BYD ตอบปัญหาระบบขับขี่อัตโนมัติ ตาเทพเจ้า ช่วยขับไม่ได้ทุกสถานการณ์

BYD ตอบปัญหาระบบขับขี่อัตโนมัติ ตาเทพเจ้า ช่วยขับไม่ได้ทุกสถานการณ์
Spread the love
Advertisement Advertisement

 

BYD ตอบชัด Q&A “ตาแห่งเทพเจ้า God’s Eye ” ระบบช่วยขับอัจฉริยะ ตอนที่ 2

ใช้งานจริงได้แค่ไหน? มีข้อจำกัดอะไรบ้าง?

BYD เดินหน้าสื่อสารกับผู้ใช้รถยนต์ยุคใหม่ ด้วยการเปิดเผย คำถาม–คำตอบ (Q&A) ชุดที่ 2 เกี่ยวกับระบบขับขี่อัจฉริยะ “ตาแห่งเทพเจ้า” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยขับขั้นสูง (ADAS) ที่หลายคนเริ่มนำมาใช้งานจริง โดยครั้งนี้ทีมวิศวกรได้ตอบอย่างละเอียดถึงข้อสงสัยที่ผู้ขับถามกันบ่อยที่สุด

1. ใช้ได้หรือไม่เมื่อเจอสภาพอากาศเลวร้าย?

ฝนตกหนัก หิมะตก น้ำท่วมขัง หมอกจัด หรือเมื่อกล้องและเรดาร์ถูกรบกวน ล้วนทำให้การรับรู้ของเซนเซอร์ผิดพลาด BYD ระบุว่า ไม่แนะนำให้ใช้ระบบในสภาพดังกล่าว หากใช้อยู่ ควรรีบให้ผู้ขับควบคุมรถเอง

2. ทำไมกดถอยอัตโนมัติแล้วบางครั้งไม่ทำงาน?

หากหลังจากจอดด้วยระบบอัตโนมัติแล้ว ผู้ขับขยับรถด้วยตนเอง ระบบจะ ลืมตำแหน่งเดิมของช่องจอด ส่งผลให้ไม่สามารถใช้ฟังก์ชันถอยออกได้ วิธีแก้คือ ควรเปิดโหมดถอยออกทันทีหลังจอดสำเร็จ โดยไม่ต้องเลื่อนรถเอง

3. พวงมาลัยสั่นระหว่างโหมดนำร่องทางด่วนถือว่าปกติ

ผู้ใช้บางรายรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นระหว่างใช้งานระบบนำร่องความเร็วสูง (Highway Pilot) ซึ่ง BYD ยืนยันว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะระบบจะปรับการควบคุมตามโค้ง รอยต่อถนน หรือลูกระนาด เพื่อให้รถวิ่งกึ่งกลางเลนตลอดเวลา

4. หากไม่ขับลงทางออกตามที่ระบบนำทางกำหนด

ในกรณีผู้ขับไม่เลี้ยวลงทางออกตามที่ระบบระบุ ระบบจะ ลดระดับการทำงาน และระบบนำทางจะคำนวณเส้นทางใหม่ หลังจากผู้ขับหยุดควบคุมเอง ระบบสามารถกลับมาทำงานต่อได้ แต่ถ้าถูกปิดไปแล้ว จะต้องกดเปิดใหม่เอง

5. รถสามารถหลบหลุมอัตโนมัติได้หรือไม่

คำตอบคือ ยังไม่สามารถทำได้ ระบบจะไม่เบรกหรือเบี่ยงเลนเมื่อเจอหลุมลึก ผู้ขับต้องควบคุมรถเอง

6. ถ้าเส้นเลนไม่ชัดเจนหรือกล้องมัว ระบบยังวิ่งตรงได้หรือไม่

ระบบจะพยายามประเมินเส้นเลนจากการเคลื่อนที่ของรถรอบข้างและสภาพถนน แต่ถ้าเส้นเลนเลอะเลือนหรือผิดเพี้ยนมากเกินไป อาจทำให้รถไม่วิ่งกึ่งกลางเลน หรือระบบลดระดับการทำงานลงทันที ผู้ขับจึงควรพร้อมเข้าควบคุมเสมอ

Advertisement Advertisement

สรุป Q&A ระบบ “ตาแห่งเทพเจ้า” BYD (ตอนที่ 2)

  • สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น ฝนตกหนัก หมอกจัด หิมะตก – ไม่ควรใช้ระบบ ให้ผู้ขับควบคุมเอง
  • ถอยออกอัตโนมัติ จะใช้ไม่ได้ถ้าขยับรถเองหลังจอด ต้องเปิดโหมดถอยออกทันทีหลังจอด
  • พวงมาลัยสั่น ระหว่างโหมดนำร่องทางด่วน เป็นเรื่องปกติ ระบบช่วยให้รถอยู่กึ่งกลางเลน
  • หากไม่ลงทางออกตามนำทาง ระบบจะ ลดการทำงาน–คำนวณเส้นทางใหม่ ต้องกดเปิดใหม่หากปิดไปแล้ว
  • ระบบ ยังไม่สามารถหลบหลุมอัตโนมัติได้ ผู้ขับต้องควบคุมเอง
  • ถ้าเส้นเลนไม่ชัด ระบบจะคาดคะเนเลน แต่หากเบลอมากอาจไม่ตรงกลางหรือระบบลดการทำงาน

สรุป: “ตาแห่งเทพเจ้า” คือผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้ขับหลัก ผู้ขับยังต้องพร้อมควบคุมตลอดเวลา

God’s Eye คือ ?

เมื่อพูดถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ชื่อของ BYD มักถูกพูดถึงเสมอ ล่าสุดค่ายรถยักษ์ใหญ่จากจีนได้เปิดตัวระบบช่วยขับอัจฉริยะในชื่อ “God’s Eye” หรือ ตาแห่งเทพเจ้า ที่กำลังถูกจับตามองในฐานะคู่แข่งของ Tesla Autopilot และ Huawei ADS

God’s Eye คืออะไร?

God’s Eye คือระบบ Intelligent Driving System หรือ ADAS (Advanced Driver Assistance System) ที่ BYD พัฒนาเองตั้งแต่ฮาร์ดแวร์จนถึงซอฟต์แวร์ จุดมุ่งหมายคือช่วยให้ผู้ขับ ปลอดภัย สะดวกสบาย และมั่นใจ ยิ่งขึ้น โดยไม่ใช่การขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานเคียงข้างผู้ขับ

เทคโนโลยีเบื้องหลัง

  • กล้องรอบคันความละเอียดสูง → ตรวจจับเลน ถนน และสิ่งกีดขวาง

  • เรดาร์และเซนเซอร์หลายจุด → วัดระยะห่าง ตรวจจับรถคันอื่น รวมถึงสภาพแวดล้อม

  • สมองกลประมวลผล (AI Algorithm) → วิเคราะห์สถานการณ์แบบเรียลไทม์ และตัดสินใจควบคุมรถตามเงื่อนไขความปลอดภัย

  • อัปเดต OTA → ผู้ใช้สามารถรับฟีเจอร์ใหม่ได้เหมือนอัปเดตมือถือ

ฟังก์ชันหลัก

  • Highway Pilot (นำร่องทางด่วน)

    • ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยอัตโนมัติ

    • เปลี่ยนเลนตามสภาพการจราจร

    • รักษารถให้อยู่กึ่งกลางเลน

  • Intelligent Parking (ช่วยจอดอัจฉริยะ)

    • จอดเข้าซองและถอยออกได้เอง

    • ลดความยุ่งยากในการหาที่จอดในเมือง

  • ระบบช่วยรักษาความปลอดภัยพื้นฐาน

    • ควบคุมระยะห่างกับรถคันหน้า

    • เตือนและช่วยรักษารถให้อยู่ในเลน

    • เบรกอัตโนมัติในสถานการณ์เสี่ยง

จุดแข็งและข้อจำกัด

  • จุดแข็ง: ทำงานได้แม่นยำบนถนนจริงในเมืองและทางด่วน, ใช้งานง่าย, รองรับการอัปเดต

  • ข้อจำกัด: ยังไม่สามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ เช่น ฝนตกหนัก หมอกจัด หรือถนนมีหลุมบ่อใหญ่ ผู้ขับยังคงต้องเป็นผู้ควบคุมหลัก

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้