10 อันดับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีนในปี 2024 BYD อัดเต็ม 240,226 ล้านบาท

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันวิจัย Zosi Automotive ได้เปิดเผยอันดับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีนในปี 2024 หลายบริษัทโดดเด่นด้วยการลงทุนจำนวนมากในงานวิจัยและพัฒนา
โดยที่ BYD มีงบวิจัยและพัฒนาสูงสุดถึง 53,190 ล้านหยวน หรือ 240,226 ล้านบาท ครองอันดับหนึ่ง ขณะที่ Xiaomi Group, SAIC Motor, NIO, Li Auto และ Geely ต่างก็อยู่ในกลุ่มต้น ๆ ด้วยงบประมาณวิจัยและพัฒนาที่สูงกว่า 10,000 ล้านหยวน หรือ 45,000 ล้านบาท
อันดับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัทรถยนต์จีนในปี 2024: Xiaomi คว้าอันดับสอง Li Auto เข้าสู่ท็อป 5
ภาพรวมของบริษัทที่ติดอันดับและงบวิจัยและพัฒนามีดังนี้
-
BYD: 53,190 ล้านหยวน = 240,226 ล้านบาท
-
Xiaomi Group: 24,050 ล้านหยวน = 108,560 ล้านบาท
-
SAIC Motor: 17,650 ล้านหยวน = 79,726 ล้านบาท
-
NIO: 13,040 ล้านหยวน = 58,900 ล้านบาท
-
Li Auto: 11,070 ล้านหยวน = 49,998 ล้านบาท
-
Geely: 10,420 ล้านหยวน = 47,071 ล้านบาท
-
Chery (ประมาณ): 9,950 ล้านหยวน = 44,940 ล้านบาท
-
Zeekr: 9,720 ล้านหยวน = 43,898 ล้านบาท
-
Great Wall Motors: 9,280 ล้านหยวน = 41,917 ล้านบาท
-
Dongfeng Motor Corporation: 8,600 ล้านหยวน = 38,831 ล้านบาท
จากข้อมูลสามารถแบ่งบริษัทที่ติดอันดับออกเป็นสองกลุ่มหลัก
-
บริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิม เช่น SAIC Motor, Changan Automobile, GAC Group ซึ่งมีประสบการณ์และฐานตลาดในอุตสาหกรรมรถยนต์มายาวนาน ในช่วงหลังพวกเขาได้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มการลงทุนด้านวิจัยในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและสมาร์ทเทคโนโลยี เพื่อรักษาความแข็งแกร่งในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
-
บริษัทรถยนต์นวัตกรรมใหม่ (New Energy Vehicle Startups) เช่น NIO, Li Auto, Xpeng ที่มุ่งเน้นพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและสมรรถนะสูง พวกเขามีโครงสร้างการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้รวดเร็ว
เหตุผลที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องลงทุนมหาศาลในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) มีหลายประการสำคัญ
-
การแข่งขันในตลาดสูงมาก ตลาดรถยนต์ปัจจุบันมีการแข่งขันดุเดือด ทั้งจากผู้เล่นเดิมและผู้ผลิตใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเติบโตรวดเร็ว หากไม่ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ บริษัทจะถูกทิ้งให้ตามหลังคู่แข่งและเสียส่วนแบ่งตลาดไป
-
การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและสมาร์ท โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ไปสู่รถไฟฟ้า (EV) และยานยนต์อัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี AI, การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และระบบขับขี่อัตโนมัติ ต้องใช้งบวิจัยสูงเพื่อพัฒนาแบตเตอรี่ ระบบขับเคลื่อน มอเตอร์ และซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน
-
การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นทั้งในเรื่องการปล่อยมลพิษ และความปลอดภัยของรถยนต์ ทำให้บริษัทต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ผ่านมาตรฐานเหล่านี้ ซึ่งต้องใช้งบวิจัยและทดสอบจำนวนมาก
-
สร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้สินค้า นวัตกรรมใหม่ช่วยให้รถยนต์มีความโดดเด่น ทั้งในเรื่องสมรรถนะ ความสะดวกสบาย และฟีเจอร์พิเศษต่าง ๆ ทำให้สามารถตั้งราคาสูงขึ้น และสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาด
-
ลดต้นทุนในระยะยาว แม้ลงทุนสูงในระยะแรก แต่การพัฒนาระบบและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและบำรุงรักษาในระยะยาว เช่น แบตเตอรี่ที่ทนทานขึ้น หรือระบบขับเคลื่อนที่ประหยัดพลังงาน
-
ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างรวดเร็ว
ตลาดยานยนต์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก การลงทุน R&D ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าและเทรนด์โลกได้ทันเวลา
สรุปได้ว่า อันดับการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีนในปี 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและการทุ่มเทของบริษัทต่าง ๆ ในการสร้างนวัตกรรมและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า
ในอนาคต ด้วยการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นและเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในงานวิจัยและพัฒนาของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง