แค่ใบจองก็ทำเงิน! Xiaomi YU7 ฮ็อตจนพ่อค้าคนกลางโก่งราคาทะลุ 90,000 บาท ในประเทศจีน

Xiaomi YU7 SUV รุ่นแรกของเสี่ยวมี่เปิดตัวร้อนแรง! พ่อค้าคนกลาง ราคา 17,000 หยวน หรือ 77,000 บาท เพื่อขายต่อใบสั่งจอง
ปักกิ่ง – นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว รถยนต์ SUV รุ่นแรกของบริษัทเสี่ยวมี่ที่มีชื่อว่า “YU7” ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากตลาด โดยมียอดสั่งจองเกินความคาดหมายไปมาก ความต้องการของตลาดที่มหาศาลและความสามารถในการผลิตช่วงแรกที่ค่อนข้างจำกัดได้สร้างความแตกต่างที่ชัดเจน และก่อให้เกิดปรากฏการณ์ “พ่อค้าคนกลาง” (หรือที่เรียกกันว่า “หวงหนิว”) นำใบสั่งจองมาขายต่อเพื่อเก็งกำไร โดยมีรายงานว่าราคาที่บวกเพิ่มขึ้นสำหรับบางคำสั่งซื้อนั้นสูงถึง 17,000 หยวน
Xiaomi YU7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ราคาที่แข่งขันได้ และพลังของแบรนด์เสี่ยวมี่ที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว มีรายงานว่าหลังจากเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าได้ไม่นาน ยอดสั่งจองแบบล็อค (มัดจำไม่สามารถขอคืนได้) ก็ทะลุ 240,000 คันไปแล้ว ซึ่งเป็นการสร้างสถิติยอดขายที่น่าทึ่ง
- ยอดจองถล่มทลาย! Xiaomi YU7 ทะลุ 289,000 คันในชั่วโมงเดียว
- Xiaomi ต้องออกมาย้ำนโยบายว่าการจองนั้นไม่สามารถโอนสิทธิ์ได้
- สำหรับประเด็นที่ว่า Xiaomi จะไม่ประกาศยอดจองเพิ่มเติมนั้น ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากบริษัท ในขณะนี้ยังคงต้องรอแถลงการณ์ที่ชัดเจนจาก Xiaomi ต่อไปเกี่ยวกับนโยบายการเปิดเผยข้อมูลยอดสั่งจองในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ร้อนแรงก็ได้นำมาซึ่งปัญหาที่น่ายินดีเช่นกัน นั่นคือระยะเวลาการส่งมอบรถที่ยาวนานขึ้นอย่างมาก จากข้อมูลอย่างเป็นทางการและรายงานของสื่อ ระยะเวลาการส่งมอบโดยประมาณสำหรับรถบางรุ่นอาจต้องรอนานถึงหนึ่งปี ผู้บริโภคที่รีบต้องการใช้รถและพ่อค้าคนกลางที่มองเห็น “โอกาสทางธุรกิจ” ได้ร่วมกันทำให้ใบสั่งจอง YU7 กลายเป็น “สัญญาล่วงหน้า” ที่เป็นที่ต้องการอย่างสูง
บนแพลตฟอร์มซื้อขายของมือสองหลายแห่ง มีการโพสต์ข้อมูลการโอนสิทธิ์ใบสั่งจอง Xiaomi YU7 พร้อมบวกราคาเพิ่มเป็นจำนวนมาก ราคาการโอนสิทธิ์เหล่านี้มีส่วนต่างตั้งแต่หลายพันหยวนไปจนถึงหมื่นกว่าหยวน ขึ้นอยู่กับรุ่นและระยะเวลาการส่งมอบที่คาดการณ์ไว้ ในจำนวนนี้ มีสื่อรายงานว่าพ่อค้าคนกลางรายหนึ่งได้ประกาศราคาบวกเพิ่ม 17,000 หยวนอย่างชัดเจนเพื่อขายต่อใบสั่งจอง ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับใบสั่งจอง “รถพร้อมส่งมอบในไม่ช้า” ในรุ่นยอดนิยมบางรุ่น ค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิ์เคยถูกปั่นราคาสูงถึง 20,000 หยวน หรือ 90,000 บาท
สำหรับพฤติกรรมการขายต่อใบสั่งจองของพ่อค้าคนกลาง ทาง Xiaomi Automobile ได้รับทราบถึงสถานการณ์แล้ว เป็นที่เข้าใจกันว่าขั้นตอนการซื้อรถของเสี่ยวมี่นั้นกำหนดให้ใช้ชื่อจริงและข้อมูลในใบสั่งจองจะผูกกับข้อมูลของผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งโดยหลักการแล้วไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใดๆ อย่างไรก็ตาม พ่อค้าคนกลางเหล่านี้อ้างว่าสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของทางการได้โดยการทำสัญญา การไปดำเนินการจดทะเบียนพร้อมกับผู้ซื้อ หรือแม้กระทั่งโอนรถในรูปแบบของรถมือสอง
นักวิเคราะห์ชี้ว่าปรากฏการณ์ “พ่อค้าคนกลาง” นั้น ด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงในตลาดของ Xiaomi YU7 ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นการทดสอบที่เข้มงวดต่อความสามารถในการส่งมอบและระบบการจัดการคำสั่งซื้อของเสี่ยวมี่ ระยะเวลาการรอคอยที่นานเกินไปอาจทำให้ความกระตือรือร้นของผู้บริโภคบางส่วนลดลง ในขณะที่การเก็งกำไรของพ่อค้าคนกลางอาจรบกวนระเบียบของตลาดปกติและอาจทำให้ผู้บริโภคไม่พอใจได้
ปัจจุบัน ทางเสี่ยวมี่กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อลดระยะเวลาการส่งมอบและตอบสนองความต้องการของตลาดขนาดใหญ่ แต่ก่อนที่จะถึงจุดนั้น คาดว่ากระแส “การแย่งซื้อ” และ “การขายต่อ” ใบสั่งจอง Xiaomi YU7 นี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการก็ควรระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในการทำธุรกรรมด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์นี้น่ากังวลไหม ?
เหตุการณ์นี้น่ากังวล แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณที่ดีอย่างยิ่งสำหรับเสี่ยวมี่ เป็นสถานการณ์แบบ “ดาบสองคม” ที่สามารถมองได้จากหลายมุม
ในมุมที่น่ากังวล (Reasons for Concern)
- สำหรับผู้บริโภคทั่วไป
- ความไม่เป็นธรรม: ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถจริงๆ และลงทะเบียนอย่างถูกต้อง กลับต้องรอนานเป็นปี ในขณะที่ “พ่อค้าคนกลาง” ที่ใช้ช่องโหว่กลับได้สิทธิ์ไปขายต่อเพื่อทำกำไร สิ่งนี้สร้างความรู้สึกไม่พอใจและไม่เป็นธรรม
- ภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น: ผู้ที่อยากได้รถเร็วต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น ทำให้ราคาสุดท้ายของรถสูงกว่าที่บริษัทตั้งใจไว้มาก
- ความเสี่ยงในการซื้อขายนอกระบบ: การซื้อขายใบจองกับพ่อค้าคนกลางมีความเสี่ยงสูง อาจถูกหลอกลวง หรือเกิดปัญหาในการโอนสิทธิ์ ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองจากเสี่ยวมี่โดยตรง
- สำหรับบริษัทเสี่ยวมี่ (Xiaomi)
- ผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์: หากบริษัทไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ดีพอ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายได้ในระยะยาว ผู้คนอาจมองว่าเสี่ยวมี่ไม่มีความสามารถในการจัดการอุปทาน หรือปล่อยให้เกิดการเก็งกำไรจนควบคุมไม่ได้
- การสูญเสียการควบคุม: พ่อค้าคนกลางเข้ามาแทรกแซงกลไกราคาและการจัดจำหน่าย ทำให้บริษัทสูญเสียการควบคุมประสบการณ์ของลูกค้า
- ความกดดันมหาศาลด้านการผลิต: ปัญหาหลักเกิดจากสินค้าที่ผลิตไม่ทันต่อความต้องการ (Supply and Demand Imbalance) สิ่งนี้สร้างแรงกดดันอย่างหนักให้กับโรงงานและห่วงโซ่อุปทานของเสี่ยวมี่ ซึ่งเป็นบริษัทหน้าใหม่ในวงการยานยนต์
ในอีกมุมหนึ่ง ถือเป็นสัญญาณที่ดี (Positive Signs)
- การพิสูจน์ความสำเร็จขั้นสูงสุด: ไม่มีอะไรจะยืนยันความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ได้ดีไปกว่าการที่คนยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ได้มันมาเร็วขึ้น นี่คือข้อพิสูจน์ว่า Xiaomi YU7 เป็นรถที่ “โดนใจ” ตลาดอย่างจัง ทั้งในด้านดีไซน์, ฟังก์ชัน และราคา
- การตลาดแบบ “Hype Marketing” ที่ทรงพลัง: ข่าวการแย่งซื้อและพ่อค้าคนกลางช่วยสร้างกระแสให้รถยนต์รุ่นนี้โด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้มันกลายเป็น “ของร้อน” (Hot Item) ที่ทุกคนพูดถึงและอยากได้มาครอบครอง ซึ่งเป็นการตลาดแบบปากต่อปากที่มีประสิทธิภาพมหาศาลโดยที่บริษัทไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน: การเปิดตัวที่ร้อนแรงขนาดนี้เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าว่า เสี่ยวมี่ได้เข้ามาเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่น่ากลัวแล้ว
สรุป
เหตุการณ์นี้ น่ากังวลในแง่ของประสบการณ์ลูกค้าและความเสี่ยงต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น หลักฐานของความสำเร็จที่ปฏิเสธไม่ได้
ความท้าทายที่แท้จริงของเสี่ยวมี่ในตอนนี้ไม่ใช่การจัดการกับพ่อค้าคนกลางโดยตรง แต่คือ การเร่งเพิ่มกำลังการผลิตให้เร็วที่สุด เพื่อลดระยะเวลาการรอคอยและส่งมอบรถให้ถึงมือลูกค้าตัวจริงให้ได้มากที่สุด หากเสี่ยวมี่สามารถแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ ภาพลักษณ์เชิงลบจากประเด็นนี้ก็จะค่อยๆ หายไป และจะเหลือไว้เพียงแต่เรื่องราวความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ร้อนแรงที่สุดรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์ยานยนต์
เปิดขายจีนเริ่ม 1.15 ล้านบาท Xiaomi YU7 วิ่งได้กว่า 835 กม./ชาร์จ CLTC ชาร์จ 15 นาทีวิ่งได้ 620 กม.