เปิดตัว BYD RACCO นากทะเล ในประเทศญี่ปุ่น วิ่งได้ 180 กม./ชาร์จ

เปิดตัว BYD RACCO นากทะเล ในประเทศญี่ปุ่น วิ่งได้ 180 กม./ชาร์จ
Spread the love
Advertisement Advertisement

รายงานเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมว่า BYD (บีวายดี) ได้เปิดเผยภาพอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก “RACCO” (แปลตรงตัวว่า ‘’) ซึ่งเป็น รถ K-Car พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัท โดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนปีหน้า

  • BYD ใช้คำนี้เป็น ชื่อแบรนด์ / โมเดลรถ K-Car พลังงานไฟฟ้า ที่ออกแบบเฉพาะตลาดญี่ปุ่น และตั้งใจให้ ฟังคล้ายคำว่า “Rakko (ラッコ)” ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งแปลว่า “นากทะเล” (Sea Otter) ดังนั้น “RACCO” จึงเป็น ชื่อเชิงสร้างสรรค์ (stylized name) ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “Rakko” แต่ถูกปรับให้ดูสากลและเท่ขึ้นในแบบแบรนด์รถยนต์
  • Rakko (ラッコ) คือคำภาษาญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่หมายถึง “นากทะเล” เป็นสัตว์ที่ชาวญี่ปุ่นมองว่าน่ารัก ฉลาด และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขริมทะเล ซึ่งเข้ากับแนวคิดของรถ K-Car พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน คล่องตัว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

พัฒนาเพื่อญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

BYD ระบุว่า RACCO ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะสำหรับตลาดญี่ปุ่น ซึ่งมีข้อกำหนดเฉพาะของรถยนต์กลุ่ม “K-Car” (หรือ Kei Car – รถยนต์ขนาดเล็กพิเศษ)

รถคันนี้ใช้ดีไซน์ทรงกล่อง เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย มาพร้อม ประตู 4 บาน และประตูสไลด์ด้านหลัง เพื่อความสะดวกในเมืองที่มีพื้นที่จอดจำกัด

ขนาดตัวถังและพื้นที่โดยสาร

  • ความยาว: 3,395 มม.
  • ความกว้าง: 1,475 มม.
  • ความสูง: 1,800 มม.
  • จำนวนที่นั่ง: 4 ที่นั่ง

ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน K-Car ของญี่ปุ่นอย่างเคร่งครัด

ระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่

RACCO เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) ใช้แบตเตอรี่ชนิด ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (LFP) หรือที่ BYD เรียกว่า Blade Battery

  • ความจุแบตเตอรี่ประมาณ 20 kWh
  • ระยะทางขับขี่ตามมาตรฐาน WLTC ราว 180 กม.
  • รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 100 kW

กำหนดเปิดตัวและราคา

BYD RACCO จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน ช่วงครึ่งหลังของปี 2026 โดยคาดว่าจะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2.6 ล้านเยนญี่ปุ่น
(หรือราว 630,000 บาทไทย)

มุมมองจาก Suzuki Motor

ตามรายงานของ Nikkei ฉบับภาษาจีน ประธาน Suzuki Motor นาย Toshihiro Suzuki กล่าวถึงการที่ BYD เข้ามาในตลาดรถ Kei ของญี่ปุ่นว่า

“ทั่วโลกมีมาตรฐานรถขนาดเล็กหลากหลายแบบ และ BYD เลือกมาตรฐาน Kei ของญี่ปุ่น ผมรู้สึกยินดีที่เห็นเช่นนั้น การแข่งขันรูปแบบใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น หวังว่าเราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเดินหน้าพร้อมกันไป ขณะนี้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นมีทัศนคติเชิงบวกต่อสินค้าจีนมากขึ้น ผมคิดว่า BYD คือคู่แข่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง”

พร้อมเสริมว่า “ไม่ควรแข่งขันด้วยราคา” เนื่องจากตลาดรถ Kei กำลังมีผู้เล่นหนาแน่นขึ้น

การขยายธุรกิจของ BYD ในญี่ปุ่น

BYD เริ่มทำตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2023 โดยจำหน่ายรุ่น Dolphin, Seal, และ Yuan PLUS (Atto 3) ตามด้วย Sealion 7 ที่เปิดตัวในเดือน เมษายน 2025
บริษัทมีแผนขยายโชว์รูมเป็น 100 แห่งทั่วญี่ปุ่นภายในสิ้นปี 2025

สำหรับ BYD Racco จะถือเป็นรถรุ่นแรกในกลุ่ม Kei Car ของแบรนด์ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ “โลคัลไลซ์” เพื่อคนญี่ปุ่นมากที่สุดในปัจจุบัน

รายละเอียดทางเทคนิค ชื่อรุ่นอย่างเป็นทางการ และข้อมูลเพิ่มเติม จะถูกเปิดเผยในงาน Tokyo Motor Show 2025 อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้.

Advertisement Advertisement

2025年8月 新車販売台数トップ10 (August 2025 – Japan New Car Sales Top 10)

  1. HONDA N-BOX – 14,936 units (+3.4%)

  2. SUZUKI Spacia – 11,478 units (+2.8%)

  3. Daihatsu Move – 10,847 units (+145.0%)

  4. TOYOTA Yaris – 8,818 units (▼0.9%)

  5. TOYOTA Corolla – 8,589 units (▼18.5%)

  6. TOYOTA Raize – 7,487 units (+37.1%)

  7. Daihatsu Tanto – 6,957 units (▼29.9%)

  8. NISSAN Roomy – 6,644 units (▼17.5%)

  9. TOYOTA Sienta – 5,964 units (▼33.9%)

  10. HONDA Freed – 5,697 units (▼18.5%)

 

ทำไม BYD ยังไม่เปิดราคา “RACCO” รถไฟฟ้า K-Car ญี่ปุ่น ?

การเปิดตัว BYD RACCO ในงาน Japan Mobility Show 2025 เรียกเสียงฮือฮาทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลก เพราะนี่คือ “ก้าวแรกของแบรนด์จีนในตลาด Kei Car” ครั้งแรกของ BYD ด้วย ซึ่งเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อว่ามี “กำแพงสูงที่สุด” ในโลกยานยนต์ญี่ปุ่น ทั้งเรื่องขนาดรถ กฎหมาย ภาษี และวัฒนธรรมการใช้รถของคนญี่ปุ่นที่ละเอียดอ่อนมาก

แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนสงสัยคือ…“ทำไม BYD ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ?” ทั้งที่โชว์ตัวจริงแล้ว และข้อมูลเบื้องต้นก็มีครบ ทั้งสเปก แบตเตอรี่ และกำหนดขายกลางปี 2026

่ทำไม BYD กล้าชนตลาด kei car ญีปุ่่น ? BYD กล้าชนตลาด Kei Car ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดรถ k car หินสุดในโลก ด้วย BEV 100% “จุดเริ่มต้นใหญ่” ของ BYD ในญี่ปุ่น

ตลาด Kei Car ญี่ปุ่น: ราชาแห่ง “รถเล็กเครื่องเบนซิน”

กว่า 60 ปีที่ผ่านมา ตลาด Kei Car ในญี่ปุ่นถูกครองโดยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 660 ซีซี หรือ Hybrid เป็นหลัก รถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) มีสัดส่วนไม่ถึง 4% ของตลาด Kei Car ทั้งหมด แม้จะมีผู้เล่น BEV บ้าง เช่น Nissan Sakura และ Mitsubishi eK X EV แต่ยอดขายก็ยังจำกัด เพราะข้อจำกัดสำคัญคือ

– พื้นที่จำกัด → ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ไม่ได้
– ราคาแพง → BEV แพงกว่า Kei Car ทั่วไปเกือบ 40%
– ระบบชาร์จในญี่ปุ่นยังไม่ทั่วถึงในเมืองเล็ก

กล่าวง่าย ๆ คือ “ตลาด Kei Car BEV ญี่ปุ่นยังไม่มีใครชนะได้จริง” และนี่คือสิ่งที่ BYD เห็นเป็นโอกาสทอง

BYD มั่นใจเพราะเป็นผู้นำเทคโนโลยี BEV ระดับโลก

– BYD ไม่ได้พึ่งพาซัพพลายเออร์ภายนอกเหมือนค่ายญี่ปุ่น แต่มี เทคโนโลยีครบวงจรภายในบริษัทเอง จุดแข็งที่ทำให้กล้าชนตลาด Kei Car ญี่ปุ่นคื แบตเตอรี่ Blade Battery ขนาดเล็ก แต่ความจุสูง

– BYD สามารถผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต (LFP) ที่บางและทนกว่าแบรนด์อื่น ทำให้ติดตั้งแบตขนาด 20 – 25 kWh ในพื้นที่จำกัดของ Kei Car ได้โดยไม่เสียพื้นที่ห้องโดยสาร
– ต้นทุนต่อ kWh ต่ำกว่าคู่แข่งญี่ปุ่นราว 20–30%

แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ที่ยืดหยุ่น

– ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าแบบ Integrated (มอเตอร์+คอนโทรลเลอร์+แบตเตอรี่) ในชุดเดียว สามารถปรับสเกลลงมาใช้กับรถขนาด Kei ได้ทันที
– ประหยัดพลังงานและเบากว่าระบบของ Sakura หรือ Honda e

ประสบการณ์ในตลาด BEV ขนาดเล็กทั่วโลก

– BYD เคยทำรถไฟฟ้าขนาดเล็กในจีน เช่น BYD Seagull, Dolphin Mini ที่ขายดีระดับล้านคัน
– บริษัทจึงมี Know-how ทั้งด้านต้นทุน การจัดวางแบตเตอรี่ และระบบควบคุมพลังงานที่เหมาะกับรถไซซ์เล็ก

RACCO BEV คันแรกของ BYD สำหรับญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

BYD RACCO คือ “รถไฟฟ้า BEV ประเภท Kei Car คันแรกจากจีน” ถูกออกแบบตามข้อกำหนด Kei Car ญี่ปุ่นเป๊ะ (ยาว ≤ 3.4 ม., กว้าง ≤ 1.48 ม.)
แต่ภายในใช้เทคโนโลยี BEV เต็มรูปแบบ

มอเตอร์ไฟฟ้าขับล้อหน้า
– แบตเตอรี่ LFP ประมาณ 20 kWh
– วิ่งได้ราว 180 – 200 กม./ชาร์จ (WLTC Japan)
– ระบบชาร์จเร็ว DC และ AC รองรับหัว CHAdeMO

ออกแบบภายในเรียบหรู มินิมอลสไตล์ญี่ปุ่น จุดขายสำคัญคือ BYD ตั้งใจให้ RACCO เป็น “BEV สำหรับชีวิตประจำวันของคนญี่ปุ่นจริง ๆ”
ไม่ใช่แค่รถโชว์เทคโนโลยี

แล้วทำไม BYD กล้าเสี่ยงในตลาด BEV ที่ญี่ปุ่นยังไม่พร้อม?

– เพราะ BYD เชื่อว่าญี่ปุ่นจะต้อง “เปลี่ยน” รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเป้าหมายให้รถใหม่ทั้งหมดเป็น “ไฟฟ้าหรือไฮบริด” ภายในปี 2035 แม้ตอนนี้ตลาด BEV ยังเล็ก แต่ BYD มองว่า เมื่อโครงสร้างพื้นฐานพร้อม คนญี่ปุ่นจะเริ่มเปลี่ยนจาก Hybrid ไป BEV RACCO จึงถูกส่งมาเป็น “ตัวทดลองตลาด” ก่อนที่กระแสจะพุ่งขึ้นจริง
– เพราะ BYD มีต้นทุนต่ำ แต่คุณภาพสูง ในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นยังไม่สามารถทำ Kei Car BEV ในราคาต่ำกว่า 2 ล้านเยนได้ BYD สามารถผลิตได้ในจีนและนำเข้ามาขายโดยยังคงกำไร คาดว่าราคา RACCO จะอยู่ราว 2.5 – 2.7 ล้านเยน (ราว 580,000 – 620,000 บาท) และอาจลดเหลือ ~2 ล้านเยน หลังหักเงินอุดหนุนภาครัฐ
– เพราะตลาดนี้ “ไม่มีผู้นำชัดเจน” แม้ Nissan กับ Mitsubishi จะเปิดตัว Sakura และ eK X EV แต่ยอดขายรวมกันยังไม่ถึง 10,000 คันต่อเดือน ในขณะที่ BYD ขาย BEV ระดับล้านคันต่อปีทั่วโลก ดังนั้นตลาด Kei Car BEV จึงเป็น “สนามว่าง” ที่ BYD เห็นโอกาสชัดกว่าใคร

มาดูกันว่าเบื้องหลังการ “เลื่อนเปิดราคา” ครั้งนี้ BYD คิดอะไรอยู่

รถต้นแบบที่ยังอยู่ระหว่าง “ปรับรายละเอียด”

– แม้ตัวรถจะเปิดโชว์แล้ว แต่ RACCO ยังถูกระบุสถานะเป็น “pre-production prototype” หรือ รถต้นแบบก่อนผลิตจริง ไม่ใช่โมเดลจำหน่ายทันที ซึ่งในโลกยานยนต์ “ต้นทุนจริง” จะยังไม่นิ่ง
– ตั้งแต่ราคา-แบตเตอรี่ ค่าชิ้นส่วน แต่เชื่อว่าส่วนนี้ BYD ยอมทุ่มตลาดหากปัจจัยเอื้อ ปัจจุบันสถานะ BYD ยังไม่ตั้งโรงงานประกอบในญี่ปุ่น
– นอกจากนี้ต้นทุนการผลิต/นำเข้า, ภาษี, ค่าแรง, ค่าโลจิสติกส์, รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางรัฐบาล (หรือการลดหย่อน) อาจยังอยู่ในช่วงประเมิน BYD อาจรอให้ทราบจำนวนสั่งจอง, เงื่อนไขภาษีรัฐบาลญี่ปุ่น, หรือตลาดเป้าหมายก่อนตั้งราคา

ตลาดญี่ปุ่น “ไม่เหมือนที่ไหนในโลก”

– รถ Kei Car เป็นกลุ่มที่มีกฎหมายเฉพาะตัวมากที่สุดในโลกยานยนต์ ขนาด – แรงม้า – ราคา – ภาษี ทุกอย่างถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
– แบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง Suzuki / Daihatsu / Honda / Nissan ต่างแข่งกันด้วยดีไซน์ ฟังก์ชัน และ “ความไว้วางใจ” มากกว่าราคา ดังนั้น BYD ซึ่งเป็น “ค่ายจีนเจ้าแรก” ที่เข้ามาเล่นในสนามนี้ ต้องเดินเกมระมัดระวังเป็นพิเศษ

กลยุทธ์ภาพลักษณ์และการแข่งขัน

– ตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นมีแบรนด์ท้องถิ่นที่แข็งแรง และมีรถ K-Car ไฟฟ้า BEV มาก่อนหลายรุ่น เช่น Nissan Sakura ที่เป็นตัวเปรียบเทียบ.
– BYD อาจไม่อยากตั้งราคาที่ต่ำเกินไปจนดู “ถูกคุณภาพต่ำ” หรือสูงเกินไปจนห่างจากค่ายญี่ปุ่น จึงเลือกที่จะเปิดให้มี “ช่วงราคาโดยประมาณ” แล้วค่อยประกาศอย่างเป็นทางการ
– อีกทั้งยังต้องมองถึงการรับรู้แบรนด์ในญี่ปุ่น ซึ่งยังเป็น “ต่างชาติ” เมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่น จึงอาจเน้นสร้างความเชื่อมั่นก่อนเปิดราคา

การเปิดราคาต่ำเกินไปจะถูกมองว่า “บุกด้วยราคาถูก” แต่ถ้าเปิดแพงกว่าคู่แข่งญี่ปุ่น ก็อาจโดนโจมตีว่า “ไม่เข้าใจตลาด” จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า BYD จะ “รอดูท่าทีของตลาด” ก่อน โดยเฉพาะการเปิดตัว Nissan Dayz EV และ Suzuki Wagon R EV รุ่นใหม่ ซึ่งจะเปิดขายจริงใน Q2-2026

แผนการตลาดและสื่อสาร

– BYD อาจรอช่วงที่โชว์รูมหรือดีลเลอร์พร้อม, เครือข่ายบริการหลังการขายพร้อม และแคมเปญการตลาดถูกวางไว้แล้ว ก่อนที่จะเปิดราคาจริง
– การประกาศราคาอาจเชื่อมโยงกับโปรโมชั่นหรือสิทธิพิเศษซึ่งอาจต้องรอให้เงื่อนไขเรียบร้อย (เช่น สิทธิ์รัฐบาล, ส่วนลด, แพ็กเกจบริการ)

BYD กล้าชนตลาด Kei Car ญี่ปุ่นด้วย BEV เต็มรูปแบบ เพราะรู้ว่า

“ถ้าพิสูจน์ได้ว่ารถไฟฟ้าของจีนใช้ชีวิตได้จริงในญี่ปุ่น ตลาดไหนในโลกก็ไม่มีอะไรยากอีกแล้ว”

RACCO จึงไม่ใช่แค่ Kei Car ไฟฟ้าคันจิ๋ว แต่มันคือ หมากทดลองเชิงกลยุทธ์ของ BYD ในดินแดนที่เคยเป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยียานยนต์โลก และถ้า RACCO ประสบความสำเร็จ นั่นจะกลายเป็นสัญญาณเปลี่ยนยุคของวงการ BEV ทั่วเอเชีย

carnewschina

Advertisement Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้