
ดีเซล 2.0 Turbo 6AT 2WD
ดีเซล 2.0 Bi-Turbo 10AT 4WD
ระบบเปลี่ยนเกียร์อิเล็กทรอนิกส์แบบ Shift-On-The-Fly และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบเต็มเวลา (set-and-forget mode) ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์การขับขี่ของลูกค้าได้ในทุกสภาพถนน ทั้งยังมีอุปกรณ์ช่วยเหลือในการขับขี่ออฟโรดที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยตะขอเกี่ยวคู่หน้าที่กันชนหน้า เฟืองท้ายแบบ Locking Rear Differential ตะขอคู่หน้า ช่องพ่วงออฟโรต Upfitter Switch
โหมดการขับขี่ที่เลือกได้ประกอบด้วย Normal, Eco, Tow Haul และ Slippery ในขณะที่โหมด off-road ที่มีใน 4×4 Platinum รวมถึง Mud/Ruts และ Sand
Ford Everest รักษาความยาวเท่าเดิม แต่ฐานล้อเพิ่มขึ้น 50 มม. จากรุ่นก่อน แทร็กเพิ่มขึ้น 50 มม. สามารถลุยน้ำลึก 800 มม. หลังคาของเอเวอเรสต์สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกคงที่สูงสุด 350 กก.
การออกแบบโดยรวมโดยเฉพาะด้านหน้าของ Everest คล้ายกับ Ranger ที่เน้นกระจังหน้ากว้างขึ้น พร้อมไฟส่องสว่างแบบ C-clamp ไฟหน้าแบบ LED เมทริกซ์ ตัวถังที่เหลี่ยมขึ้นหลังคาสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว
ขนาดตัวถัง
ทุกรุ่นมีระบบอินโฟเทนเมนท์ Sync 4A พร้อม Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วในแนวตั้ง โดยรุ่นพื้นฐานใช้ขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการอัปเดตแบบ over-the-air เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™)iv,v แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8 – 12.4 นิ้วตามเกรด ไฟบรรยากาศ Ambiente กล้อง 360 องศา
Ford Everest FordPass ™6 Connectivity เจนเนอเรชั่นใหม่ ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น แรงดันลมยาง , ตำแหน่งของรถ สามารถปลดล็อกรถจากระยะไกล เปิดใช้งาน Zone Lighting (หากติดตั้งไว้) และสตาร์ทรถผ่านแอป FordPass
ช่อง USB สำหรับแถวหน้าและแถวที่สอง นอกจากนี้ยังมีปลั๊กไฟ 12V สำหรับแถวที่สามและพื้นที่เก็บสัมภาระ
ไฟส่องสว่างโซน สามารถให้แสงสว่างภายนอกรอบคัน เหมาะกับการตั้งแคมป์ หรือท่องเที่ยวอย่างมาก
ในเกรด Platinum ติดตั้งเบาะหนังแบบหนาพิเศษ ระบบแสงโดยรอบ และ ซันรูฟแบบพาโนรามา
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะนั่งแถวที่สอง เลื่อนได้แบ่ง/พับ 60:40 โดยแถวที่สามมีการแบ่ง 50/50 ทั้งสองแถวได้รับการออกแบบให้พับราบได้
แถวที่สามยังมีพื้นที่วางไหล่และที่เก็บของ ด้านหลังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 537 ลิตร มีพื้นที่เก็บของใต้พื้น ในขณะที่ Ford ได้ติดตั้งลิ้นเล็กๆ สำหรับพื้นที่บรรทุกซึ่งเรียกว่า ‘apple catcher’ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของหลุดออกมาเมื่อเปิดประตูท้าย
ระบบความปลอดภัย และ ช่วยเหลือการขับขี่ได้แก่
ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง มีถุงลมนิรภัยตรงกลางแบบใหม่ระหว่างผู้โดยสารด้านหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้ชนกันจากการกระแทกด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัยยังคงครอบคลุมทั้งสามแถว / ถุงลมนิรภัยหัวเข่า เฉพาะคู่หน้า
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive Cruise Control with Stop & Go)
ระบบควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Lane Centering)
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent Adaptive Cruise Control)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping System with Road-edge Detection)
ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steer Assist)
ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse Brake Assist)
ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind Spot Information System with Trailer coverage)
ระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision Assist with Intersection Functionality)
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ix ช่วยจอดสะดวกสบายมากขึ้นในพื้นที่แคบเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ระบบจะช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็ว เบรก ให้จอดรถแบบขนาน หรือ เข้าช่องจอดง่ายๆ
สีเทา Meteror Grey
สีเงิน Alumium metallic
สีดำ Absolute Black
สีบรอนซ์ Equinox Bronze
สีขาวมุก Snow Flake White Pearl + 10,000 บาท
สีแดงส้ม Sedona Orange + 10,000 บาท
สีฟ้า Blue Lightning
สีเทา Meteror Grey
สีเงิน Alumium metallic
สีดำ Absolute Black
สีบรอนซ์ Equinox Bronze
สีขาวมุก Snow Flake White Pearl + 10,000 บาท
สีแดงส้ม Sedona Orange + 10,000 บาท