ขาดทุน EV กว่า 6.2 แสนล้านบาท Ford ยอมเจ็บครั้งประวัติศาสตร์ หยุเผลิต EV ขนาดใหญ่ ยอมรับโครงการไปไม่รอด

ขาดทุน EV กว่า 6.2 แสนล้านบาท Ford ยอมเจ็บครั้งประวัติศาสตร์ หยุเผลิต EV ขนาดใหญ่  ยอมรับโครงการไปไม่รอด
Spread the love
Advertisement Advertisement

Ford ถอยจาก EV ครั้งประวัติศาสตร์ บันทึกขาดทุนกว่า 6.1 แสนล้านบาท สะท้อนจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมรถยนต์โลก

การตัดสินใจของ Ford Motor Company ในการชะลอและยุติโครงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายรายการ ไม่ได้เป็นเพียงการปรับกลยุทธ์ภายในองค์กรเท่านั้น แต่กำลังสะท้อนถึง จุดเปลี่ยนเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก หลังจากกระแส EV ที่เคยเติบโตอย่างร้อนแรง เริ่มเผชิญกับความจริงด้านต้นทุน ดีมานด์ และข้อจำกัดเชิงนโยบาย

Ford ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะบันทึกรายการพิเศษทางการเงิน (Special Items) รวมมูลค่าสูงถึง 19.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 612,885 ล้านบาท จากการปรับโครงสร้างสินทรัพย์ EV และแผนผลิตภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวเลขการขาดทุนจาก EV ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมรถยนต์

EV ไม่ได้ล้มเหลว แต่ “EV ขนาดใหญ่” กำลังไม่คุ้ม

Ford ระบุชัดเจนว่า บริษัทจะ ไม่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่บางรุ่น ที่เคยวางแผนไว้ เนื่องจากกรณีธุรกิจ (Business Case) ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ ปัจจัยหลักมาจาก

  • ความต้องการของตลาดต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
  • ต้นทุนแบตเตอรี่และวัตถุดิบที่ยังสูง
  • ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ
  • การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและเงินอุดหนุนจากรัฐ

สิ่งนี้สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “รถไฟฟ้า” โดยตรง แต่เป็น EV ขนาดใหญ่ ราคาสูง น้ำหนักมาก และต้นทุนสูง ซึ่งยากต่อการทำกำไรในสภาวะตลาดปัจจุบัน

F-150 Lightning จากสัญลักษณ์ EV สู่บทเรียนราคาแพง

Ford F-150 Lightning เคยถูกวางตัวเป็นสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้าเต็มรูปแบบของ Ford แต่ในความเป็นจริง ยอดขายและต้นทุนไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวัง

Ford ไม่ได้ประกาศยุติชื่อ Lightning อย่างเป็นทางการ แต่ยอมรับโดยนัยว่า เวอร์ชันไฟฟ้าล้วน (BEV) ไม่สามารถสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจได้ และมีแนวโน้มว่า F-150 Lightning จะถูก “รีบูต” ใหม่ในอนาคตในรูปแบบ

  • รถกระบะไฟฟ้าพร้อมเครื่องยนต์ขยายระยะทาง (Range-Extended EV)
  • ลดขนาดแบตเตอรี่
  • ควบคุมต้นทุนให้ใกล้เคียงรถเครื่องยนต์

แนวคิดนี้สะท้อนว่า แม้ตลาดจะต้องการพลังงานไฟฟ้า แต่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงจาก BEV เต็มรูปแบบในรถใช้งานหนัก

รถตู้ไฟฟ้า โครงการที่ถูกยกเลิกทั้งสองฝั่งโลก

อีกหนึ่งการตัดสินใจสำคัญคือ การยกเลิกโครงการรถตู้พาณิชย์ไฟฟ้าในยุโรป และการยุติแผนรถตู้ไฟฟ้าในอเมริกาเหนือ Ford ยอมรับว่า ตลาดรถพาณิชย์ให้ความสำคัญกับ

  • ต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน (TCO)
  • ความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • ความเร็วในการเติมพลังงาน

ซึ่ง EV ยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมดในโลกความเป็นจริง

Advertisement Advertisement

โครงการใหม่จะถูกแทนที่ด้วย รถตู้เชิงพาณิชย์ราคาจับต้องได้ ที่มีทั้งเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริด ผลิตที่ Ohio Assembly Plant เมือง Avon Lake เริ่มในปี 2029

Universal EV Platform EV ต้องถูกและเล็กจึงจะรอด

แม้จะถอยจาก EV ขนาดใหญ่ Ford ยังคงเชื่อมั่นว่า EV ขนาดเล็ก ราคาจับต้องได้ ยังมีอนาคต โดยจะพัฒนาบน Universal EV Platform

จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือ

  • โครงสร้างเรียบง่าย
  • ต้นทุนต่ำ
  • ใช้แบตเตอรี่ LFP
  • เหมาะกับตลาดแมส

Ford ตั้งเป้าราคาเริ่มต้นราว 30,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 943,000 บาท โดยรถรุ่นแรกจะเปิดตัวในปี 2027

Hybrid + REEV กลายเป็น “ทางสายกลาง” ของโลกยานยนต์

Ford ประกาศชัดว่าอนาคตจะไม่ยึดติดกับขุมพลังแบบเดียว แต่จะ ขยายทางเลือก Multi-Energy ให้สอดคล้องกับความต้องการจริงของลูกค้า บริษัทคาดว่าภายในปี 2030 รถเครื่องยนต์ ไฮบริด และ Range-Extended EV จะมีสัดส่วนรวมกันประมาณ 50% ของยอดขายทั่วโลก จากปัจจุบันที่อยู่เพียง 17%

ไฮบริดรุ่นใหม่ของ Ford จะมีอะไรบ้าง?

  • ไฮบริดเน้นความประหยัดสำหรับตลาดแมส
  • ไฮบริดสมรรถนะสูงสำหรับรถกระบะและ SUV
  • ไฮบริดที่รองรับการจ่ายไฟออกภายนอก (Exportable Power)

เทคโนโลยีจ่ายไฟจากรถกำลังได้รับความนิยมสูงในกลุ่มลูกค้าอเมริกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินและการใช้งานกลางแจ้ง

Range-Extended EV อนาคตของรถขนาดใหญ่

Ford ระบุว่า F-150 Lightning เจเนอเรชันที่ 2 จะมาพร้อมระบบ Range-Extended และแนวคิดนี้จะถูกนำไปใช้กับ SUV ขนาดใหญ่

รุ่นที่มีความเป็นไปได้สูง ได้แก่

  • Ford Expedition
  • Lincoln Navigator

ซึ่งสะท้อนชัดว่า BEV 100% อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับรถขนาดใหญ่ในทศวรรษนี้

เปลี่ยนโรงงาน EV เป็นโรงงานกระบะน้ำมัน

การเปลี่ยนชื่อ Tennessee Electric Vehicle Center เป็น Tennessee Truck Plant คือสัญลักษณ์ชัดเจนของการเปลี่ยนทิศทาง โรงงานแห่งนี้จะผลิตรถกระบะเครื่องยนต์สันดาปราคาจับต้องได้ เริ่มในปี 2029 แทนแผนเดิมที่ตั้งใจผลิต F-150 Lightning รุ่นใหม่

ธุรกิจแบตเตอรี่ ทางรอดของการลงทุน EV

Ford ไม่ได้ทิ้งแบตเตอรี่ แต่เปลี่ยนสนามแข่งขัน โดยเปิดตัว ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System) โรงงาน Glendale, Kentucky จะผลิตระบบกักเก็บพลังงานขนาด 5 MWh+ พร้อม

  • แบตเตอรี่ LFP Prismatic
  • โมดูลแบตเตอรี่
  • ตู้คอนเทนเนอร์ DC 20 ฟุต

ขณะที่ BlueOval Battery Park รัฐ Michigan จะผลิตระบบกักเก็บพลังงานสำหรับบ้านเรือน และแบตเตอรี่สำหรับ EV ขนาดเล็ก

บทสรุป EV ไม่หายไป แต่โลกกลับสู่ความเป็นจริง

คำกล่าวของ Jim Farley สะท้อนภาพชัดเจนว่า Ford เลือก ความอยู่รอดและกำไร มากกว่าภาพลักษณ์

การถอยจาก EV ขนาดใหญ่ของ Ford ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือ บทเรียนราคาแพง ที่บอกอุตสาหกรรมโลกว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงานต้องเดินอย่างสมดุล ไม่ใช่สุดโต่ง ในโลกความเป็นจริง Hybrid + Range-Extended อาจเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดในอีก 10 ปีข้างหน้า

Carscoop

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้