Next-Gen Honda CIVIC เจนที่ 12 ใหม่ จะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดใหม่ อาจประหยัดแตะ 30 กม./ลิตร คาดเปิดตัวปี 2027

Next-Gen Honda CIVIC เจนที่ 12 ใหม่ จะมาพร้อมขุมพลังไฮบริดใหม่ อาจประหยัดแตะ 30 กม./ลิตร คาดเปิดตัวปี 2027
Spread the love
Advertisement Advertisement

Honda Civic เจน 11 ในไทย: จากวันเปิดตัวปี 2021 สู่ไมเนอร์เชนจ์ 2024 แล้วแต่ไปคือการปรับใหญ่ หรือเจนที่ 12 ที่คาดว่าจะมาพร้อมระบบไฮบริดเจนที่ 3 โฉมใหม่ในปี  2027 – 2028 โดยประมาณ

Honda Civic ถือเป็นคอมแพ็กต์ซีดานระดับไอคอนของตลาดไทยมานานกว่า 30 ปี และในยุคของ “เจเนอเรชันที่ 11 (รหัสตัวถัง FE)” Honda ตั้งใจยกระดับภาพลักษณ์ให้ “พรีเมียมขึ้น + สมดุลความสปอร์ต + ประหยัดน้ำมัน” โดยเฉพาะการเพิ่มขุมพลัง e:HEV เข้ามาครั้งแรก

ในไทย Civic เจน 11 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 6 สิงหาคม 2021 ก่อนจะมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในวันที่ 1 สิงหาคม 2024 ตามลำดับ รอบการปรับใหญ่คือ 4 – 5 ปีครั้งโดยประมาณดังนั้นปี 2027 เป็นต้นไปเราน่าจะได้เห็นของใหม่ อัตราประหยัดของ CIVIC e:HEV โฉมใหม่ อาจแตะระดับ 30 กม./ลิตรได้เลย

ระบบไฮบริดสองมอเตอร์ของ Honda ที่เรียกว่า e:HEV ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2020

ระบบ e:HEV เป็นระบบไฮบริดแบบสองมอเตอร์ของ Honda Motor Co., Ltd. ที่พัฒนามาจากระบบ i‑MMD (Intelligent Multi-Mode Drive) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในรุ่น Honda Accord Hybrid ในปี 2013

ส่วนชื่อ «e:HEV» ถูกตั้งขึ้นในช่วงปลายปี 2018-2019 เพื่อใช้เป็นแบรนด์สำหรับระบบไฮบริดสองมอเตอร์ของ Honda ในตลาดต่างประเทศในยุคถัดไป

Honda เองเรียก “Next-Generation e:HEV” (รุ่นถัดไป) ที่จะมีการพัฒนาเพิ่มเติม เช่น เครื่องยนต์ใหม่, มอเตอร์กำลังสูงขึ้น, ระบบขับเคลื่อน AWD ไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งแสดงว่า “เจน” ของระบบมีการอัปเกรดเป็นระยะ

ดังนั้น ถ้าถามว่า “เจนเท่าไหร่” — สามารถกล่าวได้ว่า ระบบ e:HEV อยู่ในเจนที่ 1–2 ขึ้นอยู่กับนิยามของ “เจน”

  • เจน 1: ระบบ i-MMD/สองมอเตอร์เริ่มตั้งแต่ 2013
  • เจน 2: ระบบที่ใช้แบรนด์ e:HEV ซึ่งเริ่มราว 2019-2020
  • เจน 3: “Next-Generation e:HEV” ที่ Honda กำลังพัฒนา (อนาคต)

Next-Gen Honda Hybrid & EV (เจนที่ 3) แพลตฟอร์มใหม่เบากว่า 90 kg / เครื่อง V6 ไฮบริด / Super-ONE EV รุ่นผลิตจริง

Honda เปิดเผยเทคโนโลยีรถยนต์ยุคใหม่ในงาน Four-Wheel Technology Workshop รวมแพลตฟอร์มไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ เบาลง 90 กก., ระบบไฮบริด V6 สำหรับรถใหญ่ตลาดอเมริกา และ Super-ONE EV รถไฟฟ้าขนาดเล็กสปอร์ตฟีล

Honda กำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุค “หลังปี 2026” ด้วยยุทธศาสตร์ที่แตกต่างจากหลายค่าย โดยไม่ทิ้งรถเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิมไปทันที แต่เลือก “ต่อยอดไฮบริด” ควบคู่กับการพัฒนา EV อย่างจริงจัง ในงาน Honda Four-Wheel Technology Workshop (6 พฤศจิกายน 2025) บริษัทจึงเปิดเผย 3 เทคโนโลยีหลักที่ถูกมองว่าเป็น “ตัวกำหนดดีเอ็นเอ Honda ยุคใหม่” ทั้งด้านสมรรถนะ ความสนุกในการขับ และความยั่งยืน

Advertisement Advertisement

หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีใหม่นี้ ไม่ได้อยู่แค่ “ประหยัดพลังงาน” แต่คือการคงไว้ซึ่งสิ่งที่ Honda เรียกว่า “Enjoy the Drive” — ความสนุกในการขับรถแบบ Honda แท้ๆ ไม่ว่าพลังงานจะมาจากเครื่องยนต์เบนซิน ไฮบริด หรือมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน

Honda จึงตั้งเป้าใหญ่ระดับองค์กร:

  • คาร์บอนนิวทรัล 100% ภายในปี 2050

  • ศูนย์ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับ Honda ภายในปี 2050

ในอีกด้านหนึ่ง Honda ยอมรับว่าตลาดโลกกำลังแยกเป็นสองวงจรใหญ่:

  • EV เติบโตเร็วในจีน–ยุโรป–อังกฤษ

  • ไฮบริดยังเป็น “หมากสำคัญ” ในอเมริกา–เอเชีย–ญี่ปุ่น

นี่คือเหตุผลที่ Honda เปิดทั้งแพลตฟอร์มไฮบริดยุคใหม่, ระบบ V6 ไฮบริดสำหรับรถใหญ่ และรถไฟฟ้าขนาดเล็ก Super-ONE ไปพร้อมกัน

Honda เตรียมเปลี่ยนเกมยุคใหม่ (ภาพรวม 2026–2030)

  • ไฮบริด = หัวหอกก่อน EV เต็มตัว

  • EV รุ่นเล็ก = จุดเริ่มต้นใหม่ ไม่แข่งพลังงาน แต่แข่ง “อารมณ์การขับขี่”

  • รถใหญ่ตลาดอเมริกา = ไฮบริด V6 แรงกว่าเบนซิน แต่ประหยัดขึ้น 30%

แนวทางนี้ต่างจาก Toyota ที่แบ่งเป็น “รถไฮบริด + EV หลายขนาด” หรือ BYD ที่เดินหน้า EV เป็นหลัก Honda เลือก “ขับสนุกเป็น DNA ก่อน แล้วค่อยแก้โจทย์พลังงานตาม”

แพลตฟอร์มไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ เบากว่า 90 kg / โครงสร้างใหม่ / Modular 60%

น้ำหนักลด 90 กิโลกรัม แต่ความแข็งแรงเพิ่ม

แพลตฟอร์มใหม่นี้จะเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 บนรถไฮบริดรุ่นใหม่หลายรุ่น (คาดว่า CR-V, Accord, Civic รุ่นถัดไป) เทคนิคหลักคือการใช้ “New Handling Rigidity Management” → ไม่ใช่การทำตัวถังแข็งเพียงอย่างเดียว แต่ “ทำให้โครงสร้างบิดตัวในทิศที่ควบคุมได้” เพื่อเพิ่มแรงกดล้อเวลาเข้าโค้ง

ผลลัพธ์คือ

  • น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 90 kg
  • เปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วง, การกระจายน้ำหนัก, ฟีลลิ่งการบังคับพวงมาลัย
  • ขับสนุก + ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นพร้อมกัน

Modular Architecture ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันมากกว่า 60%

ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการพัฒนารถใหม่ → Honda สามารถสร้าง “หลายตัวถัง หลายบุคลิก” บนโครงเดียวกัน เหมือน MQB ของ Volkswagen หรือ TNGA ของ Toyota

Motion Management System — จากหุ่นยนต์สู่รถยนต์

Honda นำระบบควบคุมท่าทางที่ใช้ใน “หุ่นยนต์ ASIMO” มาประยุกต์ในรถยนต์ ทำงานร่วมกับ Agile Handling Assist (ระบบช่วยเข้าโค้งใน Accord / Prelude ใหม่) และเพิ่ม Pitch Control ช่วยคุมอาการหน้าทิ่ม–ท้ายยกระหว่างเข้าโค้ง/เบรก → ทำให้ผู้ขับ “รู้สึกว่ารถตอบสนองเร็วขึ้น แต่ยังคุมได้ง่าย”

 

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้