ภาษีถล่ม GM คาดทั้งปีนี้ขาดทุน 160,000 ล้านบาท ขายดีแต่กำไรหด!

ภาษีถล่ม GM คาดทั้งปีนี้ขาดทุน 160,000 ล้านบาท ขายดีแต่กำไรหด!
Spread the love
Advertisement Advertisement

Advertisement

 

 

เจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเปิดเผยว่ารายได้ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35,381 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของภาษีนำเข้า ซึ่งบริษัทคาดว่าจะทำให้รายได้ยังคงลดลงต่อเนื่องตลอดทั้งปี

แม้จะมีข่าวร้ายเรื่องภาษี แต่ผู้บริหารอย่าง CEO แมรี่ บาร์ร่า (Mary Barra) และ CFO พอล เจคอบสัน (Paul Jacobson) ยังคงมีท่าทีเชิงบวกระหว่างการประชุมกับนักวิเคราะห์ในช่วงเช้าวันอังคาร ซึ่งถูกตั้งคำถามอย่างหนักเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีต่อกำไร และทิศทางความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มลดลงหลังจากสูญเสียสิทธิ์รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ

บรรยากาศภายในบริษัทยังคงเป็นไปในเชิงบวก เนื่องจาก GM สามารถทำรายได้รวมครึ่งปีแรกได้ถึง 91,000 ล้านดอลลาร์ 2.92 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ โดยมาจากความต้องการซื้อรถที่พุ่งสูงในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม จากการที่ผู้บริโภคแห่ซื้อรถก่อนการปรับราคาขึ้นจากผลของภาษี โดยรถ SUV เป็นกลุ่มที่ขายดีที่สุด โดยเฉพาะ Chevrolet Equinox ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า GM ก็ยังคงมีความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ Chevrolet ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ EV อันดับ 2 ของสหรัฐในไตรมาสนี้ ขณะที่ Cadillac ซึ่งเป็นแบรนด์หรูของ GM ก็ติดอันดับ 5

แม้บริษัทจะคาดการณ์ว่ายอดขาย EV จะลดลงจากการสูญเสียสิทธิ์เงินสนับสนุน แต่บาร์ร่ากล่าวว่าเธอยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ EV โดยระบุว่า:

“แม้อุตสาหกรรม EV จะเติบโตช้าลง เราก็ยังเชื่อมั่นว่าในระยะยาว รถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถสร้างผลกำไรได้ และเป้าหมายหลักของเราก็ยังไม่เปลี่ยน เราจะปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง โดยให้ความสำคัญกับลูกค้า แบรนด์ของเรา และโครงสร้างการผลิตที่ยืดหยุ่น พร้อมกับใช้ประโยชน์จากการลงทุนในแบตเตอรี่ภายในประเทศ และแผนปรับปรุงกำไรอื่นๆ”

Advertisement

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ภาษีนำเข้าก็ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อ GM แม้จะเป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกัน โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีรวมตลอดปีนี้ราว 4,000–5,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 128,000 – 160,000 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 64,000 ล้านบาท เกิดจากการนำเข้ารถจากเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงรุ่นยอดนิยมอย่าง Chevrolet Trailblazer, Trax, Buick Encore GX และ Envista ที่ผลิตในเกาหลี

ผู้บริหารระบุว่าบริษัทมีแผนที่จะลดผลกระทบจากภาษีลงได้ถึง 30% ผ่านการปรับแผนกลยุทธ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงฐานการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามเหล่านี้จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการและออกผลอย่างเต็มที่

สรุป

  • เจเนอรัล มอเตอร์ส (GM) รายงานรายได้ไตรมาส 2 ปี 2025 ลดลง 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 35,381 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • สาเหตุหลักของรายได้ที่ลดลงมาจากผลกระทบของภาษีนำเข้า และบริษัทคาดว่าจะมีผลกระทบต่อเนื่องตลอดทั้งปี
  • แม้มีแรงกดดันจากภาษี แต่ผู้บริหารอย่าง CEO แมรี่ บาร์ร่า และ CFO พอล เจคอบสัน ยังมีท่าทีเชิงบวก และมั่นใจในทิศทางของบริษัท
  • GM ทำรายได้รวมครึ่งปีแรกได้ถึง 91,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.92 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • ความต้องการซื้อรถพุ่งขึ้นในเดือนเมษายนและพฤษภาคม เนื่องจากผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นตามภาษี โดยเฉพาะกลุ่ม SUV ที่ขายดีมาก
  • Chevrolet Equinox มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
  • ด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) Chevrolet ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ EV อันดับ 2 ของสหรัฐ และ Cadillac อยู่ในอันดับ 5
  • แม้จะสูญเสียสิทธิ์เงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ยอดขาย EV ชะลอตัว แต่ GM ยังมองบวกและยืนยันเป้าหมายระยะยาวในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
  • บริษัทจะเน้นการตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลง การรักษาคุณค่าแบรนด์ และการใช้โครงสร้างการผลิตที่ยืดหยุ่น รวมถึงการลงทุนในแบตเตอรี่และแผนเพิ่มประสิทธิภาพกำไร
  • GM คาดว่าภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบรวมประมาณ 4,000–5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 128,000 – 160,000 ล้านบาท) ในปีนี้
  • เฉพาะการนำเข้าจากเกาหลีใต้ เช่น Trailblazer, Trax, Encore GX และ Envista จะกระทบประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 64,000 ล้านบาท
  • GM มีแผนลดผลกระทบจากภาษีลงได้ถึง 30% ผ่านกลยุทธ์ เช่น การเปลี่ยนฐานการผลิต แต่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการให้เห็นผลชัดเจน

Motor1

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้