เผยข้อมูล NEW TOYOTA RAV4 เจนที่ 6 ในสหรัฐฯ HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid) ก่อนขายเร็วๆนี้

วันที่ 14 ตุลาคม 2025 ได้เผยข้อมูล ระบบ Toyota Audio Multimedia ใน RAV4 ใหม่
โตโยต้า (Toyota) เผยโฉมการอัปเกรดครั้งใหญ่ของระบบ Toyota Audio Multimedia สำหรับตลาดสหรัฐฯ โดยจะเปิดตัวพร้อมกับ Toyota RAV4 เจเนอเรชันที่ 6 รุ่นปี 2026 ก่อนจะทยอยติดตั้งในรุ่นอื่น ๆ ต่อไป การอัปเดตครั้งนี้เน้น “ความฉลาดล้ำยุค” มากขึ้น ทั้งจอภาพใหญ่ขึ้น การเชื่อมต่อเร็วขึ้น ระบบเสียงที่สั่งงานด้วยเสียงได้ฉับไว และยังมี ฟังก์ชันบันทึกวิดีโอในตัวแบบ Dash Cam อีกด้วย
จุดเด่นสำคัญของระบบใหม่
การเชื่อมต่อ 5G จาก AT&T
โตโยต้าร่วมมือกับ AT&T เพื่อเพิ่มความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ 5G ภายในรถ ช่วยให้ระบบออนไลน์, การอัปเดต OTA และบริการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทำงานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น
ระบบพื้นฐานยังคงใช้ Automotive Grade Linux แต่คราวนี้เพิ่มพลังจากแพลตฟอร์ม Woven by Toyota (Arene SDK) ซึ่งเป็นก้าวแรกของโตโยต้าสู่แนวคิด “Software-Defined Vehicle” แม้จะยังไม่ถึงขั้นเต็มรูปแบบเหมือนบางค่ายอย่าง Mercedes-Benz
อินเทอร์เฟซปรับแต่งได้ตามใจ
ผู้ขับสามารถเลือกขนาดหน้าจอได้ระหว่าง 10.5 นิ้ว หรือ 12.9 นิ้ว หน้าจอหลักสามารถจัดเรียง วิดเจ็ต (Widgets) ได้ตามชอบ เช่น แผนที่, เพลง, สภาพอากาศ, สถานะอุปกรณ์ IoT เป็นต้น มีเมนูใหม่ชื่อ “Quick Control Menu” ที่มุมขวาบนของจอ ใช้เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญได้ในคลิกเดียว เช่น Bluetooth, ความสว่างจอ, ระบบช่วยขับ (ADAS), และการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน แน่นอนว่ารองรับทั้ง Wireless Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ผู้ช่วยเสียง (AI Assistant) ฉลาดขึ้น
โตโยต้าพัฒนา “Hey Toyota” ให้ตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น โดยไม่ต้องเชื่อมต่อคลาวด์ตลอดเวลาอีกต่อไป ผู้ใช้สามารถพูดสั่งงานง่าย ๆ เช่น
“Hey Toyota, เปลี่ยนเพลงให้หน่อย”
หรือแม้แต่ “Hey Toyota, คำนวณให้ทีว่าถ้าซื้อกาแฟทุกวันปีหนึ่งหมดเท่าไหร่”
ระบบใหม่ตอบสนองได้ทันใจ เหมือนคุยกับผู้ช่วยส่วนตัวจริง ๆ
ระบบนำทาง + กล้องบันทึกเหตุการณ์ในตัว
โตโยต้าได้แรงบันดาลใจจาก Audi Virtual Cockpit ที่แสดงแผนที่เต็มหน้าบนจอมาตรวัด RAV4 รุ่นใหม่นี้จึงทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชัน Drive Recorder (กล้องบันทึกเหตุการณ์ในตัวรถ) ใช้กล้องภายนอกรถบันทึกภาพเมื่อเกิดเหตุ หรือเมื่อผู้ใช้กดบันทึกเอง สามารถดูย้อนหลังได้จากหน้าจอ หรือดาวน์โหลดคลิปผ่าน USB ได้ทันที
ระบบควบคุมการชาร์จเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า/ไฮบริด
โตโยต้าสร้างหน้าเมนูใหม่ชื่อ EV Domain สำหรับควบคุมการชาร์จไฟโดยเฉพาะ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าขีดจำกัดการชาร์จ, เริ่มหรือหยุดชาร์จได้ผ่านแอปบนสมาร์ทโฟน
แอป Toyota App ยังเพิ่มฟังก์ชันใหม่ เช่น
-
เปิดไฟภายนอกรถ
-
เปิดฝากระโปรงท้าย
-
เปิด-ปิดกระจกรถ
สรุป Toyota RAV4 2026 (Gen 6) – เปิดตัวใหม่ในอเมริกา
ขุมพลัง:
-
ไม่มีรุ่นเบนซินล้วนอีกต่อไป
-
มีเฉพาะ HEV (Hybrid) และ PHEV (Plug-in Hybrid)
-
PHEV ใหม่ 320 แรงม้า, วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 80 กม. EPA
-
HEV ใหม่ 236 แรงม้า (AWD), 226 แรงม้า (FWD – มีครั้งแรก)
รุ่นย่อย/ดีไซน์หลัก 3 แบบ:
-
Core (LE, XLE, Limited) – หรู ทันสมัย
-
Rugged (Woodland) – ยาง All-Terrain, ยกสูง, สายลุย
-
Sport (SE, XSE, GR SPORT) – สไตล์ GR, ช่วงล่าง GR, PHEV เท่านั้น
ไฮไลต์:
-
GR SPORT เปิดตัวครั้งแรกในอเมริกา
-
Woodland มีทั้ง HEV/PHEV + AWD + ชาร์จเร็ว
-
จอใหญ่สุด 12.9 นิ้ว + จอดิจิทัล 12.3 นิ้ว (ทุกรุ่น)
-
ระบบใหม่ Arene OS + Toyota Safety Sense 4.0
-
ลากจูงได้สูงสุด 3,500 ปอนด์ (เฉพาะบางรุ่น AWD)
สีใหม่:
-
Urban Rock (เฉพาะ Woodland), Meteor Shower, Everest ฯลฯ
-
ตัวเลือกหลังคาทูโทนใหม่ (XSE, GR SPORT)
จุดเริ่มต้นของ RAV4
RAV4 เริ่มต้นขึ้นในปี 1994 ซึ่งในขณะนั้น SUV ยังเป็นรถแนวลุยทางฝุ่น (off-road) โตโยต้าได้บุกเบิกแนวคิด “ครอสโอเวอร์ SUV” ที่ผสมผสานความสามารถในการขับทั้งในเมืองและทางลุย จนกลายเป็นที่รักไปทั่วโลก โดยตลอด 5 เจเนอเรชัน RAV4 ได้ปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มาโดยตลอด
ในปี 2019 เจเนอเรชันที่ 5 ได้ถือกำเนิดขึ้น บนแนวคิด “Robust Accurate Vehicle with 4 Wheel Drive” โดยใช้แพลตฟอร์ม TNGA ที่เน้นความแข็งแกร่ง ความเสถียร และการขับขี่ที่มั่นใจบนทุกสภาพถนน
แนวคิดหลักของ RAV4 เจเนอเรชันที่ 6
“Life is an Adventure”
มุ่งสู่การเป็นรถที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์แอคทีฟในทุกเส้นทาง ผสานสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก พร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะใช้งานง่าย ตัวรถพัฒนาไปอีกขั้นด้วยระบบ Hybrid เจเนอเรชันใหม่ ที่ตอบสนองเร็วและให้อัตราเร่งดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่นำแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ Arene ซึ่งพัฒนาโดย Woven by Toyota มาใช้ในรถยนต์ เพิ่มความปลอดภัย ความมั่นใจ และสร้างประสบการณ์การใช้งานที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ ทั้งในเมืองและการผจญภัยกลางแจ้ง
โตโยต้าวางแผนจำหน่าย RAV4 ใหม่ในกว่า 180 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
รายละเอียดเด่นของ RAV4 ใหม่
ระบบขับเคลื่อน (Powertrain)
PHEV (Plug-in Hybrid)
- ใช้แบตเตอรี่ความจุสูงและเครื่องชาร์จพลังสูง ทำงานร่วมกับระบบ Hybrid เจเนอเรชัน 6
- ระยะทางขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (BEV mode) เพิ่มขึ้นเป็น 150 กม. จากเดิม 95 กม.
- ใช้สารกึ่งตัวนำแบบซิลิคอนคาร์ไบด์ในชุดขับหน้า ช่วยลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพ
- มอเตอร์มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 12% ให้ความสามารถแบบ off-road ที่มั่นใจ
- รองรับการจ่ายไฟกลับบ้าน (V2H)
- รองรับระบบชาร์จเร็ว DC – ชาร์จถึง 80% ได้ในราว 30 นาที
HEV (Hybrid)
- พัฒนามอเตอร์, ชุดควบคุม, แบตเตอรี่ และเกียร์ขับเคลื่อนใหม่
- ให้การเร่งออกตัวนุ่มนวลแต่ตอบสนองไว เพิ่มอรรถรสในการขับขี่
ขายเฉพาะระบบไฟฟ้า 100%: HEV และ PHEV เท่านั้น
Toyota North America เปิดตัว All-new RAV4 2026 อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 โดยรุ่นใหม่เจเนอเรชันที่ 6 จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สไตล์การออกแบบใหม่ ได้แก่:
- Core (ทันสมัย สไตล์เรียบหรู)
- Sport (เน้นสมรรถนะ สนุกเร้าใจ)
- Rugged (สายลุยพร้อมลุยทุกเส้นทาง)
รวมเป็น 7 รุ่นย่อย พร้อมการกลับมาแบบปรับโฉมใหม่ของ Woodland Grade และเปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ กับ RAV4 GR SPORT!
รุ่นนี้จะมีเฉพาะ ขุมพลังไฮบริด (HEV) และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เท่านั้น ไม่ทำรุ่นเบนซินล้วนอีกต่อไป!
✅ ไฮไลต์สำคัญ
- RAV4 GR SPORT ครั้งแรกของรุ่นนี้ในอเมริกา พัฒนาร่วมกับ Toyota GAZOO Racing ทั้งดีไซน์และการเซ็ตช่วงล่าง พร้อมขุมพลัง PHEV ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- Woodland Grade (สายลุย) ปรับโฉมใหม่ มีให้เลือกทั้ง HEV/PHEV พร้อมยาง All-Terrain, ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ, ความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้น และกันชนหน้าดีไซน์แยกชัดเจน
- ขุมพลัง PHEV ใหม่เจเนอเรชันที่ 6 ให้กำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ถึง 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กม.) เพิ่มขึ้นจากเดิม 42 ไมล์
- ขุมพลัง HEV เจเนอเรชันที่ 5 กำลังรวมเพิ่มเป็น 236 แรงม้า (AWD) และ 226 แรงม้า (FWD) รุ่น FWD มีให้เลือกครั้งแรก
- ใช้แพลตฟอร์มใหม่ Arene (พัฒนาโดย Woven by Toyota) รองรับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 4.0 และระบบมัลติมีเดียใหม่
- เริ่มขายในสหรัฐฯ ปลายปี 2025
มิติตัวรถ:
- ความยาว: 180.9 นิ้ว ≈ 4,595 มม.
- ความกว้าง: 73.0 นิ้ว ≈ 1,854 มม.
- ความสูง: 67.0 นิ้ว ≈ 1,702 มม.
- ระยะฐานล้อ: 105.9 นิ้ว ≈ 2,690 มม.
รายละเอียดเชิงเทคนิค
HEV (Hybrid):
- เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า
- ระบบไฮบริดเจเนอเรชัน 5
- AWD: 236 แรงม้า / FWD: 226 แรงม้า (เพิ่มขึ้นจาก 203 แรงม้าในรุ่นเก่า)
PHEV (Plug-in Hybrid):
- เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ + แบตเตอรี่ความจุสูง
- แรงม้ารวม 320 แรงม้า (เพิ่มจากเดิม 302 แรงม้า)
- แบตเตอรี่ขนาด 22.7kWh (เดิม 18.1kWh)
- วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 50 ไมล์ (ประมาณ 80 กม.)
- ระบบชาร์จเร็ว DC fast charging 50kW 10-80% ภายใน 30 นาที(XSE, Woodland)
- ชาร์จบ้านเร็วขึ้นด้วย AC Onboard Charger 11 kW
- พอร์ตชาร์จ CCS (XSE, Woodland) / J1772 (SE, GR SPORT)
สมรรถนะ
- AWD รุ่นย่อย XLE, Woodland, SE, XSE, Limited (HEV/PHEV) รับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 3,500 ปอนด์ (ประมาณ 1,588 กก.)
- รุ่น FWD และ AWD LE รับได้ 793 กก.
รุ่นย่อยที่มีให้เลือก
Core Design
- รุ่น LE, XLE, Limited
- กระจังหน้าสีตัวถัง + ไฟหน้า Hammerhead Design
- ล้อ 17, 18 หรือ 20 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
Rugged Design
- เฉพาะรุ่น Woodland
- ชุดแต่งลุย + ยาง All-Terrain
- คานหลังรองรับอุปกรณ์ขนาด 1¼ นิ้ว
- หลังคาพร้อมราวและคานขวาง
Sport Design
- รุ่น SE, XSE, GR SPORT
- ล้อ 20 นิ้ว (เฉพาะ GR SPORT มี Off-set กว้างขึ้น)
- ระบบช่วงล่าง GR Tuned + พวงมาลัยสปอร์ต
- เฉพาะ GR SPORT ใช้ระบบ PHEV + ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น
เกรด GR SPORT
ดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน “RAV4-ness”
ภายนอก
-
3 แนวทางหลัก:
- Big Foot: ยางขนาดใหญ่
- Life-up: เสริมความรู้สึกแบบลุย
- Utility: พื้นที่ใช้งานสะดวกสบาย
-
ทำให้ RAV4 ดูพร้อมไปได้ทุกที่
เทคโนโลยีภายใน
- การออกแบบตามหลัก “Island Architecture” แยกฟังก์ชันหลักเป็นเกาะๆ เพื่อลดการละสายตา
- หน้าจอสัมผัส 10.5 นิ้ว หรือ 12.9 นิ้ว (แล้วแต่รุ่น)
- จอผู้ขับ 12.3 นิ้ว Digital Cluster (มาตรฐานทุกเกรด)
- ระบบ Head-Up Display (เฉพาะ Limited HEV, XSE PHEV)
- ลำโพง 6 ตัว (มาตรฐาน) / JBL Premium 9 ตัว (แล้วแต่รุ่น)
- ระบบสั่งงานด้วยเสียงรุ่นใหม่ / รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย / เชื่อมต่อ Bluetooth สองเครื่องพร้อมกันได้
- ระบบปรับอากาศแบบสัมผัสใต้จอ / คอนโซลกลางใหม่พร้อมเกียร์ไฟฟ้า Shift-by-Wire
- แผงหน้าปัดต่ำลง 40 มม. ช่วยให้มองเห็นภายนอกได้ดีขึ้น
- พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น – ความจุจาก 733L เป็น 749L และเบาะหลังพับราบมากขึ้น
สีภายนอกและห้องโดยสาร
สีตัวถังใหม่:
- Urban Rock (เฉพาะ Woodland)
- Meteor Shower, Everest, Storm Cloud (สีใหม่)
- Ice Cap, Wind Chill Pearl, Ruby Flare Pearl ฯลฯ (สีเดิมยังอยู่)
สีหลังคาทูโทน:
- Meteor Shower + หลังคาดำ (XSE)
- Supersonic Red + หลังคาดำ (GR SPORT)
ภายใน:
- ผ้าธรรมดา / SofTex / BRIN•NAUB Microsuede (แล้วแต่รุ่น)
- สี Mineral (ใหม่ – เฉพาะ Woodland)
- GR SPORT มีตรา GR บนหมอนรองศีรษะ, พวงมาลัย, แป้นเหยียบอะลูมิเนียม, Paddle Shift
ซอฟต์แวร์ & ความปลอดภัย
- ระบบ Arene OS ใช้ครั้งแรกบน RAV4 (พัฒนาโดย Woven by Toyota)
- Toyota Arene OS คือ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ (Operating System) สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ของ Toyota ซึ่งพัฒนาโดย Woven by Toyota (บริษัทย่อยด้านเทคโนโลยีของ Toyota) มีเป้าหมายเพื่อทำให้รถยนต์กลายเป็น “Smart Device on Wheels” อย่างแท้จริง
- Modular และ Open Platform ออกแบบให้สามารถอัปเดต ฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้แบบ Over-the-Air (OTA)
- รองรับการเชื่อมต่อหลายระบบ เชื่อมโยงระบบความปลอดภัย (เช่น TSS), ระบบขับเคลื่อน, ระบบบันเทิง
- รองรับการขับขี่อัตโนมัติ ทำงานร่วมกับระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Driving) และ Advanced Driver Assist Systems (ADAS)
- User Experience แบบ “รถคือมือถือเครื่องใหญ่” ปรับการตั้งค่ารถให้ตรงกับผู้ขับได้ เช่น โปรไฟล์ส่วนตัว, เสียง, จอ, อุณหภูมิ ฯลฯ
- Toyota Arene OS คือ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการซอฟต์แวร์ (Operating System) สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ของ Toyota ซึ่งพัฒนาโดย Woven by Toyota (บริษัทย่อยด้านเทคโนโลยีของ Toyota) มีเป้าหมายเพื่อทำให้รถยนต์กลายเป็น “Smart Device on Wheels” อย่างแท้จริง
- ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 4.0 (เปิดตัวครั้งแรกบน RAV4 2026)
- พัฒนาการตรวจจับใหม่, การประมวลผลเร็วขึ้น
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Toyota SAFETY SENSE 4.0 (TSS 4.0)
1. Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS) ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้า พร้อมตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน
- ตรวจจับรถ คนเดินเท้า คนขี่จักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์
- ช่วยเบรกอัตโนมัติในกรณีผู้ขับไม่ตอบสนองทัน
2. Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชันติดตามรถคันหน้า
- ทำงานตั้งแต่รถหยุดนิ่งจนถึงความเร็วสูง
- เพิ่มฟังก์ชันการเข้าโค้งให้ลื่นไหลมากขึ้น
3. Lane Departure Alert with Steering Assist (LDA) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับ
- ใช้กล้องตรวจจับเส้นจราจร
- มีระบบช่วยประคองพวงมาลัยเมื่อเบี่ยงออกโดยไม่ตั้งใจ
4. Lane Tracing Assist (LTA) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลนอัตโนมัติ
-
ใช้ร่วมกับ DRCC เพื่อขับแบบ “กึ่งอัตโนมัติ” บนทางด่วน/ถนนโล่ง
5. Road Sign Assist (RSA) อ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ เช่น ป้ายจำกัดความเร็ว ป้ายหยุด
-
แสดงผลบนหน้าจอเรือนไมล์ เพื่อเตือนผู้ขับ
6. Automatic High Beams (AHB) ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ
- ตรวจจับรถสวนและรถคันหน้า
- ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์กลางคืนโดยไม่รบกวนผู้อื่น
7. Proactive Driving Assist (PDA) (ใหม่ใน TSS 4.0) ระบบช่วยลดความเสี่ยงล่วงหน้าในสถานการณ์ทั่วไป
- ลดความเร็วขณะเข้าโค้งหรือเข้าใกล้รถ/คนเดินถนนอย่างนุ่มนวล
- เหมือน “ผู้ช่วยขับ” ที่คอยเตือนและชะลอให้ปลอดภัย
8. Emergency Driving Stop System (EDSS) (ใหม่ใน TSS 4.0) ระบบหยุดรถอัตโนมัติเมื่อผู้ขับไม่ตอบสนอง (เช่นหมดสติ)
- จะส่งเสียงเตือน สั่นพวงมาลัย
- หากยังไม่ตอบสนอง ระบบจะชะลอและหยุดรถ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน
เทคโนโลยีเบื้องหลัง:
- กล้องมุมกว้าง (wide-angle monocular camera)
- เรดาร์เวฟมิลลิเมตร (millimeter-wave radar)
- ประสิทธิภาพสูงขึ้นแม้กลางคืนหรือสภาพอากาศไม่ดี
️ การรับประกัน
- ตัวรถใหม่: 3 ปี หรือ 58,000 กม.ไมล์
- ระบบขับเคลื่อน: 5 ปี หรือ 96,561 กม.
- ระบบไฮบริด: 8 ปี หรือ 160,000 กม.
- แบตเตอรี่ไฮบริด: 10 ปี หรือ 241,400 กม.(โอนเจ้าของได้)
- ToyotaCare: บำรุงรักษาฟรี 2 ปี หรือ 40,234 กม. + บริการฉุกเฉิน 2 ปี (ไม่จำกัดระยะทาง)
กำหนดวางขาย: ปลายปี 2025 (สหรัฐฯ) ราคา: จะประกาศใกล้วันจำหน่ายจริง