หวังชวนฝูเปิดใจ! ทำไม BYD ยอดขายตก… และ เตรียมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่จะเขย่าโลก ในอนาคต

BYD ชี้แจงยอดขายในประเทศชะลอตัว หวังชวนฝู เผย “เทคโนโลยีใหญ่” เตรียมเปิดตัวปี 2026 รุกตลาดโลกหนักกว่าเดิม
ภาพรวม ยอดขาย BYD ชะลอในจีน แต่ยอดส่งออกยังพุ่งทะลุ 297%
ในการประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญครั้งที่ 2 ประจำปี 2025 ของ BYD หวังชวนฝู (Wang Chuanfu) ประธานและซีอีโอ ได้ออกมาชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาถึง “เหตุผลที่ยอดขายในตลาดจีนปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงและเริ่มชะลอตัวในบางเดือน” แม้ BYD จะยังเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่ของโลก แต่การแข่งขันภายในจีนเข้มข้นขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
ขณะเดียวกัน ยอดขายในตลาดต่างประเทศกลับเติบโตในอัตราสูงมาก โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน 2025 ที่มียอดส่งออกรวม 131,661 คัน เติบโต 297% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนว่า BYD ได้เปลี่ยนสมรภูมิจากการพึ่งพาตลาดในประเทศ ไปสู่การขยายตลาดโลกอย่างจริงจัง
ทำไมยอดขาย BYD ในจีนถึงชะลอตัว? หวังชวนฝูอธิบายชัด
1) เทคโนโลยีไม่น่าตื่นตาเหมือนช่วงปี 2022–2024
หวังชวนฝูยอมรับว่า BYD เคยอยู่ในช่วง “Golden Age ของเทคโนโลยี” เช่น DM-i รุ่นแรก, e-Platform 3.0, Blade Battery ซึ่งออกมาด้วยความเหนือกว่าแบรนด์อื่นแบบทิ้งห่างหลายปี
แต่ปัจจุบัน ภาพของความล้ำหน้าเริ่มลดลง เนื่องจากคู่แข่งหลายค่ายเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง ทำให้ตลาดเกิดความใกล้เคียงกันมากขึ้น (Homogenization)
2) ปัญหาใช้งานจริง เช่น ชาร์จช้าในสภาพอากาศหนาว
BYD พบว่าผู้ใช้จำนวนมากให้ความสำคัญกับการชาร์จเร็วในสภาพอุณหภูมิต่ำ ซึ่งยังเป็นจุดที่ BYD ต้องเร่งแก้ไขเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาด EV ระดับโลก
หวังชวนฝูกล่าวประโยคสำคัญที่ดึงดูดความสนใจอย่างมาก:
“ตอนนี้เทคโนโลยีเรายังไม่ได้นำหน้ามากพอ เพราะเรายังมี เทคโนโลยีสำคัญเตรียมเปิดตัวในอนาคต แต่ยังไม่สะดวกเปิดเผยในตอนนี้” ซึ่งสื่อจีนเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่เจเนอเรชันใหม่, มอเตอร์ใหม่ หรือแพลตฟอร์มยุคใหม่ของ BYD
ยอดขายล่าสุด ลดลงบางเดือน แต่ยังเติบโตโดยรวม
| เดือน | ยอดขาย | เทียบปีที่แล้ว | ไฮไลต์ |
|---|---|---|---|
| กันยายน 2025 | 396,300 คัน | ลดลง | เป็นครั้งแรกของปีที่ยอดขายลดลง YoY |
| ตุลาคม 2025 | 441,706 คัน | เพิ่มขึ้น | ทำยอดสูงสุดของปีในขณะนั้น |
| พฤศจิกายน 2025 | 480,186 คัน | เพิ่มขึ้นมาก | ยอดส่งออกโต 297% สร้างสถิติใหม่ |
กลยุทธ์ใหม่ของ BYD ปี 2026–2028 เดินเกม 3 ทิศทาง
1) เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ชุดใหญ่ภายใน 2–3 ปี
BYD ยืนยันว่าจะเน้นทั้ง “ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ” และ “สมาร์ทคาร์” โดยทุ่มงบ R&D มากขึ้น อาศัยทีมวิศวกรกว่า 120,000 คน เพื่อสร้างเทคโนโลยีที่นำตลาดชัดเจน เหมือนยุค Blade Battery และ DM-i รุ่นแรก
2) ปรับโครงสร้างการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บริษัทระบุว่าเติบโตเร็วมากในช่วง 2 ปี ทำให้เกิด “ความผ่อนคลายทางการตลาด” แต่ต่อไป BYD จะทำการตลาดเชิงลึกมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับความต้องการผู้ใช้ได้เฉียบคมกว่าเดิม
3) เร่งขยายตลาดต่างประเทศ
ยอดส่งออกที่โต 297% ยืนยันชัดว่า BYD จะเดินหน้าสร้างฐานการผลิตต่างประเทศ ขยายตลาดยุโรป เอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้แบบยาวต่อเนื่อง
สรุป BYD กำลังเข้าสู่เฟสใหม่ของการแข่งขัน
แม้ยอดขายในจีนจะเริ่มชะลอจากการแข่งขันที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงวงจรเทคโนโลยี แต่ภาพรวมของ BYD ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะยอดส่งออกที่เติบโตอย่างรุนแรง พร้อมกันนั้น BYD ได้ยืนยันว่ามี “เทคโนโลยีรุ่นใหม่” รอการเปิดตัวในอีกไม่นาน ซึ่งอาจเป็นจุดพลิกเกมในตลาด EV โลกอีกครั้ง
BYD จะกลับมาทวงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้หรือไม่? ปี 2026–2028 จะเป็นบทพิสูจน์สำคัญของแบรนด์นี้
