BOI ยืนยันรถยนต์ผลิตไทยใช้ชิ้นส่วนในประเทศ BEV ไม่น้อยกว่า 40% PHEV 45%

BOI ยืนยันรถยนต์ผลิตไทยใช้ชิ้นส่วนในประเทศ BEV ไม่น้อยกว่า 40% PHEV 45%
Spread the love
Advertisement Advertisement

Advertisement

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ออกมาตรการชุดใหญ่ภายใต้ชื่อ “มาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทย เพื่อรองรับโลกยุคใหม่” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยรับมือกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันทางการค้าที่เข้มข้น โดยมีมาตรการย่อย 5 ข้อ ดังนี้

1. ส่งเสริม SMEs ไทยให้ปรับปรุงประสิทธิภาพ

บีโอไอเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับ SMEs ไทย ที่ขึ้นทะเบียนกับ สสว. โดยขยายการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเดิม 3 ปี เป็น 5 ปี ในวงเงินร้อยละ 100 ของเงินลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การใช้ระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีดิจิทัล การประหยัดพลังงาน การยกระดับมาตรฐานสากล และการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่

2. ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content)

มาตรการนี้มุ่งเน้นอุตสาหกรรม ยานยนต์ไฟฟ้า และ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเข้าสู่ Supply Chain โลก โดยบริษัทที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และใช้ชิ้นส่วนในประเทศตามสัดส่วนที่กำหนด (เช่น BEV ไม่น้อยกว่า 40%, PHEV 45%, ชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า 15%, เครื่องใช้ไฟฟ้า 40%) จะได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 2 ปี ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

3. เพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณากระบวนการผลิต

บีโอไอกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนมากขึ้นสำหรับกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการสวมสิทธิและอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์โลหะ สิ่งทอ เฟอร์นิเจอร์ และกระเป๋า โดยต้องมีกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญและมีการแปรรูปวัตถุดิบหลักอย่างเพียงพอ (เช่น มีการเปลี่ยนพิกัดศุลกากรอย่างน้อย 4 หลัก)

Advertisement

Advertisement

4. จัดระเบียบการลงทุนในบางสาขา

เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและรักษาสมดุลในการแข่งขัน บีโอไอยกเลิกการส่งเสริมการลงทุนในบางกิจการ และกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม:

  • กิจการที่ใช้เทคโนโลยีไม่สูงและมีความเสี่ยงต่อมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ: ยกเลิกการส่งเสริมผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ อุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และกำหนดให้มีหุ้นไทยข้างมากในกิจการผลิตเฟอร์นิเจอร์ กระเป๋า และสิ่งพิมพ์
  • กิจการที่มีปริมาณผลิตเกินความต้องการ (Oversupply): ยกเลิกการส่งเสริมผลิตเหล็กขั้นปลายทุกชนิด เช่น เหล็กทรงยาว เหล็กแผ่นรีดร้อน เหล็กแผ่นหนา ท่อเหล็ก และกิจการตัดโลหะ
  • กิจการที่มีความเสี่ยงด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือชุมชน: งดให้สิทธิถือครองที่ดินสำหรับกิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะ เคมีภัณฑ์ พลาสติก การรีด ดึง หล่อ หรือทุบโลหะ เพื่อให้กิจการเหล่านี้ต้องไปตั้งในนิคมอุตสาหกรรมและได้รับการกำกับดูแลที่รัดกุม

5. ปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างงานบุคลากรต่างชาติ

เพื่อสร้างโอกาสการจ้างงานและกระตุ้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรไทย กิจการผลิตที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะต้องจ้างบุคลากรไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 นอกจากนี้ ยังกำหนดรายได้ขั้นต่ำของบุคลากรต่างชาติที่จะขอใช้สิทธิด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงานกับบีโอไอ เช่น ผู้บริหารต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่า 150,000 บาทต่อเดือน และผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่า 50,000 บาทต่อเดือน เพื่อคัดกรองบุคลากรต่างชาติทักษะสูงเข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทย


บีโอไอเน้นย้ำว่า สงครามการค้าโลกทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ดังนั้น การออกมาตรการเหล่านี้จึงเป็นการวางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจและการลงทุนที่เหมาะสม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเดิมและสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระยะยาว

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้