TOYOTA GR GT & GR GT3 สปอร์ตคาร์เรือธงยุคใหม่ เปิดตัวครั้งแรกของโลก ไฮบริด V8 สืบทอดพลัง 2000GT และ LFA


TOYOTA GR GT & GR GT3 สปอร์ตคาร์เรือธงยุคใหม่ เปิดตัวครั้งแรกของโลก ไฮบริด V8 สืบทอดพลัง 2000GT และ LFA
TOYOTA GAZOO Racing (TGR) เปิดตัวรถต้นแบบระดับเรือธงใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น ได้แก่ GR GT และ GR GT3 ในงานระดับโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการรื้อฟื้นจิตวิญญาณของ Toyota 2000GT และ Lexus LFA ให้กลับมามีบทบาทอีกครั้งในยุคสมัยที่เทคโนโลยีผสานกับสมรรถนะขั้นสูง โดยทั้งสองโมเดลถูกออกแบบเพื่อเป็น “รถสปอร์ตแห่งอนาคตของโตโยต้า” พร้อมการเตรียมเข้าสู่สายการผลิตราวปี 2027
สรุปไฮไลท์สำคัญ
- GR GT = สปอร์ตคาร์ถนน + สนาม ระดับเรือธงเครื่อง V8 ทวินเทอร์โบ ไฮบริด
- GR GT3 = รถแข่ง FIA GT3 ที่พัฒนาบนพื้นฐาน GR GT สำหรับทีมลูกค้า (Customer Racing)
- โครงสร้างน้ำหนักเบา จุดศูนย์ถ่วงต่ำมาก พัฒนาจากประสบการณ์การแข่งขัน WEC & Nürburgring
- ดีไซน์ “Aerodynamics First” ทำแอโรดายนามิกก่อนแล้วค่อยออกแบบตัวรถ
- ใช้ Aluminum Body Frame ทั้งคันเป็นครั้งแรกในรถ Toyota
แนวคิดการพัฒนา: สร้างรถสปอร์ตบนพื้นฐานของนักแข่งตัวจริง
ทั้ง GR GT และ GR GT3 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Driver-First โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับ “ความรู้สึกของผู้ขับ” ไม่ใช่แค่ตัวเลขสเปก ทีมวิศวกรของ TGR ทำงานร่วมกับนักแข่งมืออาชีพ ทีม Nürburgring และนักขับทดสอบของ Shimoyama ตั้งแต่ช่วงออกแบบโครงสร้างรถ เพื่อให้รถต้นแบบทั้งสองรุ่นมีบุคลิกแบบเดียวกับรถแข่งระดับโลก
โตโยต้าระบุชัดเจนว่าโปรเจ็กต์นี้เป็นการ “ถ่ายทอดศาสตร์การสร้างรถสปอร์ต” ที่ได้รับจากยุค 2000GT และ LFA ส่งต่อไปยังนักพัฒนารุ่นใหม่ของบริษัท เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้รถสปอร์ตในอนาคตของค่าย
GR GT – สปอร์ตคาร์เรือธง Hybrid V8 ตัวแทนยุคใหม่ของ Toyota
เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ + ไฮบริด
หัวใจของ GR GT คือเครื่องยนต์ใหม่หมดแบบ V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo Hybrid ให้พละกำลังระดับเป้าหมายมากกว่า
- 650 แรงม้า+
- 850 นิวตันเมตร+
มอเตอร์ไฟฟ้าถูกวางไว้ในทรานส์แอกเซิลด้านหลัง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Wet Start Clutch เพื่อตอบสนองเฉียบคมกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ให้ความรู้สึกใกล้เคียงรถแข่ง
แพ็กเกจตัวรถ – จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่สุดเท่าที่ Toyota เคยทำ
- เครื่องยนต์แบบ Dry Sump ช่วยให้วางต่ำกว่าปกติ
- ตำแหน่งมอเตอร์-แบตเตอรี่-เกียร์ วางไว้กลางรถ
- อัตราการกระจายน้ำหนัก 45:55 หน้า/หลัง
ทั้งหมดนี้ทำให้ GR GT มีพฤติกรรมคล้ายรถแข่งที่ผู้ขับรู้สึกว่า “รถและคนเป็นหนึ่งเดียวกัน” ทั้งในถนนและในสนาม
โครงสร้างตัวถัง – Aluminum Body Frame ครั้งแรกของ Toyota
ตัวรถถูกสร้างบนเฟรมอะลูมิเนียมเต็มรูปแบบ ใช้แผงภายนอกแบบ Aluminum + CFRP เพื่อลดน้ำหนักแต่ยังคงความแข็งแรงสูง เพิ่มความมั่นใจในการขับความเร็วสูง
แอโรดายนามิก – ออกแบบจากความต้องการของลม ไม่ใช่เส้นสาย
ทีม aero จากรายการแข่งขัน WEC ทำงานร่วมกับทีมดีไซน์ โดยเริ่มจากการสร้างรูปทรงเพื่อประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ก่อน แล้วจึงออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกตามมา แนวคิดนี้รับรองว่าเส้นสายทุกส่วน “มีหน้าที่” ไม่ได้ใส่มาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว
สเปกตัวรถ GR GT (Prototype)
| รายการ | สเปก |
|---|---|
| ความยาว | 4,820 มม. |
| ความกว้าง | 2,000 มม. |
| ความสูง | 1,195 มม. |
| ฐานล้อ | 2,725 มม. |
| น้ำหนักเป้าหมาย | ไม่เกิน 1,750 กก. |
| ขนาดยางหน้า | 265/35ZR20 |
| ขนาดยางหลัง | 325/30ZR20 |
| ความเร็วสูงสุด | > 320 กม./ชม. |
GR GT3 – รถแข่ง FIA GT3 เพื่อให้ทีมลูกค้าใช้ได้จริง
ในขณะที่ GR GT เป็นเวอร์ชันถนน GR GT3 คือเวอร์ชันสำหรับสนามแข่งขันโดยเฉพาะ ถูกออกแบบให้พร้อมทำ homologation FIA GT3 และเป็นตัวเลือกให้ทีมแข่งทั่วโลกในซีรีส์ GT3 ระดับนานาชาติ
สเปก GR GT3 (Prototype)
| รายการ | สเปก |
|---|---|
| ความยาว | 4,785 มม. |
| ความกว้าง | 2,050 มม. |
| ความสูง | 1,090 มม. |
| เครื่องยนต์ | V8 4.0 ลิตร Twin-Turbo |
| ระบบส่งกำลัง | ขับหลัง (FR) |
| โครงสร้าง | Aluminum Frame + แชร์ชิ้นส่วนกับ GR GT |
GR GT3 ถูกจูนให้ “ง่ายต่อการควบคุม” สำหรับทั้งนักแข่งมืออาชีพและ gentleman driver ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้หลักของสนามแข่ง GT3 ทั่วโลก
กระบวนการพัฒนา – ขับจริง ซ่อมจริง และปรับจนกว่าจะสมบูรณ์
TGR ใช้แนวทางพัฒนารถแข่งมาประยุกต์กับรถสปอร์ตโปรดักชัน เช่น
- ทดสอบด้วย Simulator ก่อนสร้างรถจริง
- วิ่งทดสอบในสนาม Fuji, Nürburgring และ Shimoyama
- ขับแบบหนักหน่วงเพื่อหาจุดอ่อน และแก้ไขซ้ำ ๆ
ทั้งหมดนี้สะท้อน “จิตวิญญาณของ GR” ในการสร้างรถที่ตอบสนองดีที่สุดเท่าที่โตโยต้าจะทำได้
สรุป Toyota กลับมาทวงบัลลังก์สปอร์ตคาร์ระดับโลก
การปรากฏตัวของ GR GT และ GR GT3 เป็นสัญญาณชัดเจนว่า Toyota ต้องการกลับสู่เวทีสปอร์ตคาร์ระดับโลกอย่างจริงจังอีกครั้ง พร้อมนำเสนอเทคโนโลยี Hybrid V8 ที่ผสานความแรงแบบยุคเก่ากับเทคโนโลยีใหม่อย่างลงตัว
ทั้งสองโมเดลนี้ไม่ได้เป็นแค่รถต้นแบบ แต่เป็น “บทเรียนและพันธกิจ” ของโตโยต้าที่จะมอบอนาคตรถสปอร์ตให้คนรุ่นต่อไป พร้อมการเข้าสู่สายการผลิตที่คาดว่าอยู่ราวปี 2027

