BYD ปัดเราไม่ได้เป็นเจ้าของรถเหล่านี้ หลังโดนจับได้! เก็บรถกว่า 1,600 คันใน “สวนสนุกน้ำ” ออสเตรเลีย ปมลักลอบใช้พื้นที่โดยไม่ขออนุญาต
BYD โดนจับได้! เก็บรถกว่า 1,600 คันใน “สวนสนุกน้ำ” ออสเตรเลีย — ปมลักลอบใช้พื้นที่โดยไม่ขออนุญาต
การเติบโตที่เร็วเกินคาด
เพียงไม่กี่ปีหลังจากเปิดตัวรถรุ่นแรกอย่าง BYD Atto 3 ในออสเตรเลีย แบรนด์จีนรายนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในค่ายรถที่ “มาแรงที่สุด” ในตลาด EV ท้องถิ่น
ภายในเวลาไม่นาน BYD ได้ขยายไลน์อัปครบทั้งซีดาน ครอสโอเวอร์ และล่าสุดกับ กระบะปลั๊กอิน Shark 6 ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน พร้อมทั้งมีแผนจะนำเข้า Sealion 6 และ Sealion 7 ในช่วงปลายปีนี้
แต่ในขณะที่ยอดขายพุ่งแรงและชื่อเสียงเริ่มติดตลาด กลับมีข่าวฉาวที่สะท้อนว่า “ความเร็วในการเติบโตอาจแซงกฎระเบียบไปเล็กน้อย”
ลานจอดรถสวนสนุกกลายเป็นโกดังรถ BYD
รายงานจากสื่อท้องถิ่นออสเตรเลียระบุว่า มีรถยนต์ BYD มากกว่า 1,600 คัน ถูกจอดเรียงรายในลานจอดของ Jamberoo Action Park — สวนสนุกน้ำชื่อดังที่อยู่ห่างจากนครซิดนีย์ไปทางใต้ประมาณ 90 นาที
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ คือสวนสนุกแห่งนี้เพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งหลังปิดฤดูหนาว แต่ในช่วงที่ปิดนั้น “พื้นที่จอดรถกลับถูกใช้เป็นโกดังเก็บรถของ BYD” โดยไม่มีการขออนุญาตจากสภาท้องถิ่นก่อน
จากภาพถ่ายดาวเทียมและรายงานภาคสนาม มีรถหลายรุ่น เช่น
-
BYD Shark 6 (กระบะปลั๊กอิน)
-
BYD Sealion 6 / Sealion 7 (SUV ปลั๊กอิน/ไฟฟ้า)
-
BYD Seal (ซีดานไฟฟ้า)
ถูกจอดเรียงกันแน่นเต็มพื้นที่คล้ายศูนย์พักรถนำเข้าชั่วคราว
สภาท้องถิ่นรู้เรื่อง – ส่งคำเตือนหยุดใช้พื้นที่ทันที
แม้ Jamberoo Action Park จะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่กฎหมายท้องถิ่นกำหนดชัดเจนว่าพื้นที่จอดรถของสวนสนุกนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถานที่พักผ่อนหรือการท่องเที่ยวเท่านั้น
ดังนั้นการนำรถยนต์เชิงพาณิชย์จำนวนมากมาจอด จึงเข้าข่ายละเมิดข้อกำหนดด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use Regulation)
สภา Kiama Council เปิดเผยว่าได้ติดตามสถานการณ์นี้มานานกว่า 2 เดือน และในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เจ้าของสวนสนุกได้ยื่นคำร้อง (Development Application – DA) ขออนุญาตเปลี่ยนการใช้พื้นที่อย่างถูกต้อง แต่กระบวนการอนุมัติยังไม่แล้วเสร็จ
ล่าสุด สภาได้ออก “คำเตือนอย่างเป็นทางการ” ให้เจ้าของหยุดการเก็บรถทั้งหมดทันที พร้อมระบุว่า
“สภากำลังทำงานร่วมกับเจ้าของ Jamberoo Action Park เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่จะถูกใช้งานเฉพาะวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น”
ในขณะนี้ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยตรง แต่ BYD Australia ระบุว่า บริษัท ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์เหล่านี้ และเป็นหน้าที่ของบริษัทคู่สัญญาด้านโลจิสติกส์ในการดูแล
“ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ การจัดเก็บรถยนต์ของ BYD ถูกดูแลโดยพันธมิตรด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ซึ่งดูแลหลายพื้นที่รอบท่าเรือ Port Kembla และบริเวณโดยรอบ” BYD Australia ระบุ
มีการคาดการณ์ว่ารถเหล่านี้อาจเป็นทรัพย์สินของบริษัท Eagers Automotive Limited (ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ) ซึ่งเป็นพันธมิตรของ BYD ในด้านโลจิสติกส์และการจัดเก็บรถยนต์
สำนักข่าว CarExpert รายงานว่าได้ติดต่อไปยัง Eagers Automotive ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ
เทศบาลเมือง Kiama ได้ออกคำสั่งให้ Jamberoo Action Park ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติการวางแผนและการประเมินสิ่งแวดล้อม (EP&A Act)
หลังจากนั้นมีการยื่น คำขอพัฒนา (Development Application หรือ DA) ต่อสภาเทศบาล แต่เมื่อเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นแล้ว สภาได้มีมติ ปฏิเสธคำขอดังกล่าว
“สภากำลังทำงานร่วมกับเจ้าของ Jamberoo Action Park เพื่อแก้ไขปัญหานี้ และเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่จะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น” — แถลงการณ์จากสภาเทศบาลเมือง Kiama
สภายังระบุเพิ่มเติมว่า Jamberoo Action Park ตั้งอยู่บนถนน Jamberoo Road ซึ่งเป็นถนนในความดูแลของเทศบาล
“สภาให้การสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง เช่น การติดตั้งสถานีชาร์จ EV ที่ The Pavilion และดำเนินโครงการลดการปล่อยคาร์บอนตามแผนลดการปล่อยก๊าซขององค์กร”
สะท้อนปัญหา “รถล้นสต็อก” และแรงกดดันในตลาด EV ออสเตรเลีย
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมยานยนต์มองว่า เหตุการณ์นี้สะท้อน “แรงกดดันด้านโลจิสติกส์” ของ BYD ที่เติบโตเร็วเกินกว่าที่ระบบซัพพลายเชนในออสเตรเลียจะรองรับได้
ปัจจุบัน BYD ต้องรับรถจำนวนมากจากโรงงานในจีนเพื่อป้อนเข้าสู่เครือข่ายดีลเลอร์ทั่วประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ “รถเข้ามามากเกินความต้องการชั่วคราว” จนต้องหาพื้นที่พักรถเพิ่ม
อีกมุมหนึ่งก็คือ “การแข่งขันรุนแรงในตลาดรถจีน” — ปีนี้ ยอดขายของ BYD ในออสเตรเลียถูกแซงหน้าโดย GWM (Great Wall Motor) เป็นครั้งแรก โดย GWM ใช้กลยุทธ์ราคายืดหยุ่นและการกระจายศูนย์เก็บรถที่มีประสิทธิภาพกว่า
มุมมองส่งท้าย
BYD ยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดจากจีน และมีภาพลักษณ์เชิงบวกในออสเตรเลียในฐานะ “EV ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด” แต่เหตุการณ์นี้อาจกลายเป็น “รอยด่างทางภาพลักษณ์” ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นระยะสั้น
ขณะเดียวกัน กรณีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึง “ความท้าทายใหม่” ของค่ายรถจีนทั่วโลก — นั่นคือ การบริหารโลจิสติกส์และการปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นให้รัดกุมมากขึ้นในทุกประเทศที่ขยายตลาด
