จีนคาด! รถยนต์ BEV+PHEV จะมียอดขายทั่วโลก 16.5 ล้านคัน ในปีนี้ โตขึ้น 30% จากปีก่อน PHEV+REEV คาดรวมเกิน 8 ล้านคัน

สรุปรายงาน “เทรนด์ผู้บริโภครถยนต์พลังงานใหม่ 2024-2025” จากจีน
- ปี 2025: คาดยอดขาย NEV (รวมส่งออก) 16.5 ล้านคัน, โต 30%
- สัดส่วน NEV ในจีนปี 2030: ทะลุ 70%
- ตลาดรถเข้าสู่ยุค “เปลี่ยนคันเก่า” เป็นหลัก
- เมืองระดับล่างโตเร็ว ยอดขายพุ่ง 61%
- กลุ่มราคารถยอดนิยม: 1-1.5 แสนหยวน (≈ 4.6-6.9 แสนบาท)
- กลุ่ม Gen Z กลายเป็นกำลังซื้อหลัก
- ต้องการรถที่ “ฉลาด”, “สนุก”, “ไม่เหมือนใคร”
- 70% บอกว่า ระยะวิ่ง 400-500 กม. ก็พอแล้ว
- PHEV + REEV ปี 2025 คาดยอดขายรวมเกิน 8 ล้านคัน
- ระบบช่วยขับ L2 penetration > 50%
- ผู้บริโภค 30% ยอมจ่าย > 10,000 หยวน เพื่อฟีเจอร์ขับขี่อัจฉริยะ
- ห้องโดยสารอัจฉริยะใช้ AI + หน้าจอใหญ่ > 8 นิ้ว penetration > 70%
“สายพันธุ์ใหม่ แนวคิดใหม่ เทรนด์ใหม่” – เจาะลึกเทรนด์ผู้บริโภครถยนต์พลังงานใหม่ (ปี 2024-2025)
โดยสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าจีน (China EV100) และบริษัทที่ปรึกษา Rees Strategy Consulting | เผยแพร่วันที่ 14 พฤษภาคม
สมาคมรถยนต์ไฟฟ้าจีน (China EV100) และ Rees Strategy Consulting ได้ร่วมกันเผยแพร่รายงานเชิงลึกฉบับแรกที่มุ่งเน้นผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ภายใต้ชื่อ “สายพันธุ์ใหม่ แนวคิดใหม่ เทรนด์ใหม่ — เจาะลึกและคาดการณ์การบริโภครถยนต์พลังงานใหม่ ปี 2024-2025” ซึ่งรายงานนี้ใช้โมเดลวิเคราะห์จิตใต้สำนึกของผู้บริโภคของ Rees ในการเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมจากคนรุ่นใหม่ เพื่อชี้แนะแนวทางเชิงกลยุทธ์สู่การเติบโตคุณภาพสูงในอุตสาหกรรมรถยนต์
NEV โตต่อไม่หยุด – หลายเทคโนโลยีรองรับหลายความต้องการ
รายงานระบุว่าแม้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว แต่วิถีของรถยนต์พลังงานใหม่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่ายอดขาย NEV (รวมส่งออก) จะแตะ 16.5 ล้านคันในปี 2025 หรือเติบโต 30% โดยมีสัดส่วนการเจาะตลาดในประเทศเกิน 55% และภายในปี 2030 สัดส่วนนี้จะทะลุ 70%
นาย สือเจี้ยนหัว รองเลขาธิการสมาคมฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตลาด NEV อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง โดยความต้องการในการซื้อทดแทน (เปลี่ยนคันเก่า) กลายเป็นแรงขับหลัก ขณะเดียวกันตลาดกำลังขยายตัวสู่เมืองระดับ 3 ลงไป โดยยอดขายในเมืองล่างเติบโตสูงถึง 61% และช่วงราคายอดนิยมอยู่ที่ 1 – 1.5 แสนหยวน (ราว 467,000 – 694,000 บาท) อุตสาหกรรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุค “เทคโนโลยีเพื่อทุกคน”
ยุคของสมาร์ทรถ – เมื่อ AI เข้ามานั่งที่เบาะหน้า
“ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา NEV รัฐและต้นทุนที่ประหยัดคือแรงผลักดันสำคัญ แต่ต่อจากนี้ ‘ความฉลาด’ จะกลายเป็นพลังใหม่ของตลาด” เขากล่าว โดยอธิบายว่าอัตราการเปลี่ยนผ่านจากรถน้ำมันสู่รถไฟฟ้าจะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนพลังงาน แต่เป็นการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งานด้วย AI, อินเตอร์เฟสใหม่ และความปลอดภัยขั้นสูง
ปี 2023 ผู้ใช้รถที่เปลี่ยนคันใหม่มีสัดส่วนเกิน 50% และคาดว่าในปี 2030 ตัวเลขนี้จะพุ่งถึง 80% ขณะที่กลุ่ม Gen Z กลายเป็นผู้เล่นหลัก โดยมีความต้องการแบบเฉพาะตัว เช่น “ดีไซน์สนุก”, “โดดเด่น”, “ประสบการณ์ไม่เหมือนใคร” ซึ่งทำให้แบรนด์จีนที่ตอบโจทย์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีเข้ามาครองส่วนแบ่งตลาด คาดว่าปี 2030 แบรนด์จีนจะครองตลาดมากกว่า 65%
ปลั๊กอินไฮบริด และระบบ Range Extender เติบโตอย่างก้าวกระโดด
แม้รถ BEV (Battery EV) ยังคงเป็นกระแสหลัก แต่ในปี 2024 คาดว่าจะมียอดขายรถ PHEV ถึง 3.3 ล้านคัน และรถแบบ Range Extender (REEV) ถึง 1.18 ล้านคัน ซึ่งเติบโตมากกว่า 85% และรวมกันจะพุ่งเกิน 8 ล้านคันในปี 2025
เมื่อผู้บริโภคพร้อมจ่ายเพื่อความฉลาด
ระบบช่วยขับขี่ L2 (เช่น Adaptive Cruise Control + Lane Assist) มีอัตราเจาะตลาดเกิน 50% โดย 30% ของผู้บริโภคยินดีจ่ายเกิน 1 หมื่นหยวน (ราว 5 หมื่นบาท) เพื่อให้มีระบบนำทางอัตโนมัติ
ห้องโดยสารอัจฉริยะก็กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยมีอัตราใช้งานมากกว่า 70% ของรถใหม่ (ต้องมีหน้าจอกลางขนาด 8 นิ้วขึ้นไปและฟีเจอร์พื้นฐานอัจฉริยะครบ) ทั้งยังถูกผลักดันโดยเทคโนโลยี AI ขนาดใหญ่ (Large Language Models) ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใช้งานแบบ “คุยกับรถได้” จริง ๆ
Gen Z มาแล้ว: ศึกแย่งชิง “พื้นที่ในใจ” เริ่มต้นแล้ว
กลุ่มคน Gen Z ซึ่งมีจำนวนถึง 250 ล้านคน และมูลค่าการบริโภค 5.97 ล้านล้านหยวน กำลังกลายเป็น “หุ้นเติบโต” ในตลาด NEV
คุณ เหอซงซง หุ้นส่วนจาก Rees Consulting กล่าวว่า ศึกที่แท้จริงในตลาด NEV ไม่ได้อยู่ที่ราคาอีกต่อไป แต่คือ “การแย่งชิงพื้นที่ในจิตใจผู้บริโภค” โดยแนะนำว่า
- ต้องสร้าง หมวดหมู่ใหม่ ที่ยังไม่มีใครจับ เช่น SUV หรู 6 ที่นั่งอย่างที่ Li Auto ทำ
- ต้องเร่ง บุกตลาดโลก แล้วใช้พลังแบรนด์ระดับโลกกลับมาหนุนตลาดในประเทศ
คนรุ่นใหม่คิดแบบใหม่: ไม่ต้องวิ่ง 700 กม.
ในหมู่ Gen Z มีถึง 70% ที่บอกว่า ระยะทาง 400–500 กม. ก็พอแล้ว สำหรับใช้ชีวิตประจำวันหรือออกทริปใกล้ ๆ มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องการรถวิ่งไกลเกิน 600–700 กม.
ความสนใจต่อระบบช่วยขับขี่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปี 2023 (มีเพียง 5% ที่ให้ความสำคัญ) พอถึงกลางปี 2024 ตัวเลขพุ่งเป็น 12%
สามสนามรบของ NEV: จิตวิญญาณ – ตลาด – เทคโนโลยี
- จิตวิญญาณ (Mind): สร้างภาพจำใหม่ในใจลูกค้า
- ตลาด (Market): เจาะเมืองล่าง เจาะต่างประเทศ
- เทคโนโลยี (Tech): จาก “เครื่องยนต์-เกียร์-แพลตฟอร์ม” กลายเป็น “ชิป-อัลกอริทึม-ข้อมูล”
บทสรุป: ใครไวกว่า ชนะ
ยุคนี้ไม่ใช่แค่ใคร “ทำได้” แต่คือใคร “ทำก่อน” ในแบบที่ตรงใจผู้ใช้มากกว่า แบรนด์ที่เข้าใจ Z gen ลึกซึ้ง, สร้างประสบการณ์ใหม่ได้, และกล้าแตกต่างเท่านั้นที่จะรอดใน “ครึ่งหลังของสงคราม NEV”