Toyota Supra เตรียมปิดตำนาน มีนาคม 2026 — ปิดฉากยุค BMW พาร์ตเนอร์ ก่อนคืนชีพอีกครั้งในปี 2027

Toyota Supra เตรียมปิดตำนาน มีนาคม 2026 — ปิดฉากยุค BMW พาร์ตเนอร์ ก่อนคืนชีพอีกครั้งในปี 2027
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

Toyota Supra เตรียมปิดตำนาน มีนาคม 2026 — ปิดฉากยุค BMW พาร์ตเนอร์ ก่อนคืนชีพอีกครั้งในปี 2027

“ทุกตำนานย่อมมีวันอำลา แต่ชื่อ Supra จะกลับมาอีกครั้ง ในแบบที่โตโยต้าสร้างเองทั้งหมด”

6 เดือนสุดท้ายของ Supra รุ่น A90

โตโยต้าประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า สายการผลิต Toyota Supra จะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งนั่นหมายความว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีเท่านั้นก่อนที่รถสปอร์ตระดับตำนานคันนี้จะกลายเป็น “ของสะสม” อย่างแท้จริง

แม้ในทางเทคนิค ลูกค้าอเมริกันยังสามารถสั่ง built-to-order ได้จนถึงสิ้นสุดรอบผลิต แต่โตโยต้ายืนยันว่าระบบรับจองจะปิดก่อนหน้านั้นแน่นอน เพราะคิวการผลิตสุดท้ายได้ถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะรุ่น 2026 Supra Final Edition ที่มีจำนวนจำกัดทั่วโลก

Final Edition — ปรับช่วงล่างใหม่เพื่อการขับขี่ที่เฉียบกว่าเดิม

รุ่น “Final Edition” ถือเป็นการปิดฉาก Supra เจเนอเรชันที่ 5 (รหัส A90/A91) อย่างสมศักดิ์ศรี ตัวรถยังคงใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง เทอร์โบชาร์จจาก BMW (รหัส B58) ให้กำลัง 382 แรงม้า (387 PS) แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังสู่ล้อหลังผ่านเกียร์ ธรรมดา 6 สปีด หรือ อัตโนมัติ ZF 8 สปีด

Advertisement Advertisement

แต่สิ่งที่โตโยต้าปรับปรุงเพิ่มเติมคือระบบช่วงล่าง, พวงมาลัย, และดิฟเฟอเรนเชียล ให้มีการตอบสนองที่ “ละเอียดและคม” กว่าเดิม เพื่อให้ผู้ขับรู้สึกถึงความเป็นสปอร์ตญี่ปุ่นแท้ๆ มากขึ้น รุ่นญี่ปุ่นจะพิเศษกว่าเล็กน้อย เพราะถูกปรับแรงม้าเพิ่มเป็น 429 แรงม้า (435 PS) พร้อมจูนระบบควบคุมใหม่ทั้งคัน

จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของ “ยุค BMW–Toyota”

ย้อนกลับไปในปี 2019 การกลับมาของ Supra ถือเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่แฟนๆ เฝ้ารอที่สุด แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างคือความร่วมมือกับ BMW ที่นำพื้นฐานจาก Z4 Roadster (รหัส G29) มาปรับใช้ร่วมกัน — ทั้งเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และแชสซี ถูกพัฒนาโดยทีมวิศวกรของทั้งสองฝ่าย และผลิตที่โรงงาน Magna Steyr เมือง Graz ประเทศออสเตรีย

อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือนี้ก็เป็น “ระยะสั้น” ตามสัญญาเดิม ทั้ง BMW Z4 และ Toyota Supra จะยุติการผลิตพร้อมกันในปี 2026 และจะไม่มีโปรเจกต์ร่วมในลักษณะนี้อีกในอนาคตอันใกล้

Supra จะกลับมาอีกครั้งในปี 2027 — คราวนี้โตโยต้าล้วน

แต่แฟนๆ ไม่ต้องเศร้าไป เพราะโตโยต้าได้วางแผนชัดเจนแล้วว่า ชื่อ “Supra” จะกลับมาอีกครั้งในปี 2027 โดยเจเนอเรชันถัดไปจะยังคง วางเครื่องยนต์หน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง (FR layout) ตามจิตวิญญาณเดิม แต่เปลี่ยนมาใช้ขุมพลัง 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จไฮบริด ที่พัฒนาโดยโตโยต้าเอง
ให้กำลังราว 394–400 แรงม้า ซึ่งจะเป็นการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพกับความประหยัดพลังงาน

คาดว่า Supra รุ่นใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฮบริดแบบ “Hybrid Turbo Performance” ที่ใกล้เคียงกับเทคโนโลยีจาก GR หรือแม้แต่รถแข่ง WEC ของโตโยต้าเอง ซึ่งหมายความว่า Supra เจเนอเรชันถัดไปจะไม่เพียงแค่แรง แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเข้ากับยุคสมัยใหม่ของยานยนต์พลังงานผสมอีกด้วย

ยอดขายลดลง — Nissan Z ขายแซงขาด

ในฝั่งตลาดสหรัฐฯ ตัวเลขล่าสุดจากเดือนตุลาคม 2025 ระบุว่า Nissan Z ทำยอดขายได้กว่า 4,800 คัน ในปีนี้ ขณะที่ Supra ทำได้เพียง 2,009 คัน ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคให้ความสนใจรถสปอร์ตที่มีราคาคุ้มค่ากว่า และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่า

ราคาของ Supra ในตลาดสหรัฐฯ เริ่มต้นราว $46,000 (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ในขณะที่ Nissan Z มีราคาเริ่มต่ำกว่า และยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงไม่แปลกที่ Z จะกลายเป็น “ผู้ชนะในตลาด” ในช่วงปลายยุคของ Supra A90

Supra — ชื่อที่อยู่เหนือกาลเวลา

ตลอดเวลากว่า 45 ปีที่ชื่อ “Supra” ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1978 ในฐานะรุ่นหรูของ Toyota Celica มันได้กลายเป็น “สัญลักษณ์ของความแรง” แห่งยุค 80s–90s โดยเฉพาะรุ่น A80 (MK4) ที่ขึ้นแท่นเป็นรถสปอร์ตระดับตำนานของโลก จากบทบาทใน Fast & Furious, และจากสมรรถนะที่ถูกจูนแตะหลัก 1,000 แรงม้าได้จริง

Supra รุ่นปัจจุบัน (A90) อาจถูกวิจารณ์ว่าขาดเอกลักษณ์ “โตโยต้าแท้ๆ” ไปบ้างเพราะพื้นฐานจาก BMW แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันได้ทำหน้าที่ “ปลุกชีพชื่อ Supra ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” และเปิดทางสู่การพัฒนา Supra รุ่นต่อไปที่โตโยต้าจะสร้างด้วยหัวใจของตัวเอง

Carscoop

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้