VOLVO EX60 EV เปิดตัวปีหน้า ใช้การหล่อตัวถัง Megacasting * ภาพในจินตนาการ

VOLVO วางแผนที่จะแนะนำเทคโนโลยีการหล่อขนาดใหญ่ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นถัดไป คาดว่า EX60 ใหม่จะเป็นรุ่นแรก คาดว่าจะมีการเปิดตัวในปี 1 -2 ปีนับจากนี้

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดน VOLVO จะใช้เทคโนโลยีเมกะคาสติ้งในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปี 2026 สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างมีนัยสำคัญและเพิ่มอิสระในการออกแบบเนื่องจาก EV ใหม่ “EX60 (ชื่อชั่วคราว)” ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาคาดว่าจะเปิดตัวประมาณปี 2025 จึงคาดว่าจะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี Mega Casting ตั้งแต่ปีถัดไป EX60 เป็นรถ SUV ไฟฟ้าขนาดกลางที่เทียบเท่ากับ XC60 โฉมปัจจุบัน

Megacasting เป็นวิธีการหล่อที่เรียกว่าการหล่อแบบตายตัว โดยเทโลหะหลอมเหลวลงในแม่พิมพ์ และเป็นเทคโนโลยีที่ใช้แม่พิมพ์ที่มีขนาดใหญ่กว่าแม่พิมพ์ทั่วไปมาก แทนที่จะผลิตชิ้นส่วนหลายชิ้นแยกกันแล้วจึงเชื่อมหรือขันเข้าด้วยกัน สามารถผลิตเป็นชิ้นเดียวขนาดใหญ่ ปัจจุบัน TESLA ได้นำมาใช้ และ TOYOTA วางแผนที่จะใช้ปี 2026

วอลโว่จะแนะนำอะลูมิเนียมเมกะคาสติ้งบริเวณชั้นล่างเป็นครั้งแรก กระบวนการผลิตแบบเดิมต้องใช้ชิ้นส่วนประมาณ 100 ชิ้น แต่การขึ้นรูปรถยนต์เป็นชิ้นเดียว ทำให้จำนวนชิ้นส่วนที่เชื่อมที่พื้นด้านหลังลดลง 84% และน้ำหนักก็ลดลงประมาณ 50%

หลังจาก VOLVO เปิดตัว EX90 EV ใหม่ ที่มาทดแทน XC90 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2022 พวกเขายังปล่อยทีเซอร์ปริศนาใหม่ สำหรับ Volvo รุ่นใหม่ที่มีตัวถังเล็กกว่า เราคาดการณ์ว่ามันคือ Volvo EX60 EVใหม่ที่จะมาทดแทน XC60 ก่อนหน้านี้มีแผนจะเปิดตัวปี 2024

ปัจจุบัน VOLVO EX Series มีรุ่น EX90 รุ่น EX30 รุ่น EM90 ใหม่ที่จำหน่าย

Volvo EX60 จะใช้ SPA2 ใหม่ (Scalable Platform Architecture) เหมือนกับ EX90 การออกแบบโดยรวมเราคาดว่าไม่ได้แตกต่างจาก EX90 มากมายแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างเพื่อให้สามารถแยกรุ่นดังกล่าวออกจากกัน นอกจากนี้มีมอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ที่ขนาดเล็กกว่า

นอกจากนี้ยังนำเสนอเทคโนโลยีคล้ายๆ EX90 อย่างเช่น

ชุดกล้อง เซ็นเซอร์ เลเซอร์ และซอฟต์แวร์ที่ตรวจสอบทั้งสภาพแวดล้อมภายนอก และ Driver ซึ่งจะใช้ Lidar ขั้นสูงพร้อมกับเซ็นเซอร์อัตราโซนิก 16 ตัว กล้อง 8 ตัว เรดาร์ 5 ตัว ในการตรวจสภาพแวดล้อม เช่น บนถนนระยะ 120 เมตร คนเดินถนนระยะ 250 เมตร ในความเร็ว 120 กม./ชม. หรือ แม้แต่วัตถุที่ไม่สะท้อนแสง ก็สามารถตรวจจับได้ ทั้งหมดจะสร้างมุมมอง 360 องศาแบบเรียลไทม์

LiDAR ซึ่งจะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับรุ่นในอนาคตจะช่วยลดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ และปรับปรุงการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดโดยรวมได้ถึง 9 เปอร์เซ็นต์
ระบบ “Driver Understanding” ใหม่ กล้องภายในสองตัว และ พวงมาลัยแบบ capacitive จะตรวจจับรูปแบบการจ้องมองและพฤติกรรมการบังคับเลี้ยวของผู้ที่นั่งหลังพวงมาลัย โดยจะหาสัญญาณความเครียด อาการง่วงซึม หรือภาวะฟุ้งซ่าน อื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการขับขี่ (รวมทั้งสภาะวะเมาขาดสติ) ระบบจะเริ่มต้นด้วยสัญญาณเตือน และ เพิ่มระดับเสียงความความรุนแรงของสถานการณ์ หากคนขับไม่ตอบสนอง ระบบจะเปิดใช้งานไฟฉุกเฉิน และ หยุดรถข้างทางอย่างปลอดภัย
ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์ม NVIDIA DRIVE AI Xavier และ Orin, แพลตฟอร์ม Snapdragon® Cockpit จาก Qualcomm Technologies และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยวิศวกรของ Volvo – ใช้งานฟังก์ชันหลักส่วนใหญ่ภายในรถ ตั้งแต่ความปลอดภัยและสาระบันเทิงไปจนถึงการจัดการแบตเตอรี่ ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์ที่ตอบสนองและสนุกสนานยิ่งขึ้นภายในรถ

VOLVO ได้ยื่นจดชื่อสิทธิบัตรจำนวนมาก โดยแบ่งเป็น EXC , EC , ES , EV , EX ซึ่งครอบคลุมรถยนต์หลากหลายทั้งกลุ่ม SUV , SEDAN , Crossover

EXC Series คือรถยนต์ SUV ไฟฟ้า ได้แก่