เผยข้อมูล กระบะ GWM POER SAHAR ดีเซล 2.4T + เกียร์ 9AT เปิดตัวในงาน Motor EXPO 2025

NEW GWM POER SAHAR DIESEL กระบะดีเซล 2.4T + เกียร์ 9AT โจทย์ใหม่ของตลาดกระบะพรีเมียม ก่อนเปิดราคาจริง Motor Expo 2025
กรุงเทพฯ – 7 พฤศจิกายน 2568 GWM (Thailand) ประกาศยกระดับเข้าสู่ตลาดกระบะพรีเมียมอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว NEW GWM POER SAHAR DIESEL รถกระบะขนาดใหญ่สมรรถนะสูง ที่มาพร้อมขุมพลังดีเซลเทอร์โบเจเนอเรชันใหม่ ขนาด 2.4 ลิตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด และโครงสร้างตัวถังที่แชร์พื้นฐานเดียวกับ TANK Series ซึ่งเป็นตระกูลรถออฟโรดระดับเรือธงของ GWM
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ GWM ส่งกระบะเข้ามาทำตลาดไทย — แต่เป็นครั้งแรกที่ GWM เลือก “ดีเซล” เป็นพระเอก โดยวางตำแหน่งให้ POER SAHAR เป็น “กระบะพรีเมียมแนวไลฟ์สไตล์แบบเต็มตัว” แทนที่จะเป็น “กระบะเชิงพาณิชย์หรือใช้งานหนักแบบดั้งเดิม” ซึ่งเป็นโมเดลที่ผู้เล่นจากญี่ปุ่นครองตลาดมานานหลายทศวรรษ
POER SAHAR จึงเป็นก้าวสำคัญของ GWM ในการท้าทายตลาดกระบะไทย — ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นตลาดเดียวที่ “ยอมรับกระบะเป็นรถครอบครัวและรถเอนกประสงค์” มากกว่าหลายประเทศทั่วโลก
GWM กับเป้าหมาย “All Powertrains – All Users”
ตลอดช่วง 4 ปีที่ GWM เข้าทำตลาดไทย แบรนด์จีนรายนี้สร้างภาพจำในกลุ่ม EV และ Hybrid เป็นหลัก เช่น Haval H6, Ora Good Cat หรือ Tank 300 ที่เริ่มมีฐานแฟนแนวออฟโรดอยู่บ้าง แต่ในตลาดกระบะ GWM ยังไม่ได้สร้าง “ความเชื่อมั่นด้านสมรรถนะและความทนทาน” มากพอสำหรับผู้ใช้ไทยซึ่งคุ้นชินกับ Ranger, Hilux, Triton และ D-Max มาเป็นเวลานาน
POER SAHAR จึงเป็นโมเดลที่ถูกวางให้ทำหน้าที่ “พิสูจน์แบรนด์” ในตลาดที่คนไทยจริงจังที่สุด — ตลาดกระบะ
กลยุทธ์ใหม่นี้ของ GWM ถูกสรุปในคอนเซปต์ 3 คำ
All Scenarios – All Powertrains – All Users ครอบคลุมทุกการใช้งาน ด้วยทุกทางเลือกพลังงาน เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกกลุ่ม
ก่อนหน้านี้ GWM เปิดเผยว่าแผนตลาดรถกระบะในไทยจะมีครบ 3 พลังงาน ได้แก่
| รูปแบบพลังงาน | สเตตัสในไทย |
|---|---|
| ดีเซล 2.4T | เปิดตัวแล้ว (POER SAHAR) |
| ไฮบริดดีเซล / เบนซิน | มีแผนเผยโฉมหลังปี 2569 |
| BEV (กระบะไฟฟ้า) | ยังไม่เข้าตลาดไทยก่อน 2570 |
การเริ่มต้นด้วย “ดีเซลเทอร์โบ + เกียร์ 9AT” จึงเป็นการเลือกจุดที่ “ตลาดไทยยอมรับง่ายที่สุด” ก่อนเริ่มขยับไปสู่พลังงานใหม่
เครื่องยนต์ 2.4T + เกียร์ 9AT ขุมพลังใหม่จากตระกูล Tank
หัวใจหลักของ POER SAHAR คือเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร (2.4T) เจเนอเรชันใหม่ ที่พัฒนาร่วมแพลตฟอร์มกับ TANK 300 Diesel และ TANK 500 Diesel ซึ่งเปิดตัวในไทยก่อนหน้า
ข้อมูลหลัก (ตามประกาศของ GWM Thailand)
-
กำลังสูงสุด: 184 แรงม้า
-
แรงบิดสูงสุด: 480 นิวตันเมตร @ 1,500–2,500 rpm
-
เทอร์โบ: VGT (Variable Geometry Turbo)
-
หัวฉีด: High-pressure 2,000 bar
-
เกียร์อัตโนมัติ: 9 สปีด (9AT) อัตราทดรวม 8.843
-
ความเร็ว 90 กม./ชม. สามารถเข้าเกียร์ 9 (ช่วยลดรอบเครื่อง / NVH / ประหยัดน้ำมัน)
-
ถังน้ำมัน: 78 ลิตร
-
ระยะทางต่อถัง (NEDC): มากกว่า 1,000 กม.
สิ่งที่น่าสนใจคือ “ลักษณะการปรับบุคลิกของเครื่องยนต์” — ไม่ได้เน้นแรงม้าสูงสุดแบบรถสปอร์ต แต่เน้น “แรงบิดมาเร็วตั้งแต่รอบต่ำ” ให้ฟีลพลังดึงหนักและใช้รอบเครื่องต่ำบนเกียร์สูงเพื่อความประหยัด
แม้แรงม้าและแรงบิดจะยังไม่ใช่ตัวเลขที่มากที่สุดในเซกเมนต์ แต่สิ่งที่ GWM ต้องการชูคือ ความนิ่ง / ความเงียบ / ความนุ่มระหว่างเดินทางไกล ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้กระบะพรีเมียมเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้น
มิติตัวถัง / ความสามารถเชิงออฟโรด
POER SAHAR ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “กระบะขนาดใหญ่” ใกล้เคียง Ford Ranger / Triton ใหม่ / RAM 1500 ในบางด้าน
| รายการ | ค่า |
|---|---|
| ความยาว | 5,445 มม. |
| ความกว้าง | 1,991 มม. |
| ความสูง | 1,924 มม. |
| ฐานล้อ | 3,350 มม. |
| ระยะความสูงใต้ท้อง | 224 มม. |
| ลุยน้ำ | 800 มม. |
สำหรับรุ่น 4WD มีโหมดให้เลือก 3 แบบ
-
2H (2 ล้อหลัง) – ขับในเมือง / ถนนแห้ง
-
4H (4 ล้อ) – ขับบนพื้นลื่น / ฝน / กรวด
-
4L (Low-Range) – อัตราทดต่ำสำหรับออฟโรดหนัก
จุดเด่นที่แตกต่างจากกระบะค่ายญี่ปุ่นคือระบบกล้อง 360 องศา + Body Transparent หรือ มุมมองภาพ “ทะลุใต้ท้องรถ” ซึ่งปัจจุบันแทบไม่พบในรถกระบะที่จำหน่ายไทย
ภายใน โทนพรีเมียม + ฟังก์ชันใหญ่กว่ากระบะทั่วไป
แม้ GWM จะยังไม่เปิดราคา แต่เห็นได้ชัดว่า POER SAHAR ตั้งใจเข้ากลุ่ม “Premium Comfort Pickup” มากกว่า “Work Horse Pickup”
จุดที่ทำให้แตกต่างคือ
-
จอสัมผัส 12.3 นิ้ว (รุ่น PRO) / 14.6 นิ้ว (รุ่น ULTRA)
-
เกียร์ควบคุมไฟฟ้าแบบ Electronic Shifter
-
เบาะหนังสังเคราะห์พรีเมียม
-
เบาะหลังเอนได้ 33° (มากกว่ากระบะทั่วไป)
-
เบาะพับ 40:20:40 พร้อมที่วางแก้ว
-
ระบบแอร์อัตโนมัติแยกซ้าย–ขวา
-
ช่องชาร์จ 220V ภายในรถ
-
Wireless Charger + USB หน้า–หลัง
-
Smart Key + Push Start
นี่คือแนวคิดที่พยายามทำให้กระบะ “ใกล้เคียงรถ SUV มากขึ้น” โดยลดความกระด้าง เพิ่มความเป็นรถครอบครัวหรือรถใช้งาน 7 วัน
เทคโนโลยีความปลอดภัย / ADAS
GWM ยังคงเป็นแบรนด์ที่ใช้ “อุปกรณ์ให้เยอะกว่า” เป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญ POER SAHAR มาพร้อมระบบช่วยขับสูงสุดถึง 26 ฟังก์ชัน (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) เช่น
-
Adaptive Cruise Control พร้อมฟังก์ชันเข้าโค้งอัจฉริยะ (ACC with Curve Control)
-
AEB ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
-
LKA ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
-
Blind Spot Monitoring
-
Door Open Warning
-
360 Camera + Body Transparent
โครงสร้างรถใช้เหล็กแรงดึงสูงกว่า 64.3% ของพื้นที่โครงสร้างทั้งหมด หลังคารับแรงกดได้ 4.88 เท่าของน้ำหนักรถ ค่าต้านบิด: 61,118 Nm/° ค่าต้านดัด: 26,163 Nm/mm ตัวเลขพวกนี้สะท้อนว่ารถถูกออกแบบตามมาตรฐานระดับ SUV ออฟโรด ไม่ใช่กระบะเชิงพาณิชย์แบบดั้งเดิม
ทำไม GWM ไม่เปิดตัว “ไฮบริด” หรือ “กระบะไฟฟ้า” ก่อน?
หลายคนคาดว่า GWM จะดัน “กระบะไฟฟ้า” เข้าตลาดก่อน เพราะเป็นภาพจำของแบรนด์ แต่ในแง่ธุรกิจ มีเหตุผลสำคัญ 3 ประการ:
1. โครงสร้างตลาดไทย “ยังต้องการดีเซล”
-
90% ของตลาดกระบะในไทยยังเป็นเครื่องดีเซล
-
EV Pickup ยังมีข้อจำกัดทั้งน้ำหนักแบต, ช่วงล่าง, ภาษี, โครงสร้างชาร์จ
2. ผู้ใช้กระบะไทยให้ความสำคัญกับ “ความทน – แรงบิด – อะไหล่”
-
กลุ่มกระบะไม่ใช่กลุ่ม Early EV Adoption
-
ความเชื่อมั่นเครื่องยนต์สันดาปยังเป็นตัวแปรหลัก
ดีเซลเป็นจุดเริ่มที่ “ปลอดภัยที่สุด” สำหรับ GWM ในตลาดนี้
-
ช่วยสร้างเครดิตว่า “กระบะจีนก็ทนได้”
-
ลดความกังวลหลังกรณี Ora Good Cat (อะไหล่ / ศูนย์บริการ / เงื่อนไขหลังการขาย)
โฟกัสกลุ่มลูกค้า ไม่ใช่ชาวไร่ แต่เป็น “Weekend Lifestyle”
จากการวางตำแหน่งสินค้า POER SAHAR ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่ม:
-
ลูกค้าที่เดิมเคยใช้กระบะ แต่ต้องการความพรีเมียมมากขึ้น
-
กลุ่มที่ใช้รถเพื่อ “งาน + ไลฟ์สไตล์” มากกว่าขนหนัก
-
กลุ่มแคมป์ปิ้ง / Outdoor / ลากเรือ / ลากคาราวาน
-
ผู้ที่เลือก Ford Ranger Wildtrak, Triton Premium, Hilux GR Sport แต่ต้องการออปชันมากกว่า
แผนเปิดตัวและรุ่นย่อย
POER SAHAR Diesel เปิดตัวในไทย 3 รุ่นย่อย
-
2.4T PRO DOUBLE CAB AUTO
-
2.4T ULTRA DOUBLE CAB AUTO
-
2.4T ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD
สีตัวถัง: ดำ / ขาว / เทา
กำหนดเผยราคาอย่างเป็นทางการ: Motor Expo 2025 – 29 พฤศจิกายน 2568
