32 ล้านล้านบาท แพ็กเกจค่าตอบแทนครั้งใหม่ของซีอีโอ Elon Musk ถ้าทำได้ตามเป้าที่กำหนด สำเร็จ

32 ล้านล้านบาท แพ็กเกจค่าตอบแทนครั้งใหม่ของซีอีโอ Elon Musk ถ้าทำได้ตามเป้าที่กำหนด สำเร็จ
Spread the love
Advertisement Advertisement

Tesla กดโหมด “Ludicrous” ผู้ถือหุ้นไฟเขียว! แพ็กเกจค่าตอบแทน Elon Musk มูลค่ากว่า 32 ล้านล้านบาท “ดีลล้านล้านดอลลาร์” ที่อาจเขียนนิยามใหม่ให้วงการยานยนต์โลก

ดีลระดับประวัติศาสตร์ —มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 32 ล้านล้านบาท)

ผู้ถือหุ้นของ Tesla ได้ลงมติเห็นชอบในแพ็กเกจค่าตอบแทนครั้งใหม่ของซีอีโอ Elon Musk มูลค่าสูงสุดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 32.39 ล้านล้านบาทไทย หากทำตามเป้าหมายที่กำหนดได้สำเร็จ ซึ่งมากกว่าดีลเดิมในปี 2018 ที่มีมูลค่า 56 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) ถึงเกือบ 20 เท่า

ดีลนี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นกว่า 75% ของคะแนนโหวตทั้งหมด โดย Musk ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ราว 15% ของบริษัทก็มีสิทธิ์ออกเสียงด้วย

เงื่อนไขสุดโหด จาก 20 ล้านคัน สู่มูลค่าบริษัท 8.5 ล้านล้านดอลลาร์

แพ็กเกจใหม่นี้จะทยอยปลดล็อกเป็นช่วง ๆ ตามเป้าหมายที่ Tesla ต้องทำให้สำเร็จภายใน 10 ปีข้างหน้า ได้แก่

  • ผลิตและส่งมอบรถยนต์ ครบ 20 ล้านคันบนท้องถนนทั่วโลก
  • เปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) อย่างน้อย 1 ล้านคัน
  • ทำให้มูลค่าบริษัทแตะระดับระหว่าง 2 ล้านล้าน ถึง 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

หากสำเร็จทั้งหมด Musk จะได้รับค่าตอบแทนเต็มจำนวน ซึ่งถือเป็น ข้อตกลงค่าจ้างสูงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์

ปมขัดแย้งในอดีต ศาล Delaware เคยเพิกถอนดีลเก่า

ดีลก่อนหน้านี้มูลค่า 56 พันล้านดอลลาร์ เคยถูกศาลรัฐ Delaware เพิกถอนถึงสองครั้งในปี 2024 เนื่องจากมีข้อสงสัยว่ากรรมการของ Tesla มีความใกล้ชิดกับ Musk มากเกินไป จนไม่อาจถือว่าเป็น “การต่อรองอย่างเป็นธรรม” ได้

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการชุดปัจจุบันที่มี Robyn Denholm เป็นประธาน ได้ยืนยันว่า การอนุมัติครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการโปร่งใส และเตือนว่าหากดีลนี้ไม่ผ่าน Musk อาจตัดสินใจ “เดินออกจาก Tesla” เพราะมองว่าเป็นการไม่ไว้วางใจในความเป็นผู้นำของเขา

 Elon Musk “อนาคตของ Tesla คือ AI และหุ่นยนต์”

หลังผลโหวตประกาศอย่างเป็นทางการ Musk ขึ้นเวทีในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี พร้อมประกาศทิศทางใหม่ของบริษัท โดยย้ำว่า AI และ Robotics คือหัวใจของอนาคต Tesla

เขาเผยว่าโครงการ Optimus Robot จะกลายเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Tesla” โดยต้นแบบเวอร์ชัน 3 จะเปิดตัวในปี 2026 และบริษัทตั้งเป้าผลิตได้ถึง 100 ล้านตัวต่อปีในอนาคต

Advertisement Advertisement
  • โรงงาน Fremont (California): ผลิตหุ่นยนต์ได้ 1 ล้านตัว/ปี

  • โรงงาน Austin (Texas): ขยายกำลังผลิตได้ถึง 10 ล้านตัว/ปี

อย่างไรก็ตาม Tesla ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจะไปถึงเป้าหมายนี้ได้จริง เพราะหลายโครงการของ Musk เช่น Robotaxi ปี 2020 และ รถบรรทุก Tesla Semi ต่างเลื่อนเปิดตัวมาหลายปี

รถยนต์ไฟฟ้ายังเป็นรายได้หลัก

แม้ Musk จะมุ่งหน้าสู่หุ่นยนต์ แต่ในปัจจุบัน Tesla ยังคงพึ่งพารายได้จาก รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหลัก โดยเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า

ปี 2026 จะเป็นปีที่ Cybercab — รถแท็กซี่ไฟฟ้าไร้คนขับแบบ 2 ที่นั่ง — เริ่มเข้าสู่สายการผลิตในเดือนเมษายน และจะเข้าร่วมในกอง Robotaxi ของบริษัทในบางเมืองของสหรัฐฯ โดย Cybercab จะไม่มีคนขับสำรองเลยแม้แต่คนเดียว

ยอดขายโลกสะดุด BYD แซงขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง

จนถึงเดือนกันยายน 2025 ยอดขายทั่วโลกของ Tesla อยู่ที่ 1.22 ล้านคัน ลดลงราว 6% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ BYD คู่แข่งจากจีนทำยอดขายพุ่งขึ้นถึง 1.61 ล้านคัน (+37%)

นี่สะท้อนให้เห็นว่า “สงคราม EV โลก” กำลังพลิกขั้วอย่างรวดเร็ว โดยจีนกำลังครองความได้เปรียบทั้งด้านราคา เทคโนโลยีแบตเตอรี่ และสายการผลิตในประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงประเทศไทย

มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่งของโลก มูลค่าทรัพย์สินกว่า 15.6 ล้านล้านบาท

จากข้อมูล Forbes Real-Time Billionaires List (พฤศจิกายน 2025) Elon Musk ยังคงครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 482 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.6 ล้านล้านบาท)
เหนือกว่า

บุคคล มูลค่าทรัพย์สิน (ดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นเงินบาทโดยประมาณ
Larry Ellison (ผู้ก่อตั้ง Oracle) 295 พันล้าน USD 9.55 ล้านล้านบาท
Jeff Bezos (ผู้ก่อตั้ง Amazon) 255 พันล้าน USD 8.26 ล้านล้านบาท
Larry Page (ผู้ร่วมก่อตั้ง Google) 230 พันล้าน USD 7.45 ล้านล้านบาท
Sergei Brin (ผู้ร่วมก่อตั้ง Google) 214 พันล้าน USD 6.93 ล้านล้านบาท

 วิเคราะห์ Tesla ยุคใหม่ของ “AI + หุ่นยนต์” หรือแค่ภาพฝัน?

แม้ Musk จะถูกยกให้เป็นนักนวัตกรรมแห่งศตวรรษ แต่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า Tesla จะสามารถเปลี่ยนจาก “บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” ไปสู่ “บริษัทเทคโนโลยีหุ่นยนต์ระดับโลก” ได้จริงหรือไม่

  • ฝั่งผู้สนับสนุนเชื่อว่า Musk มองไกลกว่าคู่แข่ง และมีศักยภาพพลิกอุตสาหกรรมเหมือนที่เคยทำกับ EV

  • ฝั่งนักวิเคราะห์บางรายกลับมองว่าดีลค่าตอบแทนระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการ “สร้างแรงจูงใจที่เกินจริง” และอาจทำให้ภาพลักษณ์บริษัทเสี่ยงต่อแรงกดดันจากผู้ถือหุ้นรายย่อย

อย่างไรก็ตาม Tesla ยังคงเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจสูงสุดในยุคเทคโนโลยีใหม่ และชื่อ Elon Musk ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ “ความบ้าคลั่งที่เปลี่ยนโลก”  ทั้งในแง่ดีและร้าย

carexpert

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้