2 ปีวิ่ง 217,000 กม. ไม่มีปัญหาอะไร BYD DOLPHIN เปลี่ยนแค่ น้ำหล่อเย็น , น้ำมันเฟือง และ น้ำมันเบรกในรอบ 200,000 กม.

สรุปประสบการณ์ใช้งานรถ BYD ระยะทางสูงในบราซิล
-
รถ BYD Dolphin ในบราซิลวิ่งมาแล้ว 217,000 กม. ภายใน 2 ปี
-
สภาพรถยังดีมาก
- มอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า + แบตเตอรี่ 45 kWh
- ยังแสดงระยะทางเต็ม 405 กม. ต่อการชาร์จ
- ผ้าเบรกและจานเบรกยังเป็นของเดิม
- มีการดูแลบำรุงรักษาตามระยะ เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น / น้ำมันเฟืองท้าย / น้ำมันเบรก
- ภายในเริ่มมีรอยเปื้อนจากการใช้งาน แต่โดยรวมยังดูดี
หนึ่งในคำถามใหญ่เกี่ยวกับรถยนต์จีนคือ “มันจะทนไหม?” และต้องยอมรับว่า… เรายังไม่รู้แน่ชัด
โดยรวมแล้ว แบรนด์รถยนต์จากจีนส่วนใหญ่ยังถือว่าใหม่มาก และพัฒนาไปไกลในระยะเวลาอันสั้น ภาพจำเก่าๆ เกี่ยวกับรถจีนที่คุณภาพแย่และเป็นของก็อปเกรดต่ำจากยุคประมาณปี 2000 อาจใช้ไม่ได้กับยุคใหม่ของ EV สุดล้ำจากจีนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังใหม่เกินกว่าจะบอกได้ว่ารถพวกนี้จะทนใช้ไปนานๆ ได้แค่ไหน — และข้อมูลก็ยังเข้าถึงยากสำหรับแหล่งตะวันตก
แต่จากประสบการณ์ของเจ้าของรถก็บอกอะไรเราได้เยอะ
ในหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์จากจีนเริ่มเข้ามาในตลาดลาตินอเมริกาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในบราซิลที่มีการใช้รถ EV และไฮบริดของ BYD มานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยเริ่มจากรุ่น Dolphin และ Dolphin Mini (หรือชื่อในจีนว่า Seagull)
มียูทูบเบอร์คนหนึ่งชื่อ “Gilson” ที่มีประสบการณ์ใช้งานรถ BYD หลายรุ่น และได้ทำคลิปหลายตอนเกี่ยวกับรถที่วิ่งมาเยอะ หนึ่งในนั้นคือ Dolphin ที่วิ่งมาแล้วกว่า 217,000 กิโลเมตร (ประมาณ 135,000 ไมล์) ภายในเวลาแค่ 2 ปี
รถคันนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 95 แรงม้า และแบตเตอรี่ขนาด 45 kWh ตามมาตรฐาน NEDC เคลมว่าได้ระยะทาง 405 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา คนขับชื่อ “คุณ Elio” ซึ่งเป็นพนักงานขับรถให้บริษัทของ Gilson บอกว่า “ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยังใช้งานได้ดี ไม่มีอะไรให้บ่น” แม้แต่ ผ้าเบรกกับจานเบรกก็ยังเป็นของเดิมจากโรงงาน และยังโชว์ระยะทาง 405 กม. เต็มอยู่เหมือนเดิมทุกครั้งที่ชาร์จเต็ม
การดูแลบำรุงรักษาก็มีส่วนช่วยให้รถอยู่ในสภาพดี
- มีการเปลี่ยนน้ำหล่อเย็น
- เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้ายของมอเตอร์ไฟฟ้า
- พอครบ 200,000 กม. ก็เปลี่ยนน้ำมันเบรก (ตามรอบแนะนำทุก 2 ปี)
สิ่งเดียวที่ดูจะสึกหรอจริงๆ ก็คือ ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะเบาะหนังเทียมที่เริ่มจะหมองจากคราบน้ำมันและเหงื่อของผู้โดยสารจำนวนมากตลอดระยะทางกว่าแสนไมล์ แต่โดยรวมก็ยังดูสะอาดและดูดีอยู่
นอกจากนั้น Gilson ยังมีคลิปของ BYD Seagull (Dolphin Mini) ที่วิ่งไปแล้ว 100,000 กม. (62,000 ไมล์) ซึ่งก็อยู่ในสภาพดีเช่นกัน
-
ปัญหาเดียวคือแผ่นปิดใต้ท้องรถที่ต่ำไปหน่อย และหลุดจากการขูดถนนในบราซิล ต้องซ่อม
-
นอกจากนั้น เจ้าของรถบอกว่า แค่เปลี่ยนกรองแอร์ห้องโดยสารเท่านั้น
Gilson เชื่อว่า Dolphin คันที่วิ่งไปแล้ว 220,000 กม. ยังสามารถวิ่งต่อไปได้ถึง 300,000 กม. หรือมากกว่านั้น
แม้ราคาจะถูก แต่คำถามที่ยังติดค้างอยู่เสมอคือ “ของถูกแบบนี้จะคุ้มค่าไหม?”
และอย่างน้อยในช่วงแรก ก็ต้องบอกว่า BYD กำลังพิสูจน์ตัวเอง ว่า ราคาถูกก็ไม่ได้แปลว่าคุณภาพต่ำ เพราะจากข้อมูลในภาคสนามตอนนี้ รถพวกนี้ “วิ่งจริง ทนจริง”