ยูเครนดัดแปลง BMW 7-Series (E38) เป็น “รถยิงจรวด” แบบชั่วคราว เมื่อรถหรูถูกใช้ในสงครามยุคโดรน

ยูเครนดัดแปลง BMW 7-Series (E38) เป็น “รถยิงจรวด” แบบชั่วคราว เมื่อรถหรูถูกใช้ในสงครามยุคโดรน
Spread the love
Advertisement Advertisement

ยูเครนดัดแปลง BMW 7-Series (E38) เป็น “รถยิงจรวด” แบบชั่วคราว เมื่อรถหรูถูกใช้ในสงครามยุคโดรน

รถหรูยุค 90 กลายเป็น “แพลตฟอร์มยิงแล้วหนี” ในสนามรบ

ภาพและคลิปที่ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียในช่วงหลัง เผยให้เห็นยานพาหนะที่ดูเหมือนหลุดมาจากหนังแอ็กชัน เมื่อกองกำลังยูเครนใกล้พื้นที่บัคห์มุต (Bakhmut) ใช้รถซีดานหรูอย่าง BMW 7-Series รหัส E38 มาดัดแปลงเป็นแพลตฟอร์มยิงจรวดแบบชั่วคราวที่มีบทบาทใกล้เคียงกับแนวคิด “ยิงเป็นชุดแล้วเคลื่อนที่หลบ” (shoot-and-scoot) ซึ่งเป็นแนวทางที่พบได้ในสงครามยุคใหม่ที่ โดรนลาดตระเวน และการยิงตอบโต้ (counter-battery) ทำงานรวดเร็วขึ้นมาก

ประเด็นสำคัญคือ นี่ไม่ใช่ “รถถัง” และไม่ใช่อาวุธระดับโรงงานผลิตอย่างเป็นทางการ แต่เป็นการนำยานยนต์พลเรือนมาประยุกต์ใช้งาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการสนับสนุนการยิงในระยะสั้น ภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความพร้อมของยุทโธปกรณ์

Advertisement Advertisement

ทำไมต้องเป็นรถพลเรือน ความเร็ว การพรางตัว และความคาดไม่ถึง

ในสภาพแวดล้อมที่การตรวจจับทำได้ง่ายขึ้นจากโดรนและเซ็นเซอร์ การอยู่กับที่นานเกินไปหมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
แพลตฟอร์มแบบ “เบา” จึงมีข้อได้เปรียบเชิงยุทธวิธีบางด้าน ได้แก่

  • เคลื่อนที่เร็วกว่า ยานยนต์ทหารหนักในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนตำแหน่งหลังปฏิบัติการ
  • พรางตัวได้แนบเนียนกว่า เพราะรูปลักษณ์คล้ายรถทั่วไป ลดความโดดเด่นในบางพื้นที่
  • ค่าใช้จ่าย/ความพร้อมใช้งาน อาจดีกว่าเมื่อเทียบกับระบบที่ผลิตเฉพาะทาง
  • ความคาดไม่ถึง จากการใช้งานที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบเหล่านี้แลกมากับข้อจำกัดที่ชัดเจน เช่น การป้องกันตัวต่ำกว่า ความทนทานต่อสภาพสนามรบ และความแม่นยำ/ความเสถียรโดยรวม ซึ่งทำให้แนวคิดนี้เหมาะกับบางภารกิจเท่านั้น และต้องพึ่งพาการวางแผน ความปลอดภัย และการปฏิบัติการที่รัดกุม

ลายพรางแบบ “ต้นแบบทดสอบ” และแนวคิดยิงแล้วถอนตัว

จากภาพที่ถูกเผยแพร่ รถคันดังกล่าวถูกพ่นสีโทนเทา-เขียวเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และมีชุดอุปกรณ์ยิงติดตั้งบริเวณด้านบน/ด้านท้าย แนวคิดการใช้งานโดยภาพรวมสะท้อนหลัก “ปฏิบัติการเร็ว” คือเข้าพื้นที่ เลือกตำแหน่งที่เหมาะสม ปฏิบัติการช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วเปลี่ยนตำแหน่งทันที
เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกติดตามและถูกยิงตอบโต้ หมายเหตุ: เพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสม บทความนี้จะไม่ลงรายละเอียดเชิงเทคนิคที่เข้าข่าย “แนวทางการประกอบ/การใช้งานอาวุธ”
และมุ่งอธิบายในกรอบภาพรวมเชิงข่าวและแนวคิดทางยุทธวิธีเท่านั้น

ไม่ใช่ครั้งแรก ยูเครนกับการ “ดัดแปลงอุปกรณ์เฉพาะหน้า”

การประยุกต์ใช้ยานยนต์หรือโครงสร้างพลเรือนในสงครามไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้อง “ทำให้มี” ภายใต้ข้อจำกัด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีรายงานการติดตั้งระบบยิงแบบง่ายบนรถกระบะหรือรถเบา เพื่อเพิ่มการสนับสนุนการยิงทางอ้อมในระดับหน่วย และในสงครามยูเครนเอง ก็มีกรณีการปรับแต่งรถพลเรือนเพื่อภารกิจต่าง ๆ ปรากฏในสื่อและโซเชียลเป็นระยะ

ในมุมหนึ่ง นี่สะท้อน “วัฒนธรรมการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า” (field expedient) ที่เกิดได้ในหลายสมรภูมิ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ย้ำให้เห็นว่า สนามรบยุคใหม่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและความเร็ว ไม่ใช่เพียง “ความหนัก” ของอาวุธอย่างเดียว

มุมมองสายยานยนต์ ทำไม E38 ถึงถูกเลือก (ในเชิงสมมติฐาน)

แม้จะไม่มีข้อมูลยืนยันรายละเอียดการตัดสินใจเลือกโมเดล แต่ถ้ามองจากมุมยานยนต์ “รถซีดานใหญ่” อย่าง E38 อาจมีคุณลักษณะบางอย่างที่เอื้อต่อการใช้งานภาคสนาม เช่น ฐานล้อและมวลรถที่ช่วยเรื่องเสถียรภาพ ความสามารถในการบรรทุก และห้องโดยสารที่เอื้อต่อการทำงานของทีมในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความคล่องตัว ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์เชิงทั่วไป ไม่ใช่การยืนยันเชิงข้อเท็จจริงเฉพาะกรณี

บทสรุป “รถยิงจรวด” คือภาพสะท้อนสงครามที่เปลี่ยนเร็ว

รถ BMW E38 ที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ครั้งนี้ กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสงครามที่เปลี่ยนรูปแบบอย่างรวดเร็ว เมื่อฝ่ายปฏิบัติการต้องผสมผสาน ความคิดสร้างสรรค์ เข้ากับ ความอยู่รอด ภายใต้แรงกดดันจากการตรวจจับด้วยโดรนและการตอบโต้ที่ฉับไว แม้รูปลักษณ์จะชวนให้ผู้คนพูดถึงในโลกออนไลน์ แต่ในภาคสนาม “ความเร็วและการพรางตัว” อาจเป็นตัวแปรสำคัญไม่แพ้ขนาดอาวุธ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

นี่คือระบบ MLRS จริง ๆ หรือไม่?

ในเชิงคำเรียก “MLRS” มักหมายถึงระบบยิงจรวดหลายลำกล้องที่ออกแบบมาเฉพาะทาง
กรณีนี้เป็นการประย

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้