช่องแอร์ทรงกลม คันเกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ไฮบริด เบนซินไฮบริด 2.0T 245 แรงม้า

  • เครื่องยนต์ไฮบริด 2.0T ให้กำลัง 245 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ระบบดั้งเดิมระบบส่งกำลัง 9HAT อัตราเร่ง 0-100 กม. 7.9 วินาที ระบขับเคลื่อน แบ่งเป็น 3 โหมดขับขี่ ทั้งแบบ AWD และแบบ 4X4 พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันถึง 9 รูปแบบ

เบนซิน 2.0T 227 แรงม้า

  • เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 227 แรงม้า แรงบิต 387 นิวตัน-เมตร ที่ 1800 – 3600 รอบต่อนาที ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8AT ระบขับเคลื่อน แบ่งเป็น 3 โหมดขับขี่ ทั้งแบบ AWD และแบบ 4X4 พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันถึง 9 รูปแบบ

 

 

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้