All-NEW NISSAN KICKS e-POWER เจนที่ 2 ออกแบบใหม่ ภาพในจินตนาการ

All-NEW NISSAN KICKS e-POWER เจนที่ 2 ออกแบบใหม่ ภาพในจินตนาการ
Spread the love

Advertisement

Advertisement

Nissan Kicks EV : ความเป็นไปได้ในการผลิตและวางจำหน่าย แต่ยังอีกห่างไกล

ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากนิสสัน มอเตอร์ เกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย Nissan Kicks EV ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่างไรก็ตาม จากทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์และแผนกลยุทธ์ของนิสสันเอง ก็พอจะมองเห็นแนวโน้มและโอกาสในอนาคตได้ แต่หากนำดีไซน์ของ Leaf มาเสริมใช้ก็มีลุ้นเช่นกัน

สำหรับ Nissan Kicks ที่จำหน่ายในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ e-POWER ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของนิสสัน โดยเป็นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ในการขับเคลื่อนล้อ แต่มีเครื่องยนต์สันดาปขนาดเล็กทำหน้าที่ปั่นไฟฟ้าไปเก็บในแบตเตอรี่เท่านั้น ไม่ได้ส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง จึงให้ประสบการณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงต้องเติมน้ำมันอยู่

อนาคตของ Kicks และรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กของนิสสัน

แม้จะยังไม่มีข่าวคราวของ “Kicks EV” โดยตรง แต่ก็มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งชี้ว่านิสสันกำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในรูปแบบ SUV ซึ่งอาจจะเข้ามาแทนที่หรือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในตลาดเดียวกับ Kicks ในอนาคต

1. แผนกลยุทธ์ Nissan Ambition 2030: นิสสันได้ประกาศแผนระยะยาว “Nissan Ambition 2030” ที่จะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยตั้งเป้าเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าประเภทครอสโอเวอร์ขนาดเล็กด้วย

2. รถยนต์ต้นแบบ: นิสสันได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบไฟฟ้าหลายรุ่นที่สะท้อนถึงทิศทางการออกแบบและเทคโนโลยีในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Nissan Chill-Out Concept และ Nissan Hyper Urban Concept ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV ขนาดเล็กที่ใช้แพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ (CMF-EV) ซึ่งคือ Nissan Leaf เจนที่ 3 เรายังไม่เห็นภาพของ KICKS เวอร์ชั่น EV แต่แนวทางการออกแบบ KICKS เจนที่ 2 อาจแตกต่างจากเวอร์ชั่นตลาดโลก ในโฉมของ e-POWER

3.  Kicks ใหม่เจนที่ 2 : มีข่าวการวิ่งทดสอบของ Nissan Kicks เจเนอเรชันที่ 2 ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะยังคงใช้ระบบขับเคลื่อน e-POWER เป็นหลัก (ในสหรัฐฯ อเมริกาใต้ และ UAE ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0) แต่อาจมีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น การที่นิสสันยังคงพัฒนาระบบ e-POWER ต่อไป แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของนิสสันในตลาดบางภูมิภาค ในขณะที่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบก็ดำเนินไปควบคู่กัน

ทำไมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงเป็นตลาดสำคัญของเทคโนโลยี e-POWER?

นิสสันเลือกใช้เทคโนโลยี e-POWER เป็นกลยุทธ์หลักในการบุกตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลายประการที่สอดคล้องกับสภาพตลาด, โครงสร้างพื้นฐาน และพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดย e-POWER ทำหน้าที่เป็น “สะพาน” ที่เชื่อมระหว่างยุครถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) ได้อย่างลงตัว

เทคโนโลยี e-POWER คือระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยมีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟเพื่อส่งพลังงานไปที่แบตเตอรี่และมอเตอร์เท่านั้น ไม่ได้เชื่อมต่อกับล้อโดยตรง ทำให้ผู้ขับขี่ได้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและตอบสนองได้ทันใจเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังคงความสะดวกสบายด้วยการเติมน้ำมันที่สถานีบริการทั่วไป

เหตุผลสำคัญที่นิสสันชูโรง e-POWER ในภูมิภาคนี้ ได้แก่

1. แก้ปัญหา “ความกังวลเรื่องระยะทาง” (Range Anxiety)

ความกังวลว่ารถจะแบตเตอรี่หมดกลางทางและหาที่ชาร์จไม่ได้ เป็นอุปสรรคสำคัญอันดับต้นๆ ของผู้ที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ e-POWER ขจัดปัญหานี้ไปโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เครื่องยนต์จะทำงานเพื่อปั่นไฟเข้ามาเติมได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถเดินทางไกลข้ามจังหวัดได้อย่างไร้กังวลเหมือนรถยนต์สันดาปปกติ

2. โครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จที่ยังอยู่ในช่วงพัฒนา

แม้ว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกล การเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบจึงอาจสร้างความไม่สะดวกในการวางแผนเดินทาง เทคโนโลยี e-POWER ที่ไม่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จภายนอก จึงตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ได้ดีกว่า

3. มอบประสบการณ์ขับขี่แบบรถยนต์ไฟฟ้า (EV-like Experience)

ผู้ขับขี่รถยนต์ e-POWER จะได้สัมผัสกับข้อดีหลายอย่างของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น:

  • อัตราเร่งที่ทันใจ: มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงบิดได้สูงสุดทันทีที่เหยียบคันเร่ง ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงทำได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล
  • ความเงียบในห้องโดยสาร: เนื่องจากขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก เสียงเครื่องยนต์จะทำงานในรอบที่เหมาะสมและมีการจัดการด้านเสียงรบกวนที่ดี ทำให้ห้องโดยสารเงียบกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไป
  • เทคโนโลยี e-Pedal Step: ผู้ขับขี่สามารถเร่งและชะลอความเร็วได้ด้วยคันเร่งเดียว เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น

4. สร้างความคุ้นเคยและทัศนคติที่ดีต่อเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า

การที่ผู้บริโภคได้ลองใช้และสัมผัสข้อดีของระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านเทคโนโลยี e-POWER จะช่วยลดอคติและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคตเป็นไปได้ง่ายขึ้น นิสสันมองว่านี่คือกลยุทธ์สำคัญในการ “ให้ความรู้” แก่ตลาด

5. ความได้เปรียบด้านการผลิตและต้นทุน

ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของนิสสันในภูมิภาค รวมถึงเป็นฐานการผลิตและประกอบแบตเตอรี่สำหรับระบบ e-POWER นอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรก ซึ่งช่วยให้นิสสันสามารถทำราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าทั้งคัน และยังสอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศของภาครัฐอีกด้วย

โดยสรุป เทคโนโลยี e-POWER คือคำตอบที่ชาญฉลาดของนิสสันสำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน เพราะเป็นการนำเสนอข้อดีของประสบการณ์ขับขี่แบบไฟฟ้า โดยที่ยังคงขจัดจุดอ่อนด้านโครงสร้างพื้นฐานและความกังวลของผู้บริโภคไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในอนาคตได้อย่างมั่นคง

behance

ทดสอบวิ่งไทย All-NEW NISSAN KICKS เจนที่ 2 ใหม่ พร้อม e-POWER

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้