23 ปี ISUZU ผลิตรถยนต์ในไทย ส่งออกสะสมกว่า 3 ล้านคัน สร้างงานกว่า 850,000 คน
อีซูซุสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ส่งออกรถจากฐานการผลิตไทยครบ 3 ล้านคัน ชูไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์โลก
อีซูซุเดินหน้าตอกย้ำความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หลังประกาศยอดการส่งออกรถยนต์จากฐานการผลิตในประเทศไทย—ทั้งรถปิกอัพ Isuzu D-Max และรถอเนกประสงค์ Isuzu MU-X—ครบ 3,000,000 คัน อย่างเป็นทางการ นับเป็นหลักไมล์ระดับโลกที่สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะ “โปรดักชันฮับรถปิกอัพที่สำคัญที่สุดของอีซูซุ” และคือแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
3 ล้านคัน = ความเชื่อมั่นระดับโลกต่อคุณภาพรถไทย
มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ระบุว่า การส่งออกครบ 3 ล้านคันในครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จด้านคุณภาพการผลิต ความทนทาน และมาตรฐานระดับสากลที่ลูกค้าทั่วโลกเชื่อมั่นในรถอีซูซุที่ผลิตในไทย
อีซูซุได้ย้ายการผลิตรถปิกอัพจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ทำให้ไทยกลายเป็นฐานหลักในการผลิตรถเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกสู่กว่า 120 ประเทศทั่วโลก ทั้งเอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง และยุโรป
ด้วยคุณภาพตามแบบฉบับญี่ปุ่นและทักษะแรงงานไทย ทำให้รถอีซูซุที่ผลิตในไทยได้รับการยอมรับด้าน:
- ความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน
- อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีเยี่ยม
- ต้นทุนบำรุงรักษาต่ำ
- สมรรถนะและการใช้งานได้จริงทุกภูมิประเทศ
เริ่มส่งออก “Isuzu D-Max EV” จากไทยสู่ยุโรป – หมุดหมายใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าไทย
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญปีนี้ คือการเริ่มส่งออก ปิกอัพไฟฟ้า Isuzu D-Max EV จากไทยไปยังยุโรป ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้ไทยในฐานะฐานผลิตรถ EV เชิงพาณิชย์รายแรกของอีซูซุ
รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาให้เหมาะกับมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพระดับสูงในยุโรป สะท้อนถึงศักยภาพ R&D ที่อีซูซุย้ายเข้ามาในไทยทั้งระบบ ทำให้ประเทศไทยก้าวสู่บทบาทใหม่ในยุคยานยนต์ไฟฟ้า
Value Chain แข็งแกร่ง – ไทยเป็นแรงขับเศรษฐกิจสำคัญของอีซูซุ
อีซูซุมีแนวทางสร้าง Value Chain ครบวงจรในประเทศไทยผ่านหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่:
- Local Content มากกว่า 90% ในรถปิกอัพ
- ฐานผู้ผลิตชิ้นส่วนกว่า 2,500 บริษัท
- แรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์มากกว่า 850,000 คน
- ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ย้ายจากญี่ปุ่นมายังไทย ครอบคลุมรถเล็ก–รถใหญ่
- การลงทุนด้านการผลิตและโลจิสติกส์ที่ต่อเนื่องในรอบหลายสิบปี
องค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้ไทยเป็น “หัวใจหลัก” ของการผลิตรถอีซูซุทั่วโลก ทั้งในปัจจุบัน และยุคยานยนต์อนาคตที่กำลังจะมาถึง

ไทม์ไลน์สำคัญ การส่งออกของอีซูซุจากไทย
พ.ศ. 2557 : ส่งออกครบ 1,000,000 คัน
พ.ศ. 2562 : ส่งออกครบ 2,000,000 คัน
พ.ศ. 2568 : ส่งออกครบ 3,000,000 คัน
เฉลี่ยแล้วอีซูซุเพิ่มยอดส่งออก 1 ล้านคันทุก ๆ 5–6 ปี แสดงถึงการเติบโตที่มั่นคงและต่อเนื่องแม้ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจโลกหลายช่วงเวลา
อยู่คู่คนไทยมากว่า 67 ปี ไม่เคยย้ายฐาน แม้ยามวิกฤต
อีซูซุเริ่มดำเนินธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 และเปิดสายการผลิตในปี พ.ศ. 2506 ปัจจุบันมียอดผลิตรวมในประเทศไทยกว่า 6 ล้านคัน โดยกว่า 50% เป็นการส่งออก
การลงทุนระยะยาวของอีซูซุช่วยสนับสนุนไทยให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีฐานอุตสาหกรรมยานยนต์แข็งแกร่งที่สุดในโลก และเป็นตัวอย่างของการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยแบบยั่งยืน
ก้าวสู่อนาคต อีซูซุมุ่งสู่ Carbon Neutrality
อีซูซุระบุว่าบริษัทจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนให้สอดคล้องเป้าหมาย Carbon Neutrality ผ่านเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลประสิทธิภาพสูง ไฮบริด รถไฟฟ้า รวมถึงระบบขับเคลื่อนทางเลือกอื่น
ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้แนวคิด “Isuzu Trusted Buddy… อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” ที่สะท้อนว่าบริษัทจะเติบโตไปพร้อมกับคนไทยในระยะยาว
สรุปภาพรวม
การส่งออกรถอีซูซุจากไทยครบ 3 ล้านคันไม่ใช่แค่ความสำเร็จของผู้ผลิต แต่เป็นชัยชนะของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจระดับมหภาค ทั้งด้านการจ้างงาน การผลิต การส่งออก และการพัฒนาเทคโนโลยี
ไทยยังคงเป็น “ฐานการผลิตเชิงกลยุทธ์ระดับโลก” ของอีซูซุ และพร้อมก้าวสู่ยุคใหม่ของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมั่นคง
รวมราคา 38 รุ่นย่อย ISUZU D-MAX อีซูซุ ดีแม็ก ใหม่ 2025 ดีเซลเทอร์โบ 2.2 และ 3.0

