รองประธาน GEELY : กล่าวว่า ยานยนต์จีนกำลังเผชิญปัญหา การเลียนแบบกระแสอย่างไม่ลืมหูลืมตา

รองประธาน GEELY : กล่าวว่า ยานยนต์จีนกำลังเผชิญปัญหา การเลียนแบบกระแสอย่างไม่ลืมหูลืมตา
Spread the love
Advertisement Advertisement
Luxeed S7
Arcfox T1
Forthing Xinghai S7
IM L7

ทำไมรถ NEV จีน “หน้าเหมือนกัน” จนเกิดข้อครหา Copy/Plagiarism? เบื้องหลังการตามเทรนด์ ต้นทุน ซัพพลายเชน และกติกา IP

ภาพจำของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) จากจีน ในช่วงไม่กี่ปีหลัง เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ดีไซน์ภายนอกคล้ายกัน ออปชันคล้ายกัน และห้องโดยสารก็เดินตามสูตรเดียวกันจนผู้บริโภคแยกแบรนด์จากหน้าตารถได้ยาก บทความนี้จะขยายความ “ทำไม” ปรากฏการณ์นี้จึงเกิดขึ้น และทำไมข้อครหาเรื่องการลอกเลียนแบบจึงวนกลับมาแทบทุกปี

1) อาการ “Homogenization” ของรถ NEV จีน คืออะไร?

คำว่า Homogenization หรือ “ความเหมือนกันไปหมด” ในบริบทรถ NEV จีน หมายถึงการที่หลายค่ายเลือกใช้ องค์ประกอบดีไซน์และแพ็กเกจฟีเจอร์ชุดเดียวกัน จนรถหลายรุ่นดูคล้ายกันทั้งภาพรวมและรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแนวเส้นไฟหน้า รูปทรงตัวถัง ไปจนถึงการจัดค็อกพิท

สัญลักษณ์ที่พบได้บ่อย

  • ไฟหน้าแบบพาดยาว (through-type light strip) หรือไฟหน้าทรงคมเฉียบ
  • LiDAR บนหลังคา (เป็น “ปุ่มบอกความล้ำ” ที่เห็นชัดในภาพถ่าย)
  • มือจับประตูแบบซ่อน เพื่อภาพลักษณ์ลู่ลม/ไฮเทค
  • ห้องโดยสารสูตร “สามชิ้น” ได้แก่ หน้าปัดเล็ก + จอกลางใหญ่ + พวงมาลัยทรงตัดล่าง

สูตรเหล่านี้ทำให้รถดู “ทันสมัย” ได้รวดเร็ว แต่ในอีกมุมหนึ่ง เมื่อทุกค่ายทำเหมือนกัน ความแตกต่างเชิงแบรนด์ก็เริ่มจางลง

2) เมื่อ “เทคโนโลยีช่วยขับ” กลายเป็นมาตรฐาน: Qiankun ADS แทบอยู่ทุกที่

ในปี 2025 กระแสระบบช่วยขับขั้นสูงของ Huawei อย่าง Qiankun ADS ถูกพูดถึงในฐานะ “ของที่หลายรุ่นต้องมี” เพราะตลาดแข่งขันกันที่ ความสามารถด้านขับขี่อัจฉริยะ พอ ๆ กับระยะทางวิ่งและความเร็วชาร์จ

ที่น่าสนใจคือ แนวโน้มนี้ไม่ได้อยู่แค่แบรนด์ท้องถิ่น แต่ยังลามไปถึง รถร่วมทุน ที่เริ่มหยิบชุดเทคโนโลยีลักษณะเดียวกันมาเสริมภาพลักษณ์ความไฮเทคในรุ่นใหม่ ๆ ด้วย

ทำไมระบบช่วยขับถึงเร่งให้รถ “คล้ายกัน” มากขึ้น?

  • เมื่อระบบช่วยขับเป็นจุดขายหลัก ผู้ผลิตจำนวนมากจึงเลือก “ทางลัด” ด้วยการใช้แพลตฟอร์ม/ซัพพลายเออร์ใกล้เคียงกัน
  • การติดตั้ง LiDAR/เรดาร์/กล้อง ต้องมีพื้นที่และข้อจำกัดด้านโครงสร้าง ส่งผลให้รูปทรงบางจุด “บังคับให้คล้าย”
  • ภายในรถต้องรองรับ HMI/จอ/ซอฟต์แวร์ จึงเกิดสูตรค็อกพิทแบบเดียวกันเพื่อประหยัดเวลาและต้นทุน

3) เสียงจากวงใน “ตามเทรนด์แบบไม่เลือก” และ “การแข่งขันที่ดูดุเดือดแต่ขาดนวัตกรรม”

เฉิน เจิ้ง รองประธานและหัวหน้าฝ่ายออกแบบระดับโลกของ Geely วิจารณ์ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์จีนกำลังติดกับดัก การตามเทรนด์แบบไร้การกลั่นกรอง องค์ประกอบยอดนิยมถูกนำมาใช้แบบ “ใส่ให้เหมือนเพื่อไม่ตกขบวน” จนผู้บริโภคเริ่มแยกแบรนด์/รุ่นได้ยากจากรูปลักษณ์

ด้าน หลู ฟาง ประธาน Voyah ก็สะท้อนมุมคล้ายกันว่า ภาพการแข่งขันที่เหมือนรุนแรงนั้น ในความจริงอาจกำลังเปิดเผย “ภาวะขาดแคลนนวัตกรรม” เพราะหลายบริษัทมุ่งแข่งด้วยสเปกและราคา มากกว่าความคิดใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้

4) เคสตัวอย่างที่ทำให้คำว่า “Plagiarism” กลับมาดังอีกครั้ง

หนึ่งในกรณีที่ถูกพูดถึง คือเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตว่า Dongfeng Forthing Xinghai S7 มีความคล้ายกับ IM L7 อย่างมาก จนฝ่ายออกแบบของ IM Motors ออกมาตั้งคำถามต่อความเป็นต้นฉบับ

ประเด็นแบบนี้มักไม่จบแค่ “ชอบหรือไม่ชอบ” แต่ลากไปถึงคำถามใหญ่กว่า: เส้นแบ่งระหว่างแรงบันดาลใจกับการลอกเลียนแบบอยู่ตรงไหน? และใครเป็นคนตัดสิน

Advertisement Advertisement

5) ทำไมการลอก/คล้าย/ซ้ำ จึงเกิดง่ายในอุตสาหกรรมรถ NEV?

5.1 ต้นทุนพัฒนา “รถหนึ่งรุ่น” สูง และความเสี่ยงมหาศาล

การพัฒนารถต้องจัดการชิ้นส่วนนับพันรายการ ตั้งแต่วิศวกรรมโครงสร้าง ความปลอดภัย ซอฟต์แวร์ แบตเตอรี่ ไปจนถึงการทดสอบมาตรฐานต่าง ๆ การทำ “ของใหม่ทั้งหมด” มีต้นทุนสูงและเสี่ยง หากสินค้าไม่ปัง อาจขาดทุนยับ

5.2 ซัพพลายเชนและ “Parts List” ที่คล้ายกัน

คนในวงการชี้ว่า รายการชิ้นส่วน (parts list) ของผู้ผลิตหลายราย คล้ายกันมาก เพราะใช้ซัพพลายเออร์ชุดเดียวกันหรือแพลตฟอร์มใกล้เคียงกัน รถจำนวนไม่น้อยจึงกลายเป็น “เปลี่ยนเปลือกนอก แต่แกนเทคโนโลยีคล้ายกัน”

5.3 เป้าหมายกำไรระยะสั้น ทำให้ “เลียนแบบ” เร็วกว่าสร้าง

เมื่อหลายบริษัทต้องการผลลัพธ์ไว บางรายจึงเลือก “ทางลัด” ด้วยการเลียนแบบองค์ประกอบที่ขายได้ แทนการลงทุนทำวิจัย/ออกแบบใหม่บนพื้นฐานความต้องการผู้ใช้จริง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันระดับต่ำ (low-level competition) ที่แข่งกันด้วยราคาและสเปกเป็นหลัก

5.4 กติกา IP/การฟ้องละเมิด “ยาก” และมักจบแบบประนีประนอม

ตามรายงานของสื่อจีน Sohu การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในจีนทำได้ยาก เพราะการตัดสินความเหมือนของงานออกแบบภายนอกมีความเป็นอัตวิสัยสูง หลายคดีจบด้วยการไกล่เกลี่ยหรือถูกยกเลิก ซึ่งอาจกลายเป็น “สัญญาณ” ให้บางรายกล้าทำมากขึ้น

6) “Pseudo-innovation” นวัตกรรมปลอมที่ตลาดเจอบ่อยขึ้น

เมื่อสินค้าจำนวนมากมีโครงสร้างคล้ายกัน สิ่งที่ผู้ผลิตทำได้เร็วคือ “เติมฟีเจอร์ที่ดูใหม่” หรือปรับซอฟต์แวร์/หน้าตาเล็กน้อย แล้วสื่อสารว่าเป็นความก้าวหน้าใหญ่ แต่หากไม่ได้แก้ปัญหาที่ผู้ใช้เจอจริง ก็อาจเข้าข่าย นวัตกรรมปลอม (pseudo-innovation) คือดูเหมือนใหม่ แต่ไม่สร้างคุณค่าใหม่อย่างแท้จริง

ตัวอย่างเชิงแนวคิดของ pseudo-innovation (เพื่อให้เห็นภาพ)

  • เพิ่มหน้าจอ/เพิ่มเอฟเฟกต์ UI แต่ประสบการณ์ใช้งานจริงยังยุ่งยากเหมือนเดิม
  • อัดฟังก์ชันช่วยขับหลายชื่อเรียก แต่การทำงานในสถานการณ์จริงยังไม่เสถียร
  • เปลี่ยนดีไซน์ภายนอกเล็กน้อย แต่แพลตฟอร์มและจุดเด่นหลักไม่ต่าง

7) ผลกระทบต่อผู้บริโภค เลือกยาก แบรนด์ยืนยาก และ “คุณค่าที่แท้จริง” ถูกกลบ

เมื่อรถคล้ายกันทั้งหน้าตาและสเปก การตัดสินใจซื้อจะถูกผลักไปสู่ 3 แกนหลักมากขึ้น:

  1. ราคา/โปรโมชัน ใครลดได้แรงกว่าชนะในระยะสั้น
  2. สเปกตัวเลข แรงกว่า วิ่งไกลกว่า ชาร์จไวกว่า (แม้การใช้งานจริงอาจไม่ได้ต่างมาก)
  3. ภาพลักษณ์เทคโนโลยี เช่น LiDAR, ระบบช่วยขับ, ห้องโดยสารจอใหญ่

แต่สิ่งที่อาจถูกมองข้ามคือ คุณภาพงานประกอบ ความทนทาน ประสบการณ์บริการหลังการขาย และการออกแบบที่มีเอกลักษณ์จริง ซึ่งต้องใช้เวลาสั่งสม

8) ทางออกของอุตสาหกรรม ทำอย่างไรให้ “แตกต่าง” โดยไม่ถอยจากการแข่งขัน?

  • กลับไปหา “โจทย์ผู้ใช้”: ดีไซน์และฟีเจอร์ต้องตอบ Pain Point มากกว่าตามกระแส
  • ลงทุนในเอกลักษณ์แบรนด์: งานออกแบบควรมีภาษาดีไซน์ (design language) ที่จำได้ทันที
  • สร้างความต่างเชิงประสบการณ์: HMI ใช้ง่าย ความเงียบ ความนุ่ม ความมั่นใจของช่วงล่าง และคุณภาพ NVH
  • ยกระดับการคุ้มครอง IP: มาตรฐานการพิจารณาและบทลงโทษต้องชัดขึ้น ลดแรงจูงใจในการลอก

สรุป

ภาวะ “รถ NEV จีนหน้าเหมือนกัน” ไม่ได้เกิดจากเหตุผลเดียว แต่เป็นผลรวมของ แรงกดดันต้นทุน เวลาเข้าสู่ตลาด ซัพพลายเชนที่ใช้ร่วมกัน การแข่งขันระยะสั้น และความยากของการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อทุกค่ายเดินตามสูตรที่พิสูจน์แล้วว่า “ขายได้” ความแตกต่างยิ่งหายไป และข้อครหาเรื่องการลอกเลียนแบบยิ่งดังขึ้น

คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ว่า “ใครเหมือนใคร” แต่คือ อุตสาหกรรมจะกลับมาสร้างนวัตกรรมที่ตอบผู้ใช้จริงได้อย่างไร และทำให้ผู้บริโภค “เห็นความต่าง” ได้อีกครั้ง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ทำไมค็อกพิท “หน้าปัดเล็ก + จอกลางใหญ่ + พวงมาลัยตัดล่าง” ถึงฮิตมาก?

A: เพราะเป็นสูตรที่ทำให้รถดูไฮเทคได้ทันที ลดชิ้นส่วนปุ่มกด และรองรับการขายซอฟต์แวร์/บริการบนหน้าจอ แต่ข้อเสียคือถ้าทุกค่ายใช้เหมือนกัน เอกลักษณ์ห้องโดยสารจะจางลง

Q2: LiDAR บนหลังคาจำเป็นเสมอไปไหม?

A: ไม่เสมอไป บางระบบช่วยขับสามารถพึ่งพากล้องและเรดาร์ได้ แต่ LiDAR มักถูกใช้เป็น “สัญลักษณ์” ของความล้ำ และช่วยในบางเงื่อนไขการรับรู้สภาพแวดล้อม

Q3: อะไรทำให้คดีลอกเลียนแบบดีไซน์ตัดสินยาก?

A: เพราะดีไซน์ภายนอกมีองค์ประกอบเชิงสุนทรียะและความเหมือนเชิงภาพรวมที่ตีความได้หลายแบบ การหาหลักฐานว่า “ตั้งใจลอก” หรือ “บังเอิญคล้าย” จึงเป็นเรื่องซับซ้อน และหลายคดีจบด้วยการไกล่เกลี่ย

carnewschina

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้