BYD ยึดอำนาจคุมทัพเองในออสเตรเลียเต็มตัว ประกาศแผนรุกฆาต ปูพรม 100 โชว์รูมทั่วประเทศ

BYD ยึดอำนาจคุมทัพเองในออสเตรเลียเต็มตัว ประกาศแผนรุกฆาต ปูพรม 100 โชว์รูมทั่วประเทศ
Spread the love

Advertisement

Advertisement

ประเด็นสำคัญ

  • เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง แบรนด์ BYD เติบโตอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มากในตลาดออสเตรเลีย
  • บทบาทของ EVDirect แม้จะส่งมอบสิทธิ์หลัก แต่ EVDirect จะยังคงมีส่วนร่วมในการดูแลเครือข่ายโชว์รูมเดิมต่อไป
  • สิ่งที่ผู้บริโภคจะได้รับ:
    • ความมั่นใจ การดำเนินงานโดยตรงจากโรงงาน (Factory-backed) จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากขึ้น
    • เครือข่ายขยายใหญ่ BYD ตั้งเป้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ได้ถึง 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อการเข้าถึงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
  • สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง (ในตอนนี้)
    • ราคารถยนต์: BYD ยังไม่ให้คำตอบว่าจะมีการลดราคารถยนต์เหมือนในตลาดต่างประเทศหรือไม่
    • ค่าบริการ ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าค่าบริการและค่าบำรุงรักษาจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

BYD ออสเตรเลีย เปลี่ยนมือผู้จัดจำหน่าย: อนาคตใหม่ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากโรงงาน

BYD ออสเตรเลีย กำลังจะเข้ามาควบคุมการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์อย่างเป็นทางการแทนที่ EVDirect ในเดือนหน้า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก่อให้เกิดคำถามว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างภายใต้โครงสร้างใหม่นี้

ในการให้สัมภาษณ์กับ Drive นายเจมส์ โรบินสัน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ BYD ออสเตรเลีย ได้กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงนัก แม้ว่าแบรนด์จะเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้การดำเนินงานโดยตรงจากโรงงานก็ตาม พร้อมทั้งกล่าวชื่นชม EVDirect สำหรับการบริหารจัดการที่ผ่านมา

“แน่นอนว่า EVD [EVDirect] มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำแบรนด์ BYD เข้าสู่ตลาดออสเตรเลีย และพวกเขาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม” นายโรบินสันกล่าว “เรายังคงจะร่วมมือกับพวกเขาต่อไปในอนาคต แต่แบรนด์ก็เติบโตในอัตราที่ผมคิดว่าแม้แต่เราเองก็คาดไม่ถึง”

“สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อมีแบรนด์ใหม่เข้ามาในตลาด แต่นี่เป็นก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้นสำหรับ BYD ในออสเตรเลีย และผมคิดว่ามันหมายถึงชาวออสเตรเลียจะได้รับความมั่นใจจากการดำเนินงานที่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากโรงงาน”

EVDirect ได้ทำหน้าที่นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ BYD ในตลาดออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2022 โดยเริ่มต้นจากรถ SUV ขนาดเล็กถึงกลางรุ่น Atto 3 ซึ่งมียอดขาย 2,113 คันภายในสิ้นปีนั้น

อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 ด้วยการเปิดตัวรถแฮทช์แบ็กรุ่น Dolphin และรถซีดานรุ่น Seal ประกอบกับยอดขายของ Atto 3 ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้ BYD ปิดท้ายปี 2023 ด้วยยอดขายรวม 12,348 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 489% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในปีที่แล้ว ยอดขายเติบโตขึ้นอีกครั้ง 64.5% เป็น 20,458 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รุ่น Sealion 6 ในขณะที่ยอดขายสะสมจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมปี 2025 ได้พุ่งสูงขึ้นอีก 94.7% เป็น 15,199 คัน ส่วนใหญ่มาจากความต้องการที่สูงของรถกระบะปลั๊กอินไฮบริด Shark 6 และรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Sealion 7

บัดนี้ EVDirect จะส่งมอบสิทธิ์การจัดจำหน่ายให้กับ BYD แต่จะยังคงมีส่วนร่วมกับแบรนด์ที่พวกเขาช่วยสร้างความนิยมในออสเตรเลียผ่านความร่วมมือกับ Eagers Automotive เพื่อดูแลโชว์รูมที่มีอยู่เดิม

BYD ออสเตรเลียปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า การเข้ามาควบคุมการจัดหาและจัดจำหน่ายอย่างเต็มตัวในครั้งนี้ จะนำไปสู่การลดราคารถยนต์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในต่างประเทศหรือไม่ ในทำนองเดียวกัน ตัวแทนจากแบรนด์กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อค่าบริการหรือค่าบำรุงรักษาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม นายซาจิด ฮาซัน หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ BYD ออสเตรเลีย กล่าวว่าบริษัทจะสานต่อภารกิจที่ EVDirect ได้วางไว้ในการขยายเครือข่ายของแบรนด์ในประเทศ

“เราจะขยายเครือข่ายให้กว้างขวางยิ่งขึ้น” นายฮาซันกล่าว “ภายในสิ้นปีนี้ เราต้องการมีโชว์รูมประมาณ 100 แห่ง และเราจะเติบโตต่อไปจากจุดนั้น”

กรณีศึกษาอื่นๆ ที่ผู้ผลิต (OEM) เข้ามาควบคุมการจัดจำหน่ายจากตัวแทนจำหน่ายอิสระในออสเตรเลีย ได้แก่ Kia ที่เข้ามาแทนที่ Ateco ในปี 2006, Volkswagen ที่เข้ามาแทนที่ Inchcape ในปี 2001 และ Fiat กับ Alfa Romeo ที่เปลี่ยนมาดำเนินการเองในปี 2012 จาก Ateco เช่นกัน

Drive

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้